2
สัญญาคู่นอน
อิงดาวเก็บข้าวของจากไปในคืนนั้นหลังบำเรอรักจนคนเมาหลับไป คนโง่เขลาก็หาได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าคอนโดฯ หรูที่อยู่ด้วยกันมากว่าสามปีไร้เงาอิงดาวตั้งแต่เมื่อคืน
เด่นภูมิตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาที่ตะวันสายโด่ง เปล่งปากเรียกหาเด็กในปกครองพลางเดินเมียงมองรอบห้องกว้าง ก็มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับ ขณะกำลังยกโทรศัพท์หมายกดโทร.หา กระดาษสีขาวที่พับเป็นสามส่วนแล้ววางทับด้วยแจกันบนโต๊ะอาหารก็เรียกความสนใจไว้ก่อน มือหนาดึงกระดาษแผ่นนั้นมา พอคลี่เปิดก็พบกับอักขระที่ร่ายเรียงเกือบเต็มแผ่น
‘ถึงคุณปลื้ม
ถ้าคุณเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้แปลว่าอิงไม่อยู่แล้ว สัญญาระหว่างเราก็ถือว่าสิ้นสุดนับตั้งแต่นี้ คุณปลื้มไม่เห็นค่ากัน ไม่มีอิงในหัวใจที่แข็งเหมือนอัดด้วยคอนกรีตก็ไม่เป็นไร คนไม่ใช่ต่อให้พยายามแทบตายยังไงก็ไม่มีวันใช่
คุณปลื้มรู้ไหมคะว่าฝีมือทำอาหารของอิงที่คุณชอบนักหนา ไม่ใช่พรสวรรค์หรือความบังเอิญ อิงเคยแอบไปเรียนทำอาหารทั้งของคาวและของหวาน เรียนรู้การซักและดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกต้อง หมั่นทำความสะอาดคอนโดฯ ของคุณปลื้มให้เหมือนแม่บ้านมืออาชีพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ดีเทลสำคัญอะไรในชีวิตที่ต้องใส่ใจ และแน่นอนว่าคุณคงมองข้าม
อิงแค่อยากบอกว่าทั้งหมดนี้มันคือความพยายาม...พยายามที่จะให้คุณเห็นว่าอิงมีดีมากกว่าเรื่องบนเตียง อิงขยัน เป็นแม่ศรีเรือนได้ ทำอาหารก็อร่อย พยายามทำตัวไม่งี่เง่าไม่ชวนทะเลาะ และไม่เปิดใจให้ผู้ชายคนไหนนับตั้งแต่มีคุณในชีวิต
แต่คุณก็มองข้ามคุณสมบัติที่เพียบพร้อม 99 ข้อ แล้วถลึงตามองข้อเสียเพียงข้อเดียว นั่นคือการที่อิงขายศักดิ์ศรีแลกเงิน ทุ่มเทให้ทั้งใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็แค่ความเย็นชาและคำพูดที่เอาแต่ย้ำอยู่ได้ว่าไม่มีวันรักกัน ถ้าอิงมีค่าแค่ของตาย งั้นก็ขอบายละกันค่ะ
คุณปลื้มรู้ไหมว่าเมื่อคืนเป็นคืนที่คุณทำตัวเลวร้ายที่สุด พูดจาน่าเกลียดอย่างที่ไม่นึกถึงจิตใจกันเลย จำได้ไหมว่าพูดอะไรกับอิงไปบ้าง หรือเมาจนภาพเลอะเลือน? งั้นจะย้ำให้จำอีกครั้งนะ คุณพูดว่า ‘ถ้าจะรักก็รักไปนานแล้ว เธอเป็นของตายที่ยังไงฉันก็ไม่รัก’ แถมยังกล่าวหาว่าอิงง่ายเป็นคนเข้าหาคุณก่อน
ใช่ค่ะ ไม่เถียงว่าเข้าหาก่อน แต่คุณปลื้มหรือเปล่าที่หว่านล้อมดึงดันให้อิงผูกสัญญาเป็นผู้หญิงของคุณจนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี
คุณปลื้มคิดว่าที่อิงมาเป็นเด็กของคุณ นอนกับคุณทุกคืนทุกวันก็เพื่อเงินใช่ไหมคะ? ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย บ้านอิงรวย อิงมีเงินมีสมบัติ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจว่าขัดสนเงินทอง ที่ทำไปเพราะอยากอยู่กับคุณปลื้ม แม้เป็นฐานะที่ไร้ศักดิ์ศรีก็ยินยอม แค่หวังว่าความใกล้ชิดจะเปลี่ยนให้อิงเป็นคนที่คุณปลื้มรักได้บ้าง
สรุปง่ายๆ คืออิงมาเป็นผู้หญิงของคุณไม่ใช่เพื่อเงิน แต่คุณปลื้มคือผู้ชายในความทรงจำของอิง อิงมีคุณในใจตั้งแต่อิงอายุสิบสี่ เราเคยพบกันเมื่อแปดปีก่อน...คุณคงจำไม่ได้หรอก
สุดท้ายนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาเขียนจดหมายทิ้งไว้ด้วย อาจเพราะตลอดชีวิตที่เหลือนับจากนี้คงไม่มีโอกาสได้บอกอีกแล้ว ลาก่อนค่ะคนไร้หัวใจ ขอให้คุณไม่เป็นคนที่ถูกรัก ขอให้มีความสุขล่ะกันค่ะ
อิงดาว’
ก่อนหน้าประโยคสุดท้ายเธอขีดฆ่าประโยคหนึ่งทิ้ง ซึ่งเด่นภูมิก็แกะอ่านได้ใจความว่า ‘ขอให้คุณไม่เป็นคนที่ถูกรัก’ เด่นภูมิพาตัวเองไปนั่งที่โซฟาอย่างคนล่องลอย พอรู้ว่าเธอไปแล้วก็คล้ายหัวใจไม่อยู่ที่เดิม มองไปตรงระเบียงก็เห็นภาพอิงดาวในวันวานซ้อนขึ้นมา มองไปตรงห้องครัวก็เห็นหญิงสาวในผ้ากันเปื้อนสีฝุ่นกำลังประกอบอาหารอย่างขะมักเขม้น
สามปีที่อยู่ด้วยกัน สามปีที่ให้เธอเป็นคนในความลับ สามปีที่ไม่ยอมรับว่าอิงดาวพิเศษกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยเจอ แต่พอมาวันนี้วันที่ถูกตัดพ้อพร้อมตัดเยื่อใย เหตุใดถึงรู้สึกเจ็บที่ใจ คุกรุ่นในอก ผสมไปกับความวูบโหวง
ต่อจากนี้เขาจะไม่มีเธออีกแล้วเหรอ...ชีวิตเขาจะไม่มีผู้หญิงที่ชื่ออิงดาวอีกแล้วใช่ไหม
เด่นภูมิเดินสะโหลสะเหลกลับไปยังห้องนอน เปิดดูตู้เสื้อผ้าและพบว่ามีแต่ส่วนของเขาที่แขวนอยู่ แม้แต่แปรงสีฟันของเธอในห้องน้ำก็เอาไปด้วย อิงดาวไม่เหลืออะไรให้ดูต่างหน้าเลย เด่นภูมิกดโทร.ออกที่หมายเลขของหญิงสาว แต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ หาเธอจากรายชื่อผู้ติดต่อในไลน์ก็ไม่พบ
“เธอไปแล้วจริงๆ เหรอ”
ทั้งที่รู้ว่าสักวันความสัมพันธ์นี้ต้องถึงคราวสิ้นสุด แต่มันควรจบลงด้วยดี ไม่ใช่เต็มไปด้วยคำพูดชั่วร้ายของเขา เด่นภูมิไปดื่มกับเพื่อนจนเมามายและก็เพื่อนอีกเช่นกันที่พามาส่งถึงคอนโดฯ พอเขาได้ยินเสียงเธอคุยกับผู้ชายก็เลยออกมาดู แล้วจากนั้นก็ไม่รู้ไปเอาความโกรธมาจากไหนถึงก่อกวนอารมณ์จนบานปลาย และไปจบที่การแยกทางอย่างกะทันหัน
เด่นภูมิรู้จักกับอิงดาวครั้งแรกที่ผับในเชียงใหม่ เธอส่งสายตา เธอเข้าหาเขาจนความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกิดขึ้นในคืนแรกที่รู้จักกัน ที่น่าสนใจคือเธอไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยสักอึกแต่กลับมาเที่ยวในสถานที่แบบนั้น สติเธออยู่ครบเต็มอัตราแต่กล้าขึ้นห้องกับเขา ปากก็เอาแต่พร่ำว่าเป็นครั้งแรก เด่นภูมิยังจำดวงหน้าสวยของเด็กสาววัยยี่สิบปีที่เต็มไปด้วยความกลัวได้ดี
ซึ่งคราแรกเขามองว่าเป็นลูกไม้ของผู้หญิง ไม่เชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ ทว่าพอรุกล้ำเข้าไปในส่วนสงวนของอิงดาวก็พบว่าทุกอย่างที่เธอพร่ำมาเป็นความจริงทั้งหมด เด่นภูมิยังเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ทำให้คืนนั้นสวยงามและเป็นความทรงจำที่ดีของเธอ ให้สมกับที่เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และพอรุ่งเช้ามาถึงหญิงสาวก็หายไปอย่างที่ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย
และเพียงหนึ่งวันต่อมา เขาบังเอิญเจออิงดาวในชุดนักศึกษานั่งทำงานหน้าแล็ปท็อปในคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัย เด่นภูมิเข้าไปเลื่อนเก้าอี้นั่งโดยไม่ขออนุญาต หญิงสาวก็ตกใจหน้าเหวอ เด่นภูมิพยายามหาเรื่องคุยเพื่อให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างกันหายไป เขาชวนไปทานข้าวเธอก็ตกลง ชวนไปดูหนังเธอก็ไป และความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็ตามมาเป็นลำดับ เขาคิดจะควงเธอเล่นๆ เพียงสองอาทิตย์ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายยื่นเสนอสัญญาเสียเอง
“ต้องการค่าเทอมไหม”
“คะ?”
“เห็นบอกว่ามีแค่น้าเป็นผู้ปกครองไม่ใช่เหรอ คือไม่ได้จะดูถูกอะไรนะอย่าเข้าใจแบบนั้น แค่แบบไหนๆ ความสัมพันธ์ของเราก็ล่วงเลยไปไกล ถ้าเธออยากได้ค่าเทอมก็บอกฉันมา”
“ทำไมคะ คุณปลื้มจะเลี้ยงดูหนูเหรอ”
“อืม สักสองอาทิตย์ก็น่าจะพอ แต่ฉันจะให้ค่าเทอมเธอจนถึงปีสี่เลย”
“ควงแค่สองอาทิตย์ แต่จะให้เงินหนูที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจนถึงปีสี่เลยงั้นเหรอ แบบนั้นคุณปลื้มไม่ขาดทุนแย่เหรอคะ”
“ไม่หรอก ฉันเองก็ไม่เคยคบใครจริงจัง”
“อ๋อ จะบอกว่าเบื่อง่ายงั้นสินะเลยคิดว่าแค่สองอาทิตย์ก็พอ”
“ฟังดูไม่ดีเลยใช่ไหมล่ะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ”
“ก็ได้ค่ะ ตกลง อิงจะเป็นผู้หญิงของคุณปลื้มสองอาทิตย์”
ทว่าพอสิ้นสุดเวลาที่ตกลงกัน คนร้อนรุ่มกลับเป็นเด่นภูมิ ยิ่งแอบขับรถไปเมียงมองแถวมหาวิทยาลัยแล้วเห็นอิงดาวเดินหยอกล้อกับเพื่อนผู้ชายเขาก็ยิ่งงุ่นง่าน เลยเป็นที่มาของสัญญาฉบับใหม่
“มาเป็นเด็กของฉัน”
“อะไรคะ ก็สองอาทิตย์ผ่านไปแล้วนี่คะ”
“หมายถึงทำสัญญาใหม่ที่นานกว่านั้น เป็นผู้หญิงของฉันจนกว่าเธอจะเรียนจบ ฉันจะเลี้ยงดูเธออย่างดี ไหนวันนั้นบอกว่าอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ แต่เพราะลูกของน้าป่วยเธอเลยไม่อยากรบกวนเงินจากเขา แปลว่าเธอก็ค่อนข้างขัดสนใช่ไหม”
เด่นภูมิไม่อยากพูดแบบนี้ แต่เขาไม่มีวาทศิลป์ในการหว่านล้อมที่ดีพอ ยอมรับว่าติดใจและยังไม่เบื่อเด็กคนนี้
“อ๋อ เอ่อ ใช่ค่ะ”
“งั้นตกลงนะ”
“คะ?”
“ก็ตกลงที่จะเป็นผู้หญิงของฉันจนกว่าเธอจะเรียนจบปีสี่”
อิงดาวนิ่งคิดขณะที่ดวงตาคู่สวยก็จับจ้องใบหน้าเขาอย่างไม่มีความขวยเขิน ไม่รู้เด่นภูมิคิดไปเองหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเธอกำลังยิ้มเหมือนผู้ชนะ
“ตกลงค่ะ”
“ดีมาก งั้นเอาเลขบัญชีมา ฉันจะโอนเงินให้เธอทุกเดือน”
“หนูขอรับเป็นเงินสดดีกว่า”
“เพราะ?”
“คุณปลื้มทำตัวมีความลับก่อนนี่คะ จำได้ไหมคะที่บอกว่าห้ามถามอะไรเกี่ยวกับคุณ ให้รู้แค่ชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงและนามสกุล รวมถึงเรื่องทำงานอะไรที่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าคุณมีปัญญาจ่าย ก็ในเมื่อคุณอยากมีความลับ งั้นหนูขอทำตัวมีลับลมคมในบ้างไม่ได้เหรอคะ คุณก็รู้แค่ว่าหนูชื่ออิงดาวก็พอ”
“ก็ได้ งั้นขออีกเรื่องนะว่าความสัมพันธ์ของเราให้เป็นความลับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ห้ามเล่าให้เพื่อนหรือเอารูปฉันให้เพื่อนเธอดู”
“ไม่ทำอยู่แล้วค่ะ อิงก็ไม่สะดวกเปิดตัวกลัวที่บ้านรู้”
และนั่นคือที่มาของสัญญาคู่นอน ทั้งสองตกลงพบกันตามตารางคือวันจันทร์ พุธ ศุกร์และเสาร์อาทิตย์ สถานที่นัดหมายคือคอนโดฯ แห่งนี้ที่เด่นภูมิซื้อไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ เขาดูแลโรงแรมอยู่ที่สะเมิง ส่วนเธอเรียนอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เด่นภูมิเคยบอกให้เธอมาอยู่ประจำที่คอนโดฯ นี้ได้หากวันใดเบื่อหอพักของตัวเอง แต่อิงดาวปฏิเสธโดยอ้างว่าการอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ ตลอดเวลาอาจทำให้เธอเผลอวางสมุดหนังสือหรือเอกสารราชการที่ทำให้เด่นภูมิรู้ตัวตนของเธอ
เขาขำที่เธอคิดจริงจังกับการปิดซ่อนตัวตน ทั้งไม่ยอมเปิดเผยถึงสาขาวิชาที่กำลังเรียน กระนั้นเด่นภูมิก็ไม่กระหายอยากรู้ พยายามวางระยะห่างให้สมกับการเป็นแค่คู่นอน เกรงว่าหากรู้อะไรของกันและกันมากกว่านี้มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์อย่างอื่น
แต่วันนี้รู้ซึ้งแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็แค่หลอกตัวเอง หลับหูหลับตาไม่ยอมรับว่าทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเขาและเธอมันมากกว่าคู่นอน
จะเรียกว่าสามีภรรยาก็ไม่ผิดนัก
อิงดาวชอบทำอาหารและเขาก็หลงเสน่ห์ปลายจวักนั้น เธอทำงานบ้านเก่ง เด่นภูมิมองอิงดาวสวยเป็นพิเศษไม่ใช่ตอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง แต่เป็นยามที่เธออยู่หน้าเตาทำอาหาร หรือตอนที่รดน้ำต้นไม้พร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี หัวใจที่เคลือบคอนกรีตของเด่นภูมิมักเต้นแรงกว่าครั้งไหนก็ตอนที่เธอกอดแขนอย่างออดอ้อน
ทำไมความรู้สึกถึงเพิ่งมาตกผลึกตอนนี้
โง่อย่างที่สุดที่หลีกเลี่ยงการยอมรับความรู้สึก...โง่มากจริงๆ โง่มาตลอดสามปี
และทั้งที่ชิดใกล้ประหนึ่งคู่สามีภรรยา ทว่าเขากลับรู้เพียงแค่เธอชื่ออิงดาว อยู่กินด้วยกันมาสามปี แต่มีเพียงข้อมูลแค่นั้นจริงๆ ที่อยู่ในสมองของเขา
“ไม่ได้หรอก ให้จบค้างคาแบบนี้ไม่ได้ อย่างน้อยต้องได้ขอโทษ”
เขาจะตามหาเธอเพื่อเคลียร์ใจกัน อย่างน้อยก็ควรจากกันด้วยดีไม่ใช่เต็มด้วยความรู้สึกคุกรุ่น การตามหานักศึกษาคนหนึ่งมันคงไม่ยากนักหรอก
ว่าแต่ที่เธอเขียนในจดหมายว่าเคยเจอเขาเมื่อแปดปีก่อนมันหมายความว่าอย่างไร ไปเจอกันตอนไหน?