ตอนที่ 4 แค่พลาด
หลังจากเลิกกิจกรรมซ้อมร้องเพลงเชียร์ในช่วงเย็น นับดาวก็เดินซื้อของอร่อยที่ขายอยู่ข้างทางกับเพื่อน เวลานี้มีร้านค้าเรียงรายเต็มไปหมด ไอ้ความคิดจะลดน้ำหนักนั้นพังไม่เป็นท่า สุดท้ายแล้วก็อ้วนเหมือนเดิม
“พวกเธอกลับกันเลย เดี๋ยวพี่ไนท์แวะรับเรา” นับหันไปบอกเพื่อนขณะที่ปากยังเคี้ยวผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย
“พี่ไนท์จะมารับที่นี่เหรอ” ทิชามีท่าทางตื่นเต้นจนอายต้องตีแขนเพื่อนไปหนึ่งที
“น้อย ๆ หน่อยเดี๋ยวเขารู้หมดว่าเราชอบ”
ทิชาหัวเราะชอบใจ สุดท้ายทั้งสองคนก็อยู่เป็นเพื่อนนับดาวรอจนพี่ชายมารับในคณะ
“มาแล้ว”
หญิงสาวบอกเพื่อนเมื่อเห็นรถสีขาวที่คุ้นตาแล่นเข้ามาใกล้ รถยนต์คันนี้แม่ให้ไนท์เอามาใช้ตั้งแต่ที่รู้ว่าน้องก็สอบติดที่เดียวกัน เพราะจะได้ให้พี่ชายคอยรับคอยส่งนับดาวด้วย แน่นอนว่าเขาชอบบ่น แต่ก็ยอมมารับน้องสาวตัวอ้วนอย่างเธอตลอด
“ไว้เจอกันนะนับ”
“เจอกันจ้า” นับโบกมือให้เพื่อนสองคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถเพราะพี่ชายเธอจอดรถอยู่กลางถนนไม่ยอมหลบเข้าข้างทางสักนิด
รีบมากหรืออย่างไร
“จะรีบไปไหนไม่ทราบ” ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ เธอก็เอ่ยปากถามพี่ชายอย่างเอาเรื่อง
“ก็มันเสียเวลา” ถนนในคณะเวลานี้ก็ใช่จะมีรถสักหน่อย
“เพื่อนนับอุตส่าห์รอดูหน้าพี่ไนท์เลยนะ”
“ดูทำไม” เขาเอียงคอมาถามน้องตัวเอง ที่สภาพตอนนี้ดูไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ให้ทำกิจกรรมอะไรถึงได้หัวกระเซอะกระเซิงแบบนี้
“ก็เป็นหนุ่มฮอตไม่ใช่เหรอ เห็นสาวกรี๊ดกันใหญ่”
“หึ ธรรมดา” ไนท์ไหวไหล่พร้อมกับรอยยิ้มกวน ๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปเห็นของกินบนตักยายน้องสาวจอมกินเก่ง “ลดมั่งน้ำหนัก จะได้สวยเหมือนคนอื่นเขา หุ่นจะเท่าช้างอยู่แล้ว”
“พยายามอยู่” ว่าแล้วก็จิ้มเอาขนมถ้วยเข้าปากอีกชิ้นแล้วเคี้ยวจนแก้มบวมตุ่ย
“พยายามตรงไหนวะ กี่โมงแล้วยังจะแดกอยู่ เดี๋ยวก็เข้านอนจะเอาเวลาไหนไปใช้พลังงาน ไอ้ที่กินไปเนี่ย” ไนท์ส่ายหน้าอย่างระอา
“อวัยวะภายในนับก็ทำงานอยู่ ทำไมจะไม่ได้ใช้” คนชอบเถียงยังคงเคี้ยวของอร่อยอย่างอารมณ์ดี
“คงผอมหรอก”
“ก็ของกินหลังมอมันมีแต่อร่อยทั้งนั้น เดี๋ยวนับเบื่อ แล้วจะลด”
คนเป็นพี่ได้แต่ถอนหายใจ น้องสาวเขาไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ถ้าลดน้ำหนักดูแลสุขภาพสักหน่อยก็สวยเลย นับดาวหน้าเหมือนแม่ ถ้าหุ่นดีได้แบบแม่ก็คงสวย
“คืนนี้พี่ไปร้านเหล้านะ อยู่ห้องไป”
“อีกแล้วเหรอ”
“ไปแป๊บเดียว จะรีบกลับ”
นับดาวพยักหน้ารับ วันนี้เธอก็เหนื่อยไม่อยากไปแกล้งพี่ชายตัวเองแล้ว แถมยังไม่มีแรงจะเจอใครด้วย ก็ตั้งแต่เธอบอกเขาว่าถ้าว่างแล้วทักหาเธอ แต่คนคนนั้นก็ไม่คิดจะส่งข้อความหากันสักที มันก็น้อยใจอยู่หรอก อึดอัดเป็นบ้า แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ
พูดมากไป คิดมากไป ก็กลัวว่าระยะห่างระหว่างเธอกับโซ่มันจะมากขึ้นกว่าเดิม
เป็นอย่างนี้น่ะดีอยู่แล้ว ถึงจะคบกันเป็นความลับแต่เขาก็ยังอยู่
“แปลก วันนี้ยอมง่าย ๆ” ไนท์หันมองน้องตัวเองพร้อมกับหรี่ตามอง
“ซ้อมเชียร์จนเหนื่อย อยากนอน”
“หึ งั้นก็รีบกลับห้องไปนอนพัก แล้วถ้าแม่โทร.หาให้บอกว่าพี่ไปทำงานที่คณะยังไม่กลับ” เขาบอกน้องสาวตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“เท่าไร” นับดาวแบมือไปตรงหน้าพี่ชายของตัวเอง
“แกนี่มัน”
ถึงจะรู้สึกอยากดึงหูยายตัวแสบสักที แต่สุดท้ายเขาก็ยอมหยิบมือถือขึ้นมากดโอนเงินเข้าบัญชีที่ตั้งเป็นรายการโปรดไว้เรียบร้อย
“ห้าร้อยให้ถึงห้าทุ่ม หนึ่งพันถึงเที่ยงคืน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูว่ายอดเงินจะเข้ามาเท่าไร
“เดี๋ยวก็ซ้อมให้ร่วง”
“กี่โมงดีพี่ชายสุดหล่อ”
ไนท์พ่นลมหายใจก่อนจะกดโอนเพิ่มไปอีกหนึ่งพันจากที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าแค่ห้าร้อยมันจิ๊บ ๆ
“ตีหนึ่ง อย่าโทร.หา อย่าโทร.ฟ้อง ตื่นเช้ามาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เกินเวลาคิดนาทีละร้อย โปรดกลับก่อนเวลาด้วยนะจ๊ะ น้องกลัว” นับดาวขยิบตาก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋า เดือนนี้ถ้าพี่ชายเธอไปเที่ยวทุกวัน รายได้ยายนับก็เหยียบครึ่งแสนเลยนะ
“แม่ง”
“พูดดี ๆ นะ ห้ามหยาบคายกับน้อง”
ไนท์จิ๊ปากอย่างนึกรำคาญใจ แต่จะทำอะไรได้ถ้ายายตัวแสบมันฟ้องแม่ว่าเขาเที่ยวบ่อยก็ต้องโดนลดเงินที่แม่โอนให้ทุกเดือน ซึ่งตอนนี้เขาต้องหารายได้พิเศษจากการรับสอนพิเศษเด็กแบบออนไลน์แล้ว เพราะเงินไปอยู่กับยายนับดาวหมด
เอาวะ ถ้าไม่มีจะแดกก็เกาะน้องกิน ไม่เห็นจะยาก
ณ สถานบันเทิงที่เป็นจุดนัดหมายประจำของสี่หนุ่ม รามรับหน้าที่มาจองโต๊ะตั้งแต่ทุ่มครึ่ง เพราะถ้าหากมาช้ากว่านี้คงได้นั่งโซนที่คนเดินผ่านไปมากลางร้าน ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยชอบนัก
“ไงมึง ทำหน้าเหมือนคนอยากลาโลก” รามทักทายเพื่อนด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดหยอกล้อ ก็ไอ้โซ่มันทำหน้าอย่างนั้นจริง ๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน ขนาดที่ว่าสาว ๆ มองตามมันก็ยังไม่สน ทำหน้าซังกะตายเดินมาอย่างนั้น
“…” คนโดนทักไม่ตอบคำถาม หย่อนสะโพกลงเก้าอี้แล้วหยิบแก้วมาเติมน้ำแข็งทันที ไม่ต้องรอให้ใครเชิญเขาก็เทเหล้ากับโซดาผสมกันก่อนจะยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“คอแห้งเหรอวะ”
“กูจะทำยังไงดีวะ” เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังเต็มทน ปกติเขาก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรกับใครขนาดนั้น ทำไมกับคนนี้ถึงได้สงสารนัก
คงเป็นเพราะคำว่าเพื่อน
“เรื่องไหน น้องนับเหรอ”
“มึงอย่าพูดชื่อ” เขาทำหน้าเซ็ง ไม่อยากให้เพื่อนสนิทมาได้ยินเข้าตอนนี้
“มึงก็บอกน้องไปตรง ๆ เลย ก่อนที่ไอ้ไนท์มันจะรู้ กูว่าเป็นเรื่องอะ แล้วยิ่งมึงไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ อีก ซวยเอานะ” เพื่อนสนิทบอกด้วยความเป็นห่วง
เรื่องมันเกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว แต่ไอ้โซ่เพิ่งมาบอกเขาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ว่ามันเมาแล้วเผลอไปตกลงคบกับน้องนับดาว น้องสาวของไอ้ไนท์
หลายเดือนก่อน ไอ้โซ่มันอกหักจากสาวรุ่นพี่ที่มันคบอยู่ ช่วงนั้นมันเมาทุกวัน น้องสาวของไนท์ก็ส่งข้อความมาหาบ่อย ๆ มันรู้ว่าน้องนับดาวชอบมันมานานแล้ว ทุกทีก็คุยกันแบบพี่น้อง มันไม่ได้คิดอะไร ทว่าวันนั้นคงจะเมามากจนหน้ามืด
ดันไปตอบตกลงคบน้องเขาเป็นแฟน แล้วพอตอนจะบอกว่ามันแค่เมาก็ไม่กล้าพูด เพราะสงสารน้องที่ชอบมันมาตั้งนาน กับหาจังหวะไม่ได้สักทีเพราะน้องเขาดีเกินไป ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะกับมันสักครั้ง
นี่มันปัญหาที่ฟังดูโคตรปวดหัว รามคิดในใจแล้วเครียดไปกับเพื่อนด้วยอีกคนจนต้องถอนหายใจยาว ๆ
“กูก็อยากบอกนะ แต่กูสงสารนับ”
“แล้วที่มึงหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลัวเขาเจอหน้า ไม่ค่อยตอบข้อความเขานี่มึงไม่สงสารเขาเลย” รามเลิกคิ้วถามเพื่อน ทำแบบนี้เขาคิดว่าน้องเจ็บกว่าเยอะ
แต่ไม่รู้ว่าน้องนับดาวทนได้อย่างไร ไม่แม้แต่จะตาม ไม่เคยงี่เง่า ไม่เคยวุ่นวายให้มันปวดหัว แต่แบบนี้ยิ่งทำให้มันเครียดเข้าไปใหญ่ ที่นับยอมทุกอย่างก็เพราะว่าน้องคงกลัวว่าจะเสียเขาไปหรือเปล่า
ยิ่งคิดกูก็ยิ่งเครียด ไม่น่าเลยมึงไอ้โซ่ เพราะความเมาแท้ ๆ
“กูหาจังหวะอยู่ เอาตรง ๆ กูไม่อยากให้ไอ้ไนท์รู้ แล้วกูก็กลัวนับเสียใจ” ที่เขารู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่ว่าเพราะรักหรอก แต่มันก็แค่กลัว
“ไอ้ไนท์มันเคยบอกว่านับเป็นคนที่อ่อนไหวมาก เมื่อก่อนเวลานับเสียใจผิดหวังกับอะไรสักอย่างจะชอบเก็บตัว จนพ่อแม่เขากลัวลูกทำร้ายตัวเอง มึงเข้าใจไหมว่ากูกลัวไปทำเขาเสียใจ”
“มึงก็คุยกับน้องดี ๆ กูว่านับคงไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอก”