2 วันถัดมา
“คุณนมขา...หนูนิ่มหิว”
“ตายแล้ว!! คุณหนูยอมคุยกับนมแล้วเหรอคะ หิวเหรองั้นเดี๋ยวนมลงไปซื้อของกินที่คุณหนูชอบให้ รอนมอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ”
“ค่า~” คนที่ถูกหลอกล้อว่าจะได้ของกินที่ชอบกว้างอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนที่มองอดยิ้มก่อนเดินออกจากห้องมา แต่อีกฝ่ายหารู้ไหมว่าเพียงแค่ประตูปิดลงใบหน้ายิ้มแย้มก็เรียบเฉย “เฮ้อ~ คงต้องรีบออกไปก่อนที่นมสาจะกลับมา”
เธอพยุงร่างเล็กของนิ่มลงจากเตียงอย่างลำบากเพราะร่างกายเด็กคนนี้อ่อนแอและเหนื่อยง่ายมากเกินไป จะทำอะไรก็ไม่ทันใจเธอเลยสักนิด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ต้องหาคำตอบที่อยากรู้ให้ได้ ขาเล็กก้าวผ่านประตูห้องคนไข้ออกมา เธอไม่ลืมที่จะหันกลับไปดูเลขห้องเพื่อตอนกลับมาไม่เข้าผิด
“คุณคนสวยคะ...ฉันขอรบกวนยืมโทรศัพท์หน่อยได้หรือเปล่า พอดีฉันตามหาญาติไม่เจอ จะไปที่เคาน์เตอร์บริการก็เดินลำบาก”
หลังจากเดินออกมาสักพักเธอก็เห็นผู้หญิงแต่งตัวดูดี ไม่คุ้นตาในความทรงจำของนิ่ม เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่คนรู้จุก เธอเลือกผู้หญิงคนนี้ในการหาความจริงอะไรบางอย่างโดยการใช้คำพูดจาหวานเพื่อหว่านล้อมให้เธอยอมช่วยเหลือ
“ได้ค่ะ...นี่ค่ะ”
นารันมองโทรศัพท์แบบพับได้ในมือตัวเองก่อนเธอถูกลอบทำร้ายยังไม่มีอะไรแบบนี้เลย เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ดูล้ำสมัยขนาดนี้คงไม่สามารถผลิตได้ในหนึ่งหรือสองปี เพียงแค่คิดหัวใจเธอก็เต้นแรง เธอเลือกที่จะกดเข้าแอปพลิเคชันหาข้อมูล
#ปีปัจจุบัน
-ปัจบันพุทธศักราช 2568 หรือ คริสต์ศักราช 2025
เพียงแค่เห็นคำตอบจากแอปพลิเคชันค้นหา ขาที่อ่อนแรงอยู่แล้วก็แทบจะยืนไม่อยู่
”คุณมีอะไรให้ช่วยอีกหรือเปล่าคะ”
”เปล่าคะ ขอยืมอีกสักหน่อยนะคะ”
#นางสาวนารัน เวสิกา
-นางสาวนารัน เวสิกา ผู้นำตระกูลหญิงคนแรกของเวสิกาถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างอยู่ที่บ้านของตัวเอง มรณะ 15 มีนาคม 2561
-ข่าวคนร้ายที่ลอบฆ่าได้เงียบหายไร้ร่องรอยนางสาวนารัน เวสิกา
พรืบ!! จู่ ๆ ขาเธอก็ไร้เรี่ยวแรงดีที่มีแขนแกร่งของใครไม่รู้มาโอบรอบเอวไว้ไม่ให้เธอทรุดลงนั่งที่พื้น
[นี่เธอหลับไป 7 ปีตื่นมาก็มีประวัติกลายเป็นคนตายเลยเหรอ]
“ขอโทษนะครับที่เธอสร้างความเดือดร้อนให้ ถ้ามีอะไรเสียหายเดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”
น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูทำให้คนที่ถูกกอดเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลา จมูกคมสันและดวงตาที่สีดำสนิท ที่เธอเผลอสบตาด้วยทำให้ใจเต้นแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
'อย่าดื้อได้ไหมครับรู้ไหมการทำแบบนี้ จะทำให้คนอื่นยิ่งมองเราไม่น่ารัก'
ภาพบรรยากาศเด็กหญิงกับชายหนุ่มที่นั่งกินขนมหวานด้วยกันโผล่เข้ามาในหัว แม้ว่าจะเป็นการต่อว่าแต่ชายหนุ่มกับหยิบกระดาษทิชชูเช็ดปากที่เปื้อนอาหารให้เด็กหญิง แววตาของเขาในความทรงจำมันเต็มไปด้วยความห่วงใยมากกว่าประสงค์ร้าย
[เขาเป็นอะไรกับเจ้าของร่างนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับเขาน้อยมาก]
“เอ่อ ไม่มีอะไรเสียหายหรอกค่ะ เธอแค่มายืมโทรศัพท์ฉันบอกจะติดต่อหาญาติ” หญิงสาวพอเห็นความหล่อของชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง ก็แสดงท่าทางขวยเขิน
“เธอนะเหรอยืมโทรศัพท์?”
คำถามของพายุทำให้นารันในร่างนี้ใจเต้นแรง คงไม่ใช่ว่าจะถูกจับได้วันนี้หรอกนะ
“ศัพท์ ขอศัพท์หน่อย จะโทรหานมสา...แงงงง ขอศัพท์หน่อย” เธอพยายามจะเรียนแบบเจ้าของร่างเดิม เวลาที่ทำอะไรไม่ได้ตั้งใจมักจะโวยวาย “เอามา!! หนูนิ่มจะเอาฮือออ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ อันนี้โทรศัพท์ของคุณ”
พายุแย่งโทรศัพท์ออกมาจากมือเล็กแล้วยื่นให้เจ้าของ ก่อนที่ตัวเองจะช้อนร่างผอมแห้งไว้ในอ้อมแขนแล้วก้าวขาออกจากตรงนี้แล้วเดินไปที่ห้องพักคนไข้ทันที ส่วนคนที่ถูกอุ้มก็ได้แต่นิ่งไม่กล้าจะทำอะไรแปลกๆ กลัวว่าจะถูกจับได้
[แต่ว่านานแค่ไหนแล้วนะไม่ได้ถูกผู้ชายอุ้มแบบนี้ แถมที่สำคัญกล้ามหนุ่มๆ นี่มันแน่นปึกจริงๆ]
“คนบ้าเหรอ แต่เมื่อกี้ไม่เห็นเหมือนเลย” หญิงสาวที่ยืนมองพูดกับตัวเองเบาๆ
VP 301 (นางสาวนิสรา อัครสกูลวงศ์)
ขายาวของพายุเดินผ่านประตูห้องมาหยุดข้างเตียงแล้ววางคนที่ตัวเองอุ้มมานั่งลงบนเตียง
“ออกไปข้างนอกได้ยังไงครับ”
คนที่ถูกถามมองตาอีกฝ่ายครั้ง ทำไมกันนะเหมือนเธอจะรู้จักคนตรงหน้าตอนที่ยังเป็นนารันเลย
“หนู...หนูนิ่มจาไปหาคุณนมสา โทรหาคุณนมสา...ศัพท์ ของศัพท์ ตู๊ด ๆ โทรหน่อย” ในที่สุดเธอก็ต้องยอมเอ่ยปากพูดและแสดงบทบาทนิ่มในความทรงจำเพราะไม่อย่างนั้นเธอถูกเขาจับได้แน่
“หนูนิ่มครับ เฮียบอกกี่รอบแล้วว่าจะไปขอของจากคนแปลกหน้าไม่ได้....เข้าใจที่เฮียพูดไหมครับ” พายุตำหนิเล็กน้อยแต่น้ำเสียงกลับฟังดูอ่อนโยน
“ศัพท์จาเอาศัพท์ ฮือออออ”
[ให้ตายเถอะ!! ถ้าเธออยู่ในร่างนี้ต่อ คงต้องหาวิธีทำให้ตัวเองหาจากโรคที่เจ้าของร่างคนเดิมเป็น ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ใช้ชีวิตอย่างลำบากแน่]
ตายแล้วเกิดอะไรขึ้นคะ!!” สาที่เพิ่งเดินกลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคุณหนูของตัวเองร้องไห้โวยวายอยู่
“จาเอาศัพท์แงงงง”
“ไม่ร้องนะคะคุณหนูของนม”
“ม่ายยยยย จาเอาศัพท์”
“เอาของเฮียก็ได้”
นารันมองอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะมีอิทธิพลต่อเขาไม่น้อยเลย
“ม่ายอาว หิว...หนูนิ่มหิว”
“นมสาซื้อของที่คุณหนูชอบมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปแกะมาให้นะคะ”
ระหว่างที่สาไปจัดการเรื่องอาหารการกินของคนไข้ สายตาของพายุก็มองเธอไม่วางตาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกที่จะแกล้งเล่นตุ๊กตาเก่าๆ ตรงหน้า
“มาแล้วค่ะคุณหนู”
“เย้ๆ มาแล้วววว หนูนิ่มหิว” มือเล็กลูบท้องตัวเองไปมาเพื่อสื่อว่าตัวเองหิวมาก
“ค่อยๆ กินนะคะ เดี๋ยวนมขอไปคุยกับคุณพายุก่อน”
“ค่า~”
“คุณพายุมีอะไรหรือเปล่าคะ” สาเดินเข้าไปถามชายหนุ่มที่ยืนมองคุณหนูตัวเองไม่ละสายตา
“หมอบอกว่าอาการของนิ่มเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอาการแทรกซ้อนค่ะแค่กล้ามเนื้ออ่อนแรง อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวได้”
“แล้วนี่จะกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นเหมือนเดิมเหรอ”
“ใช่ค่ะเพราะคุณผู้หญิงไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่บ้านคุณหญิงย่าค่ะ”
นารันแม้ว่าจะดูเหมือนตั้งใจกินของอร่อยตรงหน้าแต่ความจริงเธอกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่ทั้งคู่คุยกัน ถ้าเธอจำไม่ผิดในความทรงจำของนิ่ม คุณหญิงย่าที่ทั้งสองคนพูดถึงดูเหมือนจะเป็นคนดี ถ้าเธอได้ไปอยู่ด้วยคงจะไม่ต้องปวดหัว
[ปัญหาอยู่ที่เป็นเมียแต่งพ่อของนิ่มสินะ]
“เดี๋ยวฉันจะลองพูดกับคุณอาดูอีกที” พายุเองก็ไม่อยากให้นิ่มอยู่บ้านหลังนั้นต่อเพราะฟังจากคนของเขาที่ให้ไปสืบเรื่องจมน้ำของนิ่มไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุธรรมดา
“ขอบคุณมากๆ นะคะ” สารีบตอบกลับอย่างดีใจ ถ้าให้นับทุกคนในชีวิตคุณหนูของเธอ นอกจากคุณหญิงย่าแล้วคงมีชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้แหละ
“หนูนิ่มเป็นเด็กดีนะครับ ห้ามออกไปข้างนอกคนเดียวอีก...เดี๋ยวเฮียจะมาเยี่ยมใหม่”
มือใหญ่วางบนหัวเล็กเบาๆ แล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย นารันรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อนิ่มเป็นอย่างดี แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมคนนี้จะสติไม่สมประกอบแต่เขาก็ไม่ได้ดูรังเกียจเลยสักนิด เธอไม่ได้ตอบอะไรเขากลับนอกจากแกล้งกินข้าวตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย