ตอนที่ 4 คลิปฉาว
ผมนั่งจมอยู่กับคำถามนับร้อยพัน ความรู้สึกอัดอั้นอึดอัดจนยากอธิบายได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นเพราะในหัวสมองกลวงๆ ของผมมันมีแต่สีเทาหม่นคลุมเครือแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนความฝัน
“ผมจะไปหาพี่รัณ” ผมตวัดผ้าห่มออกจากตัวพุ่งตรงไปยัง ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ทันที
“จะบ้าเหรอรินทร์...ไปตอนนี้เนี่ยนะ” พี่อาร์ตี้กระชากแขนผมก่อนจะเหวี่ยงกลับมาที่เตียงนอน
“แล้วพี่อาร์ตี้จะปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผมผิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหรอครับ”
“รินทร์จะไปแก้ตัวกับสื่อยังไง ในเมื่อทั้งภาพ ทั้งเสียงแถมพยานหลักฐานของคุณรัณมันแน่นขนาดนั้น กับลำพังคำพูดว่า ผมไม่ได้ทำของรินทร์เพียงคนเดียว มันใช้ไม่ได้หรอกนะรินทร์!”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง ก็ในเมื่อผมไม่ได้ทำจริงๆ...นี่ไม่มีใครเชื่อผมเลยเหรอ?”
“เฮ้อ....พี่อยากเชื่อใจรินทร์นะแต่ว่าตอนนี้รินทร์อยู่เงียบๆ นิ่งๆ ไปก่อนรอให้เรื่องนี้มันสงบเงียบลง แล้วเราค่อยมาคิดกันอีกที”
“อยู่เงียบๆ โดยให้คนเข้าใจผิดว่าผมเป็นชู้กับคุณคราม เข้าใจว่าผมแย่งผัวพี่สาว แล้วถ้าผมเงียบ...คนจะไม่ยิ่งตัดสินว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอครับ”
“เอ่อ...แต่จินนี่ว่าที่พี่อาร์ตี้พูดมาก็มีเหตุผลนะ ตราบใดที่รินทร์ไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากคำพูดลอยๆ ต่อให้ออกไปป่าวประกาศตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก” จินนี่ถอนหายใจแรงๆ แล้วยื่นมือไปกดปิดแอปพลิเคชั่นไลฟ์สดการแถลงข่าวของพี่สาวผมแล้วคืนความเงียบอันน่าอึดอัดกลับเข้ามาภายในห้อนนอนขนาดเล็ก
“ถึงผมจะไม่ได้พูดหรือแก้ต่างออกสื่อ แต่ผมก็ต้องไปหาพี่รัณ...ผมไม่ยอมให้พี่รัณเข้าใจผมผิดๆ แบบนี้แน่”
หลังจากที่ผมดื้อรั้นแล้วยืนกรานต้องการกลับมาที่บ้านเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้พี่สาวได้รู้ ด่านแรกที่ผมเจอตั้งแต่ลานจอดรถตรงหน้าคอนโดมิเนียมคือกองทัพนักข่าวปาปารัซซี่จำนวนมากที่มานั่งรอยืนรอเหมือนต้องการมาเห็นหน้าชู้อย่างผมให้ถนัด
“คุณดารินทร์ช่วยพูดอธิบายอะไรกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หน่อยได้มั้ยคะ”
“สรุปว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
“คุณรินทร์กับคุณครามคบหากันจริงใช่มั้ยคะ”
คำถามมากมายเหมือนลูกตุ้มเหล็กที่เหวี่ยงมาทุบหัวผมให้มึนตื้อจนคิดอะไรไม่ออก แม้ปากอยากจะเอ่ยออกไปว่า “ไม่” แต่เหมือนมันมีแรงอะไรบางอย่างบีบอัดหัวใจผมให้ปวดเจ็บจนเก็บน้ำตาไว้ไม่ได้
“คุณรินทร์ยอมรับใช่มั้ยคะว่าเป็นชู้กับคุณครามจริงๆ”
คำถามสุดท้ายก่อนที่ผมจะถูกมือหยาบอันเย็นเฉียบของพี่อาร์ตี้คว้าคอแล้วกดหัวผมให้มุดหายเข้าไปภายในรถตู้ฟิล์มดำสนิททำให้ผมต้องเหลียวกลับไปหาต้นตอนั้นอีกครั้ง ภาพใบหน้าของนักข่าวสายบันเทิงหลายคนซึ่งคุ้นเคยกันดีรวมไปถึงเหล่าบรรดามัมหมีที่เคยอุปถัมภ์ค้ำชูเอ็นดูผมตั้งแต่เริ่มแรกเข้าวงการยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ห่างจากกระจกรถไปไม่เกินหนึ่งช่วงแขน แววตาผิดหวังเสียใจปวดร้าวสับสนนั้นจ้องมองมายังผมพร้อมกับสีหม่นในแววตาที่มันเคยภาคภูมิใจและอ่อนโยน
“ผมเปล่า...ผมไม่ได้ทำ...ฮือ”
เขื่อนกั้นความอดทนของผมพังทลายลงเมื่อเห็นสายตาแห่งความผิดหวังของคนที่ผมรักและผมรู้ว่าพวกเขารักผมมากแค่ไหน น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจไหลพรากลงมาจนเต็มสองแก้ม นี่ผมกำลังทำให้คนที่รักผมเจ็บช้ำผิดหวังและร้องไห้อย่างนั้นเหรอ?
“ฉันนึกว่าแกจะละอายใจจนไม่กล้ากลับบ้านมาเจอพี่แล้วซะอีกดารินทร์”
“แม่...พี่รัณ”
ทันทีเมื่อผมก้าวเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ คำทักทายของพี่สาวและแววตาห่างเหินต้อนรับน้องชายอย่างผมได้เจ็บปวดเหลือเกิน พี่รัณยังคงสวยสง่าสมกับเป็นนางเอกแถวหน้าแห่งวงการ แม้ร่องรอยแห่งความเศร้าโศกเสียใจจะถูกทิ้งไว้เป็นความบวมช้ำของเปลือกตาสีชมพูเข้มก็ตามที แต่มันไม่อาจลดทอนความสวยสง่าดุจนางพญาของผู้หญิงคนนี้ให้หม่นหมองลงไปได้แม้แต่ปลายเล็บ
“ผมกลับมาเพื่อต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของผม พี่รัณครับระหว่างผมกับคุณครามเราไม่มีอะไรกันจริงๆ นะ” ผมยืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งหันไปหาแม่ซึ่งนั่งคอแข็งเขม็งตามองผมด้วยความผิดหวังและเกรี้ยวกราด
“แกนะแกดารินทร์ แม่ไม่คิดจริงๆ ว่าแกจะเลวขนาดนี้”
“แม่ครับ แม่ฟังรินทร์บ้างสิ...เชื่อรินทร์บ้าง ไว้ใจรินทร์สักครั้ง”
แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่ใช่ลูกคนโปรดของแม่ อาจเพราะผมเป็นลูกชาย...หรือเป็นเพราะผมเกิดมาในวันที่พ่อเก็บกระเป๋าเดินออกจากบ้านไปอยู่กับครอบครัวใหม่ โดยทิ้งเราสามคนเอาไว้ให้ต่อสู้กับชะตาชีวิตเพียงลำพัง
“ฉันจะไว้ใจอะไรแกได้อีกรินทร์ แกรู้มั้ยว่าแกทำให้ครอบครัวเราอับอายแค่ไหน ตอนแรกแกก็ดื้อรั้นอยากไปเป็นดาราอย่างยัยรัณ อยากเด่นอยากดังเหมือนพี่เขา ถึงขนาดยอมไปเล่นไอ้ซีรีส์วายบ้าบอกอดจูบกับผู้ชายด้วยกันเอง แค่นี้ฉันก็อายคนจนแทบไม่กล้ามองหน้าใครแล้ว แล้วนี่อะไร...ลูกชายฉันแย่งผัวพี่น้องกันเอง แถมยังมีคลิปโป๊หลุดว่อนไปทั่วบ้านทั่วเมือง แกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แกจะฆ่าแม่ให้ตายจริงๆ ให้ได้ใช่มั้ยรินทร์...แกมันไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆ” ผู้หญิงที่ผมเรียกว่าแม่ลุกขึ้นมาตบฝ่ามือลงบนแก้มซึ่งยังช้ำไม่หาย ก่อนจะทำร้ายทั้งร่างกายและหัวใจของผมให้ย่อยยับด้วยคำพูด กรีดแทงบดสับความรู้สึกของผมให้ย่อยยับจนมันแทบไม่เหลือชิ้นดี
“แกมันไอ้พวกโรคจิตผิดเพศ ทำไมถึงได้ทำแต่เรื่องน่าอายอย่างนี้นะดารินทร์ ฉันอายคนแกได้ยินมั้ยว่าฉันอาย...”
“ทำไมไม่มีคนเชื่อผมบ้าง...”
ผมนั่งจมอยู่บนพื้นบ้านท่ามกลางสายตารังเกียจเดียดฉันท์ของทั้งแม่และพี่สาว คำด่าทอเพราะความไม่เข้าใจของคนอื่น ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่หรือท้อแท้เท่ากับการหันหลังให้ของคนในครอบครัว พื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ภายใต้ชายคาของบ้านหลังนี้ มันอาจไม่เคยมีไว้ให้ลูกชายอย่างผม โลกภายนอกนั้นโหดร้ายกับผมจนแทบไม่มีที่ให้ยืนในสังคม แต่ภายในบ้านหลังนี้แม้แต่อากาศจะหายใจเข้าไปผมก็ยังจนปัญญาที่จะครอบครอง
“พี่รัณ...ผมไม่เคยคิดร้ายกับพี่ คืนวันนั้นพี่เป็นคนนัดผมให้ไปเจอที่คอนโดคุณครามเองนะครับ”
“ใช่...พี่นัด แต่พี่ไม่ได้บอกให้รินทร์ไปนอนกับคุณคราม”
“รินทร์เปล่า!” ผมกระแทกเสียงตอบออกไปทันที
ผมอายุยี่สิบห้าแล้วถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมจะไม่เคยมีแฟนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ขาดสติจนแยกไม่ออกว่าตัวเองได้เผลอไผลไปมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับใครหรือเปล่า แม้ในความทรงจำขมุกขมัวสลัวรางในหัวนั้นมันจะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ผมมั่นใจว่าระหว่างผมกับคุณครามเราไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากไปกว่า...
“กอดฉันไว้สิ...ดารินทร์”
อ้อมกอดจากท่อนแขนหนากับริมฝีปากนุ่มที่บดคลึงจูบลงมาอย่างหนักหน่วงแนบแน่น ผมยังพอจดจำรสชาติขมเฝื่อนและเผ็ดซ่าที่ปลายลิ้นกับกลิ่นฉุนบุหรี่จากลมหายใจของเขาได้ ผมยังรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาถึงอ้อมกอดกับแผงอกอุ่นๆ นั้นได้ แต่นอกเหนือจากนั้นมันไม่มีอยู่ในหัวของผมเลย ถ้าหากผมมีอะไรกับพี่เขยจริงๆ อย่างน้อยผมควรต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ...
“ถ้าอย่างนั้น...ตอบฉันสิดารินทร์ว่าในคลิปนั่นแกทำอะไร....”
“คลิปเหรอ”
จอทีวีขนาดหน้ากว้างเจ็ดสิบนิ้วในห้องรับรองถูกกดเปิดผ่านการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถือของพี่ดารัณ ก่อนที่หน้าจอนั้นจะฉายจับแสดงให้เห็นเตียงนอนหลังใหญ่ซึ่งมีผู้ชายสองคนกำลังกอดก่ายซุกไซ้จูบสลับขยับท่าทางไปมาบนผืนผ้าปูเตียงสีเข้มอย่างเด่นชัด จนกระทั่งชายคนหนึ่งหันกลับมาสบตากับผมผ่านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่
“ไม่จริง....” ร่างกายและเลือดอุ่นในตัวผมเหมือนมันจะกลายเป็นน้ำแข็งไปในชั่วพริบตา ความรู้สึกเหมือนถูกจับยัดแช่เข้าไปในช่องฟรีชใหญ่เพราะผมรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นซึ่งลามเลียไล่มาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเส้นผม
ภาพของผู้ชายใบหน้าละม้ายคล้ายจนเหมือนตัวเองกำลังเปลือยกายนั่งก่ายขาบดทับอยู่บนตักหนาของชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวของพี่สาว ท่อนแขนสองข้างโอบกอดรอบต้นคอและท้ายทอยหนาก่อนจะพิงซบแนบหน้าวางแก้มไว้บนบ่าสูง ดวงตาฉ่ำหวานปรือเปิดมองมายังกล้องซึ่งกำลังบันทึกภาพก่อนจะอ้าปากร้องครางเรียกชื่อสามีของพี่สาวเสียงดังฟังชัดถนัดหู
“คุณคราม...”
“ดารินทร์...”
เสียงทุ้มตอบรับขานชื่อของผมกลับมาพร้อมกับร่างหนาขยับหมุนพลิกกลับเหวี่ยงผมให้ลงไปนอนแผ่แบอยู่เกือบสุดปลายเตียง ร่างเปลือยเจ้าของห้องทาบทับอัดจูบดูดปากของผมจนได้ยินเสียงยามเมื่อกลีบปากและลิ้นฉ่ำเกี่ยวรัดพันดูดกันไปมา พริบตาเดียวท่อนแขนใหญ่ช้อนลงไปใต้ข้อพับบริเวณหน้าขา ก่อนจะขยับยกขาข้างหนึ่งของผมไปวางพาดทิ้งไว้บนบ่าแล้วโน้มตัวลงมาประกบจูบกันอีกครั้ง
“กอดฉันสิ...กอดฉันให้แน่นๆ”
“คุณคราม ผมเจ็บ” เสียงร้องครางครวญคร่ำสั่นพร่าแว่วมาจากร่างเปลือยบอบบางซึ่งนอนถ่างขายกแยกเป็นจังหวะเดียวกับคนตัวใหญ่เริ่มต้นขยับร่างกายเป็นจังหวะที่ผมไม่กล้ามอง
“ทุเรศ...ดารินทร์แกมันไอ้ลูกชั่ว แกมันเป็นตัวอัปรีย์ในชีวิตของฉันจริงๆ แกไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลย สันดานความเลวพ่อแกเลวยังไงแกก้เลวเหมือนมัน”
หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ดับวูบหายไปเหลือเพียงสีดำ พลันภาพเหล่านั้นก็มีอันหายวับไปกับตาเมื่อมีแจกันดอกไม้พุ่งไปกระแทกมันจนแตกละเอียด เสียงกรีดร้องร่ำไห้ของคนเป็นแม่ทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดรวดร้าวทรมาน
“แม่ ผมเปล่า...ผมไม่ได้ทำ” ผมเอื้อมมือออกไปกุมข้อเท้าอันเย็นเฉียบของแม่อยากกล่าวคำขอโทษ อยากพูดอธิบาย
“ทำไมแกทำอย่างนี้ดารินทร์!” ภาพใบหน้าเปียกฉ่ำช้ำน้ำตาของแม่เลือนหายไปเพราะผมถูกผลักไสให้ห่างออกมาตามด้วยฝ่ามือทั้งด้านหน้าและด้านหลังกระหน่ำฟาดตบฉาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างนับจากนาทีนั้นเพราะทุกอย่างมันพังทลายแหลกสลายแตกละเอียดไปจนหมดสิ้น ชื่อเสียง อนาคต ความเชื่อใจของใครหลายๆ คน ผมเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสายตาของคนเหล่านั้นเดี๋ยวนี้เองว่ามันหมายความว่ายังไง ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงยกมือขึ้นมาปัดป้องบทลงโทษที่แม่คงอยากสั่งสอนลูกเลวอย่างผม ความเจ็บปวดของร่างกายที่ได้รับมันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดของหัวใจนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พี่อาร์ตี้แวะมาหาผมที่บ้านเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหลังจากเกิดเรื่อง ผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเคยสนิทสนมบอกให้ผมอยู่เงียบๆ สักพัก แต่ผมรู้ดีว่าพี่อาร์ตี้หมายความว่าอะไร ป้ายโฆษณาต่างๆ ที่มันเคยมีรูปผมติดเอาไว้ตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานีรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกถอดออกจนหมดสิ้น ในทีวีไม่มีใบหน้าหรือแม้แต่ชื่อของดารินทร์โผล่ออกมาให้คนได้เห็นอีก ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นซีรีส์ที่เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่ตอนมันก็จะจบลงอย่างสวยงามถูกถอดออกไปจากผังรายการท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะ
#ดารินทร์เล่นชู้
ยอดฟอลโล่ไอจี ทวิตเตอร์ต่างๆ ของผมดิ่งฮวบเหมือนช่วงลงเหว จากยอดผู้ติดตามนับล้านเหลืออยู่เพียงไม่กี่หมื่นคนในช่วงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ช่องแชทข้อความจำนวนมากค้างคาเพราะผมไม่กล้าแม้แต่จะกดเข้าไปเปิดอ่านเพราะเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นคำก่นด่าตัดพ้อว่าผิดหวังและเสียแรงที่เคยรัก เคยสนับสนุน หนักหนากว่านั้นคือตามมาทวงขอคืนของขวัญ ของฝากที่เคยให้หรือบางครั้งทีมเมียหลวงทั้งหลายก็ไล่ให้ผมไปตาย!
เจ็ดวันแล้วที่ผมยังไม่อาจสลัดภาพคลิปวิดีโอสุดฉาวเหม็นโฉ่นั้นออกไปจากหัว ห้องนอนมืดๆ กับเตียงเย็นๆ นี้เป็นเหมือนสุสานที่ฝังผมให้จมลงสู่ห้วงนรกอเวจีอันดำมืด ผมจมชีวิตตัวเองให้อยู่กับโลกแห่งความอ้างว้างเดียวดายเพียงลำพัง
ไม่มีโทรศัพท์
ไม่มีไอแพด
ไม่มีอินเตอร์เน็ต
ไม่มีโซเชียล
ไม่มีญาติ
ไม่มีพี่น้อง
ไม่มีเพื่อน
ไม่มีแฟนคลับ
ไม่มีงาน
ไม่มีอะไรเลยนอกจาก...
….เสียงสะอื้นเบาๆ ในห้องนอนใหญ่กับเสียงหัวใจของผมที่มันแตกละเอียดสูญสลายกลายเป็นผุยผง