ตอนที่5

895 Words
วันต่อมา โชคดีของชลนรรจ์ที่เพื่อนร่วมคลาสเรียนภาษาของเขาคนหนึ่งมีญาติเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถที่นี่ อีเลียนเลยพาเขาไปที่อู่ของญาติเมื่อชลนรรจ์เปรยๆ กับอีกฝ่ายว่าเขาต้องการที่ซ่อมรถ “รถนายไปโดนอะไรมาเนี่ย” อีเลียนถาม เมื่อมองสภาพรถของเพื่อนที่กันชนหน้ายุบและดูเหมือนจะหลุดออกมาด้วย ชลนรรจ์ยักไหล่แล้วตอบแก้ตัวไปหน้าตาเฉยว่า “ชนสุนัขน่ะ” “ที่ไหนน่ะ?” อีเลียนถามอย่างแปลกใจ เพราะจากสภาพหากชนสุนัขมันไม่น่าจะทำให้ด้านหน้ายับได้ขนาดนี้... “ดูเหมือนสุนัขนั่นจะตัวใหญ่น่าดูนะ” หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนเปรยๆ แล้วเหล่ตามองหนุ่มไทย ชลนรรจ์คลี่ยิ้มไร้ความหมาย แล้วตอบรับอย่างกำกวม “ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วนี่ญาตินายจะซ่อมได้เร็วสุดเมื่อไหร่?” เขาเปลี่ยนเรื่องถาม อีเลียนไหวไหล่ ก่อนหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนจะหันไปเจรจากับญาติของตนเองให้ แล้วจากนั้นฝ่ายนั้นก็บอกว่าไม่เกินสามวันรถจะเสร็จสมบูรณ์ซึ่งชลนรรจ์พึงพอใจกับผลนั้นแล้ว แม้ว่าฝ่ายนั้นจะมองอย่างสงสัยอยู่หน่อยว่าสภาพของรถไม่น่าจะเป็นการชนสุนัขแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และชลนรรจ์ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไร ไม่นานชายหนุ่มก็ขอตัวจากอีเลียน ก่อนจะมุ่งหน้าไปจัดการธุระขั้นต่อไป...เขาจะแอบไปสอบถามเรื่องของผู้หญิงคนเมื่อวาน อย่างน้อยชลนรรจ์ก็ไม่ได้เลือดเย็นถึงขั้นที่จะฆ่าคนตาย หรือทิ้งคนเจ็บไม่ดูดำดูดี เมื่อคืนเขาเองก็นอนไม่ค่อยหลับกับการตัดสินใจอย่างนั้น แต่เพราะไม่อยากให้ชลธิณาต้องประสาทเสียไปมากกว่านี้เขาจึงไม่อยากให้หญิงสาวมายุ่งเรื่องเหล่านี้และปล่อยให้มันเป็นธุระของเขาดีแล้ว... ชลนรรจ์โทรไปสองสามโรงพยาบาลเพื่อสอบถามว่ามีผู้หญิงที่เข้าเค้าลักษณะเมื่อวานหรือไม่ ซึ่งโชคดีที่เขาสุ่มเจอที่โรงพยาบาลแรก ตอนแรกชายหนุ่มไม่คิดจะเข้าไปดูด้วยตาตัวเอง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ...อย่างน้อยการไปเห็นด้วยตาตัวเองว่าเจ้าหล่อนจะยังมีชีวิตอยู่น่าจะเป็นการช่วยให้เขาและชลธิณาหายรู้สึกผิดได้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ชายหนุ่มจึงลองเข้าไปสอบถาม ตอนแรกประชาสัมพันธ์ที่หน้าเคาน์เตอร์จะไม่บอกรายละเอียดเขาแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาแจ้งว่าเขาคือพลเมืองดีที่โทรแจ้งว่าพบหญิงสาวบาดเจ็บอยู่ริมถนน เจ้าหล่อนจึงเปลี่ยนท่าทีแล้วบอกแก่เขาว่าเธอยังไม่พ้นจากอาการโคม่าและตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูเพื่อรอดูอาการ และสภาพร่างกายเธอบอบช้ำหนักที่เห็นชัดเจนคือมีเลือดคั่งในสมอง ช้ำในและขาหักทั้งสองข้าง ส่วนแผลที่โดนยิงนั้นไม่หนักหนาอะไร ชลนรรจ์ขอบคุณอีกฝ่ายแล้วเดินตรงไปยังห้องไอซียูเพื่อไปดูสภาพผู้หญิงคนนั้นด้วยตาตัวเอง เขามองผ่านกระจกใส...พยาบาลแจ้งว่าเมื่อวานพี่ชายของเธอก็มาเยี่ยมแล้ว และเมื่อเธออาการดีขึ้นเขาอาจจะทำเรื่องขอย้ายผู้ป่วยกลับ ไปลาสเวกัสเพื่อทำการรักษาที่นั่นเนื่องจากสะดวกในการดูแลคนเจ็บมากกว่า ชลนรรจ์มองหญิงสาวที่มีเครื่องช่วยหายใจและสายอื่นๆ ระโยงระยางเต็มร่างเล็กๆ นั้นแล้วก็ได้แต่น้ำตาซึมด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ โชคดีชะมัดที่เขาไม่ยินยอมให้ชลธิณามาเห็นภาพนี้เหมือนที่เขาได้เห็น รับรองว่ายายน้องสาวของเขาจะวิ่งไปสารภาพความผิดทุกสิ่งทุกอย่างแน่ๆ ทั้งๆ ที่เขามาคิดทวนดูแล้ว...ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกมาเหมือนกับจะหนีตายจากกลุ่มพวกรถสีดำที่ไล่ตามนั่นต่างหาก แถมแผลถูกยิงด้วย...เขากับชลธิณากลายเป็นแพะในเหตุการณ์นั้นแท้ๆ ชลนรรจ์ตัดสินใจหันหลังแล้วเดินออกไปจากที่นั่น ตอนนี้ถือว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว และชลธิณาก็น่าจะสบายใจได้ว่าอย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็คงจะไม่ตาย เขาคิดก่อนจะล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาแล้วติดต่อน้องสาวฝาแฝดทันที เมื่ออีกฝ่ายยอมรับสาย ชลนรรจ์ก็บอกแก่หญิงสาวเพื่อให้คนที่เขารู้ว่าเจ้าหล่อนคงกำลังรอคอยคำตอบจากเขาแน่ๆ “ผู้หญิงคนนั้นปลอดภัยนะนานา...ไม่ต้องห่วงนะ” เขาบอกคนเป็นน้องสาวด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้แจ่มใส ร่าเริงเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ...โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันผิดมาตลอดและเขาก็ทำอะไรบางอย่างพลาดไปถนัดใจ! และเมื่อชลธิณาปล่อยโฮด้วยความโล่งใจ ชลนรรจ์จึงปลอบหญิงสาวแผ่วเบาไปตลอดทางที่ออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปหาอีกฝ่าย และอีกไม่นาน...เขาเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่อยู่ในความทรงจำของเขาและชลธิณา พวกเขาจะลืมมันเหมือนกับที่เคยลืมฝันร้ายในสมัยเด็กๆ ไปจนหมดสิ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD