ตอนที่5 ตามคำบัญชา

1310 Words
สุดท้ายพราวตะวันก็ต้องมาทำงานร่วมกับคนงานคนอื่น ทั้งที่วันนี้แดดร้อนเปรี้ยงแต่เธอต้องมาช่วยขนหอยไข่มุกขึ้นจากบ่อเลี้ยง อย่างน้อยคนที่เธอต้องร่วมงานด้วยก็ยังเป็นมิตรและพูดจาดีด้วยตลอดเวลา "นายหญิงร้อนไหมจ๊ะ" เสียงเด็กสาวสำเนียงทองแดงถามไถ่ขึ้น พราวตะวันยิ้มให้พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธทันที "นายหัวนี่ก็ยังไงนะ ทำไมต้องให้เมียมาทำงานอะไรแบบนี้ด้วย เดี๋ยวลิ้นจี่จะไปฟ้องนายใหญ่" "ไม่ต้องหรอกจ้ะลิ้นจี่ พราวอยากมาทำเองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณกิตหรอก อยู่บ้านก็น่าเบื่อมาก ออกมาแบบนี้มีเพื่อนคุยด้วยพราวจะได้ไม่เหงา" "แต่มันร้อนมากเลยนะ ลิ้นจี่กลัวนายหญิงจะเป็นลมเป็นแล้งไปน่ะสิ ยิ่งผิวขาว ๆ สวย ๆ เคยทำงานหนักมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายหัวนะนายหัวทำไมไม่รู้จักห้ามเมียเลย" พราวตะวันได้แต่ยิ้มเจื่อน กิตติภพเหรอจะห้ามที่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะเขาสั่งให้มาต่างหากล่ะ คนอื่นอาจจะคิดว่าเขาและเธอรักกันมาก แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าความรักความรู้สึกดี ๆ มันไม่มีอยู่จริงเลยสักนิด "มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่งานฉันจะเสร็จสักที" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทั้งลิ้นจี่และแพรไหมต้องหันหน้ากลับไปมอง ดวงตาคมที่กำลังจับจ้องมองมายังพวกเธออยู่ ลิ้นจี่จึงต้องรีบยิ้มทักทายผู้เป็นนายอย่างเร็ว "เราไม่ได้อู้นะจ๊ะนาย ลิ้นจี่ก็แค่ถามไถ่นายหญิงเฉย ๆ กลัวนายหญิงเหนื่อยจ้ะนาย" "ทำงานแค่นี้มันจะไปเหนื่อยอะไรล่ะลิ้นจี่ ใครมาอยู่ที่นี่ก็ต้องทำงานด้วยกันทั้งนั้น จะให้มานั่งกินนั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายมันก็คงไม่ได้" "นายหัวก็พูดเหมือนไม่มีคนทำงาน คนงานออกจะเยอะแยะเต็มไปหมด" "เจ้าตัวเขายังไม่บ่นเลย แล้วเธอจะมาบ่นแทนเขาทำไมลิ้นจี่ ทำแค่นี้เขาไม่ตายหรอก ถ้าเขาตายฉันจะเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้อย่างยิ่งใหญ่เลย" พราวตะวันได้แต่จับจ้องมองหน้า กิตติภพพูดอะไรไม่เคยคิดถึงจิตใจของเธอเลยสักครั้ง ถ้าสมมุติเธอเป็นอะไรขึ้นมาเขาคงจะมีความสุขมากกว่าใครเลยสินะ "ฟังดูพูดเข้า นายหัวเป็นคนใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ลิ้นจี่ไม่เคยจะเห็นนายหัวในโหมดนี้เลยสักที" "ฉันไม่เคยร้ายก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะร้ายไม่เป็นนะลิ้นจี่ ฉันจะดีกับคนที่ฉันควรจะดีด้วย แต่ถ้าคนไหนที่ฉันไม่อยากทำดีด้วยฉันก็จะไม่ฝืน" "โอ๊ย! นายหัวนี่ก็แปลกคน พูดเหมือนไม่รักเมียเลย ถ้าลิ้นจี่เป็นนายหญิงลิ้นจี่จะไปหาผัวใหม่เลยนะ" พราวตะวันถึงกับหันหน้าไปมองหน้าลิ้นจี่ นี่ถ้าเป็นเธอพูดกับเขาคงจะถูกตวาดเสียงดังลั่นไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคำที่ลิ้นจี่พูดกิตติภพจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิด เขายังคงยืนกอดอกหัวเราะหึหึในลำคอเหมือนกับสมเพชเธออยู่เลย ถ้าไม่ต้องทนอยู่เพื่อเหตุผลบางอย่างเธอก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ให้เขาต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยหรอก "ต่อให้ฉันไล่ เขาก็ไม่กล้าไปไหนหรอกลิ้นจี่ ฉันเป็นเหมือนบ่อเงินบ่อทองให้เขาต้องปอกลอกจนกว่าเขาจะพอใจนั่นล่ะ" "คุณกิตคะ หยุดพูดได้ไหมพราวขอล่ะ" "ทำไมฉันต้องหยุด กลัวคนอื่นรู้งั้นเหรอว่าเธอมันเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เห็นแก่ความสุขสบายของตัวเอง มันเป็นความจริงนี่ แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้หะ?" ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมองหน้ากิตติภพ ความรู้สึกมากมายทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่ามากเหลือเกิน เขาไม่ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย น้ำตาที่มันกำลังเอ่อล้นล่วงหล่นลงอาบแก้ม พราวตะวันเดินหนีออกจากตรงนั้นไป เดินปาดเช็ดน้ำตาไม่หันกลับมาจ้องมองข้างหลังอีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดจาแบบนี้ใส่ แต่พอหลายครั้งเข้ามันก็ค่อย ๆ สะสมกัดกินหัวใจดวงน้อยที่ไม่ได้แข็งแรงเพื่อแบกรับกับทุกอย่างในชีวิต "นายหัวทำนายหญิงร้องไห้ ลิ้นจี่สงสารนายหญิงจังเลย" ลิ้นจี่ยังคงยืนชะเง้อคอจ้องมองตามแผ่นหลังผอมบางที่เดินตากแดดไปไกลมากแล้ว พร้อมกับหันมาจ้องมองหน้าของเจ้านายที่ยังคงทำสีหน้าไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับอะไรทั้งนั้น ปกตินายหัวของเธอเป็นคนใจดีมาก แต่ทำไมถึงได้พูดจากับภรรยาได้เจ็บปวดแบบนี้นะ แม้จะมีเรื่องมากมายที่สงสัยแต่ไม่กล้าถามออกไปตามตรงเลยสักนิด ทุกคนไม่เคยรู้ว่านายหัวของตัวเองจะแต่งงานแบบฟ้าแลบขนาดนี้ แต่ในเมื่อพาภรรยากลับมาที่นี่ด้วยทุกคนก็ต่างให้ความเคารพยำเกรงหญิงสาวไม่ต่างจากเจ้านายอีกคนของพวกตนเลย ทั้งที่เมื่อก่อนลิ้นจี่จะเป็นคนไปทำงานบ้านให้กับนายหัวกิตติภพทุกวัน แต่พอมีพราวตะวันมาอยู่ที่นี่เขาก็สั่งให้ทุกคนห้ามไปยุ่งเกี่ยววุ่นวายที่บ้านอีก เหตุผลที่บอกคืออยากอยู่เป็นส่วนตัวกันสองคน ไม่มีใครรู้เลยว่าคนทั้งคู่จะมีความสุขหรือความทุกข์มากกว่ากัน แต่พอได้เห็นในวันนี้ทำให้พอจะเข้าใจดีแล้วว่าพราวตะวันอาจจะไม่มีความสุขเลยสักวินาทีเดียว เพราะแบบนี้หรือเปล่านายหญิงคนใหม่ถึงได้ทำหน้าเศร้าเหมือนคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา พราวตะวันเดินปาดน้ำตาไปเรื่อยอย่างไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง อยากไปหาที่นั่งอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้ แม้ทางที่กำลังเดินไปจะมีแต่ป่าที่แลดูน่ากลัวมากก็ตาม ตะวันพลบค่ำ ท้องฟ้าดำมืดแล้ว แต่พอกิตติภพเดินทางกลับมาถึงบ้านพัก ประตูบ้านยังคงถูกปิดสนิทเหมือนกับไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยสักคน "พราวตะวันยังไม่กลับมาถึงบ้านอีกหรือยังไงนะ ไปไหนของเธอ" ร่างสูงเดินเข้าไปยังครัวเปิดตู้เย็นออกเพื่อหาเครื่องดื่มเย็น ๆ ดื่มให้ชื่นใจ พร้อมกับเดินมานั่งลงที่โซฟาห้องรับแขก เปิดทีวีนั่งดูหนังอยู่พักใหญ่ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วแต่ทว่าอีกคนก็ยังไม่กลับมาถึงบ้านเลย กิตติภพถึงกับเดินออกไปชะเง้อคอจ้องมองประตูทางเข้าบ้าน สอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาพราวตะวันแต่กลับว่างเปล่า "จะสองทุ่มแล้ว ลืมทางกลับบ้านหรือยังไงนะ" ใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วง อีกใจก็คิดว่าพราวตะวันคงแค่ทำประชดที่โดนเขาหักหน้าเมื่อตอนกลางวันนี้เป็นแน่ "คิดว่าถ้าไม่กลับบ้านแบบนี้ฉันจะออกตามหางั้นสิ ฝันไปเถอะพราวตะวัน จะไปนอนตายที่ไหนก็เชิญ" คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็เดินกลับขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้สบายตัวมากกว่านี้....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD