ตอนที่7

1415 Words
หกเดือนต่อมา... มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในชิคาโก “นานา ทางนี้!” เสียงเรียกชื่อเธอที่เป็นภาษาไทยดังคุ้นหูทำให้ชลธิณาถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน แล้วเหลียวหันไปมองตามต้นเสียงเรียกและเมื่อเห็นตัวคนเรียกเท่านั้นแหละ ชลธิณาก็รีบซอยเท้าถี่ๆ ลงจากบันไดเตี้ยๆ สามสี่ขั้นหน้าตึกคณะบริหารศาสตร์เพื่อตรงไปหาฝาแฝดของเธอด้วยสายตาตื่นเต้นปะปนกับไม่อยากจะเชื่อที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ได้ “นัท! มาได้ยังไงน่ะ?” ชลธิณาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฝาแฝดของตนเอง ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับด้วยความตื่นเต้นผสมกับดีใจที่เจอชลนรรจ์ หลังจากที่เธอกับเขาไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมานานกว่าหกเดือนแล้ว และเป็นหกเดือนแรกที่ฝาแฝดอย่างเธอกับเขาที่ไม่เคยแยกกันนานเกินหนึ่งสัปดาห์ต้องห่างกัน...ชลธิณาน้ำตาคลอ เธอดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อเจอพี่ชายฝาแฝดของตัวเองอย่างกะทันหันเช่นนี้ “คิดถึงนานาไง” ชลนรรจ์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาส่งผลให้สาวๆ ที่กำลังเดินผ่านอดเหลียวมองไม่ได้เพราะมันช่างดูดีราวกับเป็นรอยยิ้มของเทพบุตร หากตอนนี้ในสายตาของชลนรรจ์ไม่ได้มีไว้เหลือบแลใครแม้แต่น้อย นอกจากฝาแฝดของตนเองอย่างชลธิณาเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขา “…แล้วเป็นไงบ้าง?” ชายหนุ่มตอบพลางดึงร่างเล็กให้เข้ามาชิดเพื่อมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสำรวจตรวจตราไปด้วย ราวกับว่าเขากำลังสแกนหาจุดแตกหักหรือรอยขีดข่วนบนร่างของแฝดน้องอย่างไรอย่างนั้น “ก็ดี” ชลธิณาตอบ “แต่เป็นครั้งแรกเลยที่นานาไม่ได้อยู่กับนัท คิดถึงน่าดูเลย” หญิงสาวเอ่ยจบก็ส่งยิ้มด้วยความดีใจจริงๆ ที่เห็นชลนรรจ์ อยู่ที่นี่ แรกๆ เธอแทบจะทนไม่ไหวเลยกับการที่จะต้องแยกจากคู่แฝดของตนเอง เธอเพิ่งรู้ตัวเองหลังจากได้แยกกับชลนรรจ์จริงๆ นั่นแหละว่าเธอ ‘ติด’ เขามากเพียงใด และต้องยอมรับว่าชีวิตของเธอสะดวกสบายเพียงใดกับการที่มีชลนรรจ์คอยออยู่ช่วยเหลือข้างๆ “ดีแล้ว” คนเป็นพี่ยิ้มปลื้มที่อีกฝ่ายบอกว่าคิดถึง แต่ถึงอย่างนั้นการที่ชลธิณาไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อนแล้วร่ำร้องอยากจะอยู่ด้วยกันตาม เดิมก็ทำให้เขาทั้งเอ็นดูทั้งอดสงสารไม่ได้ว่าอีกฝ่ายต้องพยายามมากเพียงใดที่จะแยกห่างจากกัน “ต่อไปนานาจะได้อยู่ได้ เพราะนัทไม่ได้อยู่กับนานาได้ตลอดไปนี่นะ” เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่อาจอยู่กับอีกฝ่ายไปจนชั่วชีวิตได้ ชลนรรจ์แม้บางครั้งก็อยากจะกลับมาอยู่กับฝาแฝดของตนเองตามเดิมก็ให้กำลังใจอีกฝ่าย เพราะตัวเขาเองก็ต้องพยายามทำใจเช่นเดียวกันว่าเขาไม่อาจอยู่ดูแลชลธิณาได้ตลอดชีวิตนี้ ชลธิณาได้ยินฝาแฝดพูดอย่างนั้นก็ได้แต่แกล้งทำหน้ามุ่ย แล้วค้อนควักใส่อีกฝ่ายทันทีด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ “แหม…เขารู้อยู่หรอกว่าตัวก็อยากไปหาสาวบ้างอะไรบ้าง” เพราะบางครั้งบางครา ชลนรรจ์ที่ ‘แอบ’ ไปมีแฟนก็มักจะทิ้งเธอไว้ที่บ้านแล้วหนีไปเดตกับแฟนสองต่อสอง...แต่พอเธอแต่จะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง บางทีตาคนขี้หวงนี่ก็เล่นขับรถไปรับไปส่ง ถ้าเห็นว่าเธอไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่แล้วมีเพื่อนของเพื่อนที่เป็นผู้ชายพ่วงตามมา ชลนรรจ์ปล่อยหัวเราะเสียงดังลั่น รู้ทันว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธอะไรแต่แค่หมั่นไส้เขาเท่านั้น มือใหญ่ของคนเป็นพี่เลยอดที่จะขยี้เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลไหม้ของชลธิณาไม่ได้ “รู้ทันน่ายายตัวแสบ” ชลธิณาปัดมือคนที่ทำผมเธอยุ่งเป็นรังนกออก จ้องมองเขาตาดุๆ ส่งผลให้อีกฝ่ายหมั่นเขี้ยวแล้วลงมือขยี้มากกว่าเดิมจนพอใจนั่นแหละชลนรรจ์จึงลามือ ชลธิณาพยายามจัดผมตัวเองให้เข้าทรงและในระหว่างนั้นก็อ่อนใจเกินกว่าจะต่อว่าชลนรรจ์ได้ สุดท้ายจึงได้แต่เปลี่ยนเรื่องถามอีกฝ่ายว่า “แล้วนี่มาหานานามีอะไรเหรอ?” “ก็บอกแล้วว่าคิดถึง” ชลนรรจ์ตอบอย่างรวดเร็ว แล้วพอชลธิณาปรายตามองด้วยท่าทีที่แสดงออกชัดว่าไม่เชื่อ ‘คำพูด’ ของเขาเลยแม้แต่น้อย แฝดพี่เลยหัวเราะแหะๆ เสียงแห้ง แล้วเอ่ยถึงจุดประสงค์อันดับหนึ่งขึ้นมาในทันที “แล้วก็...จะชวนไปเวกัสด้วยนะ สนใจไหม” ‘เวกัส’ ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงก็คือ ‘ลาสเวกัส’ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมืองคนบาป’ เพราะที่นั่นเต็มไปด้วยกาสิโนน้อยใหญ่ทั่วทั้งเมืองเลยก็ว่าได้ แต่ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่เธอรู้ว่าชลนรรจ์จดไว้ในรายการท่องเที่ยวส่วนตัวว่า ‘ไม่ควรพลาด’ “หืม?” ชลธิณาร้องครางในลำคอ ปรายตามองคนชักชวนด้วยสายตาสงสัย “ไปทำไมน่ะ?” เธอถาม “ไปเที่ยวน่ะซี่” ชลนรรจ์ตอบคำถามของฝาแฝดเสียงสูง เขาดึงเท็กซ์บุ๊คเล่มโตสองสามเล่มในอ้อมกอดของฝาแฝดมาถือเอาไว้เองด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างจูงมือชลธิณาให้ออกเดินไปด้วย กัน ที่ชิคาโกนี้...เนื่องจากว่าเขากับชลธิณาอาศัยอยู่มานานตั้งหลายเดือนก่อนหน้าจะแยกกันไปเรียนในระดับปริญญาโท จึงทำให้บิดามารดาเช่าห้องขนาดสองห้องนอนที่ค่อนข้างหรูพอสมควรให้แก่ลูกชายหญิงฝาแฝด ของตนเองและเมื่อชลนรรจ์ย้ายไปต่างเมือง ชลธิณาก็ยังอยู่ที่เดิมและไม่ได้หาคนมาแชร์ค่าห้องด้วยเพราะชอบที่จะอยู่กับคนในครอบครัวมาก กว่า ซึ่งครอบครัวเนติพัฒน์ก็ไม่เดือดร้อน เนื่องจากพวกเขามีฐานะที่จัดอยู่ในระดับ ‘เศรษฐี’ ชั้นนำคนหนึ่งในประเทศไทยเพราะกิจการส่งออกของครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเจ้าสัวชลจะยอมให้ลูกๆ ของตนเองสบายเกินไปจนทำอะไรไม่เป็น เพราะทั้งชลธิณาและชลนรรจ์จะถูกจำกัดค่าใช้จ่ายที่ใช้ได้อย่างพอเพียงหากไม่สุรุ่ยสุร่าย และถ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากสิ่งจำเป็น ทั้งสองคนก็ต้องดิ้นรนหาเงินใช้เอง ซึ่งทั้งชลนรรจ์และชลธิณาก็ไม่มีปัญหากับข้อบังคับนี้ของบิดา “เราไม่เล่นพนัน” คำตอบของชลธิณาคล้ายกับจะปฏิเสธ ทำให้ชลนรรจ์มองค้อนตา แทบกลับส่งผลให้คนช่างขัดหัวเราะขันในลำคอ ขณะที่ชลนรรจ์ก็อธิบายต่อไปอย่างรวดเร็วเพื่อโน้มน้าวใจอีกฝ่าย “มันก็ไม่ได้มีแต่กาสิโนนะ ที่นั่นยังมีอะไรให้นานาดูเล่นเยอะเลย แหม…ไปเถอะ” ตอนท้ายน้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นคะยั้นคะยอ แถมมีการเขย่ามือที่จับมือเธอจูงเดินไปด้วยกันออดอ้อนอีกต่างหาก ชลธิณาขำก็ขำกับท่าทีของแฝดหนุ่ม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ “ทำไมขยันชวนจัง มีอะไรหรือเปล่า?” “ก็…” ชลนรรจ์ได้แต่หัวเราะแหะๆ เสียงแห้ง ปรายตามองชลธิณาสลับกับมองทางข้างหน้า ท่าที ‘คล้าย’ กับจะเขินอายของคนที่ประจำหน้าด้านก็ทำให้ชลธิณาอดคาดคั้นไม่ได้ “ว่าไงล่ะนัท?” ชลนรรจ์หัวเราะแหะๆ มากกว่าเดิม แล้วจึงยอมเฉลยในที่สุดถึงสาเหตุของการชวน “ถ้านานาไปด้วย พ่อกับแม่จะได้แถมพ็อกเกตมันนี่ให้เพิ่มอีกไง” “โธ่…” หญิงสาวกรอกตา สงสัยว่าชลนรรจ์ต้องขี้เกียจทำงานหาเงินเองแน่ๆ ถึงได้จะเอาเธอไปเป็นข้ออ้างขอเงินป๊ากับม้าน่ะ ซึ่งอีกฝ่ายรู้ดีว่าถ้ามีเธอพ่วงไปด้วยเมื่อไหร่ ภาพลักษณ์ ‘เด็กดี’ ของเธอก็จะทำให้บิดามารดาเอ็นดูเป็นพิเศษและยอมเพิ่ม ‘พ็อกเกตมันนี่’ ให้ตามที่ชลนรรจ์เอ่ยนั่นแหละ! “อีกอย่าง...” ชลนรรจ์เอ่ยขึ้น และนั่นทำให้ชลธิณาถึงกับมองตาค้าง นี่เหตุผลของนัทยังไม่หมดอีกเหรอเนี่ย! “อะไรล่ะนัท?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD