ดรณ์มองท่าทีเสแสร้งของหล่อนแล้วเบะปาก
“ฉันว่าเธอจงใจมากกว่ามั้ง”
“แหม... ในช่วงห้าปี มันก็ต้องมีบางเรื่องที่แก้มลืมไปบ้าง และบ้างเรื่องที่แก้มยังจำได้แม่นฝังใจ”
โรซี่หรี่ตามองเขาอย่างเป็นนัยๆ ว่าเรื่องไหนที่เธอจำได้แม่นยำถึงความโหดร้ายเลือดเย็นของเขาที่เธอเคยได้รับ
ดรณ์จับจ้องหล่อนโดยไม่มีท่าทีร้อนรน เขานิ่งจนยากที่ใครจะเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของเขาได้ หล่อนนึกว่าขู่แบบนี้แล้วเขาจะกลัวรึไง
ไม่มีทาง!
“นั่นสิ เรื่องบางเรื่องก็ควรจำเอาไว้ให้ดีๆ เวลาจะทำอะไรจะได้คิดให้มากๆ ไม่ทำตัวสิ้นคิดน่ารังเกียจ”
เขาย้อนกลับทันควัน ให้หล่อนจดจำเรื่องหน้าด้านที่กล้าปีนขึ้นมาบนเตียงของเขา
“เจ้าดรณ์! แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
เดชถามอย่างเอาเรื่อง เขาไม่รู้ว่าลูกชายกับหลานสาวพูดเรื่องอะไรกันก็จริง แต่รู้ว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีเบื้องหลังไม่ดีซ่อนอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นแก้มหอมคงไม่หนีหายออกจากบ้านไปนานถึงห้าปีเต็มหรอก
นันทวันที่นั่งเป็นคนกลางเริ่มร้อนใจ ทำอะไรไม่ถูก นางไม่หวังให้ความลับถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีก จึงหันไปยิ้มให้เด็กสาว คะยั้นคะยอให้นั่งลงบนโต๊ะอาหาร ตักกับข้าวให้หล่อนอย่างเอาใจ
“นี่ไข่พะโล้ของโปรดหนู ทานให้เยอะๆ นะลูก”
โรซี่หัวเราะเบาๆ แล้วถาม
“คุณป้ายังจำได้อีกเหรอคะ”
“จำได้สิ นี่ป้าก็สั่งให้คนทำอาหารที่หนูชอบทั้งนั้นเลยนะ”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอมองนางอย่างซาบซึ้ง ผิดกับความคิดในใจที่ว่า...
ช่างตลบตะแลงเสียจริง!
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารมื้อเย็นค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อนันทวันคอยชักชวนเด็กสาวพูดคุย ซักถามถึงเรื่องการงานของหล่อน ซึ่งโรซี่ก็เล่าให้ฟังอย่างสนุกสนาน พลอยเรียกเสียงหัวเราะจากเดชได้เป็นระยะ ขณะที่ดรณ์นั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดหรือพูดอะไรที่ทำให้ขุ่นเคืองใจต่อกันขึ้นมาอีก
“แก้ม... ตอบลุงมาตามตรงนะ เกิดอะไรขึ้น ลูกหายไปไหนมาตั้งห้าปี”
จู่ๆ ชายชราก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยระคนห่วงใย ผิดกับผู้เป็นภรรยาของเขาที่พลันตัวแข็งขึ้นมา ส่วนลูกชายก็เอาแต่นิ่งเงียบราวกับไม่ใช่เรื่องของเขา
โรซี่ยิ้มนิดๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือท่านเอาไว้ บีบกระชับเบาๆ พลางพูดติดตลกว่า
“พอดีมีคนเตะตาความสวยของแก้มเข้าน่ะค่ะ เขาก็เลยชวนเข้าวงการไปเป็นนางแบบ แก้มเองก็อยากดัง เลยตามเขาไป”
เธอหัวเราะร่วน แต่เดชไม่มีท่าทีคลายใจเลยสักนิด ยังคงถามต่อ
“แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน สบายดีรึเปล่า”
“แก้มสบายดีค่ะ อาชีพนางแบบทำให้แก้มได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะทีเดียว แก้มชอบงานนี้ และอยากจะทำให้ดีที่สุด”
ดรณ์เหยียดปากเยาะ
ก็แน่ล่ะสิที่หล่อนจะชอบ ได้แต่งตัวสวยๆ โชว์เนื้อโชว์หนังเพื่อล่อบรรดาผู้ชายรวยๆ ให้หลงกล ปรนเปรอหล่อนสมดังใจ โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อ... แอนโทนี่ ฮอว์ก!
“แต่ลุงไม่วางใจ ลุงรับปากกับพ่อแม่ลูกแล้วว่าจะดูแลแก้มให้ดี กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะลูก จะได้จัดการเรื่องหมั้นให้เรียบร้อยด้วย”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ดรณ์ก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ ประกาศกร้าวทันที
“คุณพ่อจะมาบังคับให้ผมหมั้นกับใครที่ไหนไม่ได้นะครับ ผมรักเกว ผมจะหมั้นและแต่งงานกับเกวคนเดียวเท่านั้น คนอื่นผมไม่สน”
“แต่ฉันไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น” ท่านยื่นคำขาด
“แต่ผมไม่ได้รักแก้มหอม และจะไม่มีวันรักเด็ดขาด คุณพ่ออย่ามาบังคับใจผมเลยครับ”
“แก๊!”
เดชตบโต๊ะเสียงดัง โมโหที่ลูกชายกล้าฉีกหน้าเขาและยังพูดจาทำร้ายจิตใจเด็กสาว จนแทบจะปรี่เข้าไปตบหน้าสักฉาดสองฉาด แต่ยังไม่ทันได้ทำตามใจ ภรรยาก็เข้ามาขวาง ยกมือประคองตัวเขาเอาไว้เป็นเชิงห้ามปรามเสียก่อน
โรซี่นั่งมองสองพ่อลูกปะทะคารมกันอย่างดุเดือดราวกับนั่งดูหนังแอกชันเรื่องมันอยู่ มีนันทวันยืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆ เธอยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะเอ่ยขัดขึ้น มองพวกเขาตาแป๋ว
“นี่ไม่มีใครคิดจะถามความเห็นแก้มเลยเหรอคะ”
ทั้งสามคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว โดยเฉพาะดรณ์ที่ขึงตาใส่เธออย่างดุร้ายเป็นเชิงเตือนว่า ห้ามเธอพูดจาเหลวไหลเด็ดขาด
โรซี่กรีดยิ้มหวานหยด ก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า
“แก้มไม่อยากแต่งงานกับพี่ดรณ์ค่ะ”