1. บทนำ

771 Words
บทนำ... เสียงควบม้าอย่างเร่งรีบยังคงดังก้องป่า ราวกับกลุ่มคนเหล่านี้กำลังตามล่าใครสักคน ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น พวกมันกำลังตามเอาชีวิตใครคนหนึ่งที่กำลังควบม้าหนีตาย “ตามมันให้ทัน โอกาสดีเช่นนี้มิได้หาง่าย ๆ” เสียงตะโกนดังขึ้นตามหลัง พร้อมกับเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังตามมา ส่วนกลุ่มคนด้านหน้าควบม้าพร้อมกับวางแผนไปด้วย “จินเฉิง เจ้าทิ้งข้าไว้เถิด มิเช่นนั้นเราจะตายกันหมด” ถ้อยคำแหบพร่าเปล่งออกมาไม่ต่างจากเสียงลมพัดผ่าน “ไม่ได้” ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดกล่าวเสียงแผ่วไม่ต่างกัน เพราะเขาเองก็บาดเจ็บ สภาพนายบ่าวดูไม่ค่อยได้เลย ร่างกายพวกเขาต่างก็โชกไปด้วยโลหิตเต็มอาภรณ์ “จินเฉิง ดูนั่น” อี้ฟานร้องเรียกสหาย พร้อมกับชี้ลงไปด้านล่างเชิงเขา ซึ่งมีกลุ่มเดินทางของผู้คนน่าจะครึ่งร้อยได้ “ดีควบม้าลงไป” สหายรีบร้องบอก ก่อนที่ทั้งคู่จะควบม้าลงไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าลงไปขอความช่วยเหลือกับคนด้านล่าง “จินเฉิง พวกเขาอาจเป็นชาวบ้าน อย่าทำให้พวกเขาเดือดร้อน” คนเจ็บเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ เพราะกลุ่มที่ตามมาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ คนทั่วไปไม่อาจรับมือได้แน่ “ขออภัยที่ข้าน้อยมิอาจฟังคำสั่งได้ขอรับ” ความภักดีทำให้องครักษ์หนุ่มไม่อาจลังเลได้แม้เพียงชั่วอึดใจ เขารีบบึ่งควบม้าห้อตะบึงไปโดยไม่แยแสคำขอของผู้ที่นั่งซ้อนด้านหลังสักนิด อีกด้านของขบวนสินค้า “นายน้อย บนทางลาดมีม้าเร่งฝีเท้ามาขอรับ” เสียงรายงานดังขึ้น ทุกคนจึงมองไปยังทุ่งหญ้าด้านบนของแนวเขา “ด้านหลังมีคนตามมาด้วยขอรับ” อีกหนึ่งรีบเอ่ย ผู้ที่อยู่บนรถม้าจึงเปิดม่านออกมา ดวงตาคมกริบจ้องมองสถานการณ์บื้องหน้าอย่างพินิจ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเรียบ “เตรียมตั้งรับ” สิ้นคำสั่งร่างอรชรก็พาตนเองออกมายืนตระหง่านด้านหน้า ในมือถือคันธนูพร้อมศรเตรียมยิงสามดอก เป้าหมายคือผู้บุกรุกที่กำลังตรงดิ่งเข้ามาหาขบวนคาราวาน แววตาคมเฉี่ยวจับจ้องไปยังบุรุษสามคนด้านหน้า “อย่ายิง!” เสียงตะโกนแว่วมา ทว่าศรธนูหาได้เชื่อฟังไม่ มันยังคงถูกปล่อยออกไปอย่างไร้ปรานี ทว่าศรนั้นกลับแผ้วผ่านพวกเขาทั้งสามไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยจากด้านหลังที่แว่วมาให้ได้ยิน “จินเฉิงพวกมันถอยไปแล้ว ดูเหมือนหัวหน้ามันจะถูกยิง” อี้ฟานรีบกล่าวบอกสหายเพื่อให้เบาใจ จินเฉิงเห็นเช่นนั้นก็หมายจะควบม้าไปต่อ ทว่าสิ่งที่เขาคิดกลับต้องหยุดลงในทันที เพราะผู้เป็นนายได้พลัดตกจากหลังม้าลงมากองต่อหน้าคนเหล่านี้เสียแล้ว สองสหายจึงรีบกระโดดลงจากม้าเพื่อมาพยุงนายของตน และพวกเขาก็ถูกคนที่ช่วยเอาไว้โอบล้อมในเวลาต่อมา “พวกเจ้าเป็นใคร คงไม่ได้ทำผิดแล้วถูกตามล่าใช่หรือไม่” หานฟู่เอ่ยถามคนทั้งสามที่มีอาการบาดเจ็บพอสมควร “พวกเราคือขุนนางในราชสำนัก คนเหล่านั้นคือโจร ว่าแต่พวกเจ้าพอจะมีหมอหรือไม่ นายท่านของข้าเสียโลหิตมาก เขาจะไม่ไหวแล้ว” อี้ฟานรีบเอ่ยบอก กลุ่มชายฉกรรจ์จึงหันไปยังรถม้าฟังว่านายของตนจะว่าเช่นไร “เอาคนอาการหนักขึ้นมารักษาบนรถม้า จากนั้นก็ออกเดินทางได้ ชักช้าจะถึงศาลาพักม้ามืดค่ำ” เสียงสั่งการแม้จะหวานใส ทว่ามันกลับดูหนักแน่นและมีอำนาจมาก เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนแต่เชื่อฟัง และรีบทำตาม ‘นางเป็นใครกัน?’ จิ่นหรงนึก ในช่วงชุลมุนเขารับรู้ว่ามีคนยืนยิงศรอยู่บนรถม้า และมันก็สกัดมือสังหารได้ในทันที แต่เมื่อขึ้นมาเขากลับพบว่าบนนี้มีแค่สตรีสองนางนั่งอยู่ ‘เป็นพวกนางงั้นหรือ’ นัยน์ตาคมจ้องมองสตรีทั้งสองสลับกันไปมา เพราะทั้งคู่สวมผ้าขาวปิดบังใบหน้าเอาไว้ ทว่าความสงสัยเขากลับหยุดลงเพียงเท่านั้น เพราะทุกอย่างมันได้ดับวูบไปเสียแล้ว พวกนางเป็นใคร ไยถึงยอมช่วยเขา…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD