4. ปลาแลกข้าว

1815 Words
พลบค่ำ… สามพี่น้องต่างสายเลือดก็พากันกลับเรือนน้อยที่พักอาศัยของพวกตน ทว่ามันก็ทุลักทุเลนัก เพราะต้องเอาถังที่เต็มไปด้วยปลากลับบ้านด้วย และคนรับหน้าที่นี้ก็คือเหยาอัน นางใช้ไม้ไผ่เป็นคานหาบถังปลาเดินกลับเรือน ทว่ารูปร่างผอมบางของมู่เหยาอันมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ กว่าจะถึงทำให้ต้องหยุดพักไปหลายรอบ และทางที่เดินมาก็พบกับคนในหมู่บ้านที่กำลังลงมาจากเขา ชายวัยกลางคนจึงรีบเข้ามาถาม “พวกเจ้าไปได้ปลาจากที่ใดมาเยอะแยะเชียว ขายหรือไม่” ร่างท้วมรีบเดินเข้ามาขวาง พร้อมกับเผยยิ้มให้ผู้ที่หาบถังปลาอย่างเป็นมิตร หญิงสาวจึงหันไปหาเด็กน้อยทั้งสองเป็นเชิงถาม “ลุงจาง นายพรานหาของป่าไปขายในเมืองขอรับ” จื่อเทาเอ่ยบอก ท่าทางเด็กน้อยไม่ค่อยอยากพูดคุยเท่าใดนัก “ข้าขอเอาแลกข้าวได้หรือไม่” เหยาอันแสร้งหยั่งเชิง “ได้ ๆ เช่นนั้น ปลาหนึ่งตัวแลกข้าวหนึ่งถ้วยเป็นอย่างไร” เหยาอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะก้มมองปลาในถังที่มีแต่ตัวใหญ่ ๆ หากแลกข้าวเป็นถ้วยมันไม่มีทางคุ้มแน่ ดูท่าตาลุงคนนี้คงคิดจะเอาเปรียบนางเสียแล้ว เพราะนางเคยเห็นถ้วยข้าวที่คนยุคนี้นิยมใช้กัน มันเล็กจนฝ่ามือน้อย ๆ ของนางสามารถอุ้มไว้ได้เลย ปลาหนึ่งตัวกับข้าวหนึ่งถ้วยงั้นเหรอ ขนาดเอามาต้มยังแทบไม่พอกินเลยมั้ง ‘เก็บไว้ไปแลกปลาซิวเถอะลุง’ นางก่นด่าอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าว่ามันไม่ถูกต้อง ข้าวหนึ่งถ้วยแลกกับปลาตัวใหญ่ คนหาก็ขาดทุนแย่น่ะสิ เอาเป็นว่า ถ้าท่านลุงอยากได้ ก็ไปรอที่หมู่บ้านก็แล้วกันนะ ข้าจะเอาไปแลกและขายที่นั่น ใครให้ราคาดีคนนั้นก็ได้ไปแล้วกัน” เอ่ยจบร่างผอมก็หาบเอาถังปลาขึ้นบ่า ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกจากคนด้านหลังเลยสักนิด ถึงกระนั้นเขาก็ยังเดินตามจนถึงเรือน และได้ต่อรองกับนางอีกรอบ ทว่าคราวนี้เป็น ปลาหนึ่งถังแลกกับข้าวหนึ่งถังแทน “ทำไมราคามันขึ้นเร็วขนาดนี้ล่ะท่านลุง” เหยาอันยืนเท้าสะเอวเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างไร้มารยาท ท่าทางไม่ต่างจากนักเลงหัวไม้ “ข้าจะเอาไปขายในเมือง เจ้าให้ข้าเถิดนะ” “ปลานี่มีราคาหรือ ท่านถึงอยากได้นัก” ถามตรง ๆ อีกฝ่ายจึงอึกอัก เพียงเท่านั้นเหยาอันก็รู้แล้ว “ราคามันเท่าไหร่ เอาดีดี หากท่านยังโกหกคิดไม่ซื่อ ข้าจะเอาไปขายเอง” หญิงสาวเอ่ยข่มขู่ ถึงแม้นางไม่เคยอยู่ในยุคนี้ ทว่าความที่เป็นคนชอบศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับยุคโบราณของประเทศที่ตนใฝ่ฝัน มันก็ทำให้นางรู้ว่า ปลาที่อยู่ในถังนี้ เป็นปลาที่หายากและแพงมาก ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันก็ยังมีราคาแพง เรียกว่าราคาข้าวยังถูุกกว่าด้วยซ้ำ ลุงจางมีท่าทางอึกอัก เพราะนึกไม่ถึงว่าเด็กสาวที่เคยเอาข้าวของเครื่องใช้ในเรือนไปแลกอาหารคนนี้จะเกิดฉลาดรู้จักคิดขึ้นมาได้ ทว่าหากเขาบอกความจริงกับนาง ตนคงได้กำไรไม่เท่าไหร่ แต่ละตัวอวบอ้วนเต็มไปด้วยเนื้อขนาดนี้ต้องได้ราคาดีแน่ แต่ครั้นจะแย่งชิงมาก็ยิ่งทำไม่ได้ หากทำเช่นนั้นต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่าง… เขาอยากรู้วิธีที่นางหาปลา ภายหน้าจะได้ออกหาเอง ได้แค่ตัวสองตัวเขาก็สบายไปทั้งเดือนแล้ว “ว่าอย่างไร คิดนานขนาดนี้ ดูท่าท่านลุงคงคำนวนราคาอยู่กระมัง ช่างเถิด… ข้าไปขายเองก็ได้” เหยาอันตั้งท่าจะหาบถังปลาออกไปอีก ทว่าชายวัยกลางคนกลับรั้งเอาไว้ “ปลาหนึ่งตัวข้าจะแลกข้าวให้เจ้าถังหนึ่งเลย พอใจหรือไม่” “ถังขนาดไหนล่ะ เล็กหรือใหญ่” เหยาอันยังคงฉลาดกล่าว “ใหญ่สิ ใส่ได้เป็นสิบชั่งเลยพอใจหรือไม่” “ข้าวสารหนึ่งชั่งยุคนี้น่าจะราคา 20-50 เหวิน ปลาหลี่มีราคาแพง ตัวใหญ่ขนาดนี้ก็น่าจะ 500-1000 เหวินเห็นจะได้ ข้าวสารสิบชั่งแลกกับปลาหนึ่งตัว ก็ถือว่าคุ้มไม่ขาดทุนอะไร งั้นก็แลก แต่ข้าขอแลกสามตัวเท่านั้นนะ ข้าจะแบ่งให้คนอื่นด้วย” มองหน้าอีกฝ่ายที่ทำท่าครุ่นคิด เพราะใจลุงจางอยากได้ทั้งหมดเลย “ไม่เอาก็ตามใจ” ร่างผอมตั้งท่าจะแบกหาบขึ้นมาอีก “ได้ ๆ เช่นนั้นข้าเอาปลาไปเลยนะ” ว่าพร้อมกับยื่นมือออกมา หมายจะจับเอาปลามาใส่ในย่ามของตนที่สะพายติดตัวมา “ช้าก่อน… อยากได้ท่านต้องไปเอาของมาแลกที่นี่ จะข้าวสารอาหารแห้งหรือเงินก็ได้ ตามแต่สะดวก ทว่าต้องเอามาให้เหมาะสมกับราคานะ มิเช่นนั้นท่านลุงจะเสียเที่ยวเปล่า ๆ” เอ่ยจบก็ยิ้มอ่อนส่งให้อย่างเป็นต่อ อีกฝ่ายก็ได้แต่มองหน้าอย่างเจ็บใจ “ได้ ข้าจะไปเอาข้าวสารและของกินอย่างอื่นมา” ท่าทางลุงจางนั้นหงุดหงิดมาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังยอมทำตามคำเรียกร้องของหญิงสาว ปลาสามตัวนี้เมื่อขายแล้วเขาก็อยู่สบายได้ทั้งเดือน แม้จะไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อมองเห็นถึงเม็ดเงินที่ตนจะได้รับเขาก็ยิ้มกริ่ม เมื่อเดินออกมาพ้นบริเวณ เสียงหยันก็ถูกเปล่งออกมา “หึ! คิดว่าตนฉลาดนักหรือ ปลาหลี่หนึ่งตัวราคาตั้งเกือบพันเหวิน แลกข้าวแค่ สี่ห้าร้อยเหวินก็ยอมแล้ว ยังคิดจะอวดฉลาดอีก” เสียงพึมพำดังไปตลอดทาง โดยไม่รู้เลยว่ามีเด็กน้อยเดินตามด้วย เพราะพี่สาวสั่งให้ไปแจ้งข่าวคนในหมู่บ้านมาดูปลา อันที่จริงเหยาอันรู้ดีว่าปลาที่ตนหามาได้นั้นมีราคาแพง ทว่าวันนี้นางเหนื่อยมาก ร่างกายนี้ก็ยังไม่แข็งแรง ครั้นจะหาบปลาไปขายเอง สู้ยืมมือผู้อื่นจัดการไม่ดีกว่าเหรอ ขายถูกลงหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องไปเล่ขายเอง อีกทั้งข้าวของที่แลกก็ไม่ต้องไปยกเองอีก เพราะคนที่อยากได้ ต้องนำมาแลกถึงเรือนเท่านั้น จึงจะได้ของไป ผ่านไปสองเค่อ ลุงจางก็เขนรถลากมาพร้อมกับชาวบ้านอีกสี่ห้าคนที่เดินตามมาเป็นพรวน ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่เด็กน้อยเคยไปขอความช่วยเหลือทั้งนั้น เมื่อเห็นเหยาอันยังไม่ตาย แววตาพวกเขาก็ดูตื่นตระหนกมาก เพราะเด็กสาวไม่น่ารอดแล้วจริง ๆ ทว่า… บัดนี้นางกำลังนั่งคัดปลาอย่างอารมณ์ดี แม้ใบหน้าจะซีดเซียวดูไร้สีสัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูดีกว่าสองวันก่อนนัก ยามนั้นใครมาเห็นก็ว่านางอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งคืน ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นเช่นนั้น เหยาอันตัวจริงตายไปแล้ว นี่คือคนอื่นที่มาอาศัยร่างต่างหาก “นี่เจ้าไปเอาปลาพวกนี้มาได้อย่างไร ใช้วิธีไหนถึงจับมันได้ บอกข้าได้หรือไม่” ลุงจินเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ใครอยากแลกก็แลกเลย อย่ามัวมาถามว่าข้าหามาได้อย่างไร ข้าอยากรีบขายรีบพัก มาลุงจางเอาถังมาใส่” ว่าพร้อมกับโบกมือเรียกชายวัยกลางคนอย่างกับสหาย ท่าทางนางไม่เหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่นเลยสักนิด ทว่าทำตัวอย่างกับผู้ใหญ่อายุยี่สิบไปแล้ว “ข้าเอาข้าวสารอย่างดีมาแลกหนึ่งถัง เจ้าพอจะเอาปลาให้ข้าสักตัวได้หรือไม่ ข้าจะเอาไปต้มซุปให้ภรรยาที่ตั้งครรภ์อยู่” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาทางด้านหลัง อายุเขาน่าจะยี่สิบต้น ๆ เหยาอันมองข้าวในถังก่อนจะใช้มือล้วงลงไปเพื่อควานข้าวสารขึ้นมา คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเล่เหลี่ยมจัด ที่ทำเช่นนี้เพราะนางเกรงว่าพวกเขาจะยัดไส้ข้าวไม่ดีด้านล่างมาให้ และการกระทำของนางก็ทำให้สองคนในกลุ่มถึงกับหน้าถอดสี เด็กสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ทำการค้ากับข้า หากคิดไม่ซื่อ ภายหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ของดีดีอีก” นางเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ “ขะ… ข้าจะกลับไปเอาข้าวมาใหม่ เจ้าอย่าพึ่งแลกหมดนะ” ชายแก่คนหนึ่งรีบเอ่ย ก่อนจะกระเตงข้าวในถังของตนกลับเรือน “พี่ชาย เอาข้าวไปเทใส่ตุ่มให้ข้าด้วย จื่อเทานำทาง” นางเอ่ยบอกชายหนุ่มที่ขอแลกปลาตัวเดียว แต่พอเขากลับมานางกลับจับให้สองตัว ทว่าอีกตัวไม่ใช่ปลาที่ราคาแพงเหมือนที่ทุกคนอยากได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ดีมากแล้วสำหรับชายหนุ่ม “ขอบใจนะเหยาอัน” เอ่ยบอกเสียงอ่อน จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม ส่วนลุงจางได้ปลาก็รีบกลับเรือนทันที เพราะนี่ก็ค่ำแล้ว เขาต้องรีบเอาปลาไปขายในเมือง มิเช่นนั้นราคาจะตก ส่วนคนที่เหลือก็ขอแลกไปคนละตัวสองตัว บางคนยัดไส้ข้าวสารเสียมาก็จำต้องควักเงินซื้อเอา เพราะโอกาสดีดีเช่นนี้ไม่ใช่หากันได้ง่าย ๆ เมื่อทุกคนไปหมดเสียงร้องดีใจของเด็ก ๆ ก็ดังขึ้นมาอย่างมีความสุข คนโตกว่าจึงได้แต่หลับตาค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้ “ไปก่อไฟนู่น จะได้หุงข้าวทำอาหารกิน” เหยาอันร้องสั่งเด็กชาย ก่อนจะเดินมานั่งพักที่ริมลำธาร ส่วนจื่อเทาก็ไม่ลังเลที่จะไปก่อไฟหุงหาอาหาร เพราะหน้าที่นี้เขาทำมาตั้งแต่ถูกพี่ชายทิ้งให้อยู่กับเหยาอันแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะทำตามที่นางบอก #เย้ ๆ เด็ก ๆ ได้ข้าวกินแล้ว กดใจ คอมเม้นกันด้วยนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD