ขยันย้ำให้เจ็บ 1

1708 Words
ฟาริสาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปตลาดสดที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึง หญิงสาวจับจ่ายซื้ออาหารเช้าให้คนที่เธอรั้งไว้ให้นอนค้างกับเธอทั้งคืน และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรตอนเช้า เพื่อส่งกุศลผลบุญที่ทำให้บิดาที่ล่วงลับไป เมื่อทำกิจกรรมยามเช้าของตัวเองเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงกลับมาที่โรงแรม จัดการเตรียมอาหารเช้าเป็นโจ๊กหมูเจ้าอร่อยไม่ใส่เครื่องในสำหรับปรานต์ คนที่กินอะไรก็ได้ง่ายๆ แต่ไม่ง่ายเลยสักอย่าง อย่างเช่นโจ๊กหมูที่ไม่ใส่เครื่องใน ไม่ใส่พริกไทย ไม่ใส่ขิงเป็นต้น เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็เข้าไปดูคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงนอน นั่งลงข้างชายหนุ่มพินิจใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาดด้วยรอยยิ้ม ปรานต์คือผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนเห็นก็ชอบ หลงใหลในรูปร่างหน้าตา แม้แต่เธอก็หลงใหลในตัวชายหนุ่มเช่นกัน หลงจนยอมรับข้อเสนอที่เขายื่นมาให้อย่างไม่ลืมหูลืมตา และยังหวังว่าสักวันเธอจะทำให้เขาหลงเธอ ชอบเธอจนไปไหนไม่รอด แต่ดูเหมือนคนที่รักและหลงจะไม่ใช่ปรานต์ แต่คงเป็นเธอเสียมากกว่าที่ไปไหนไม่รอด หรือหากไปกันรอดเธอก็ยังไม่ไป “คุณปรานต์ ตื่นได้แล้วค่ะ” สะกิดท่อนแขนแกร่งลงไป แต่คนถูกปลุกกลับพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหลังใส่เธอเสียอย่างนั้น “คุณปรานต์ตื่นก่อน มากินข้าวค่ะ” “ยุ่งจังวะคนจะนอน” บ่นอู้อี้ออกมา สลัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะตัวเองเป็นการตัดบท “ถ้าไม่ตื่นจะปลุกน้องชายคุณให้มันตื่นมาแทนแล้วนะ เลือกเอาว่าจะเอายังไง ตื่นมากินข้าวเดี๋ยวนี้” คนถูกปลุกสลัดผ้าห่มทิ้งอย่างหัวเสีย ฟึดฟัดขยับตัวขึ้นนั่งมองฟาริสาตาขวาง “เธอนี่มันบ้าจริงๆ เลยนะ ทำไมชอบวุ่นวาย ชอบสั่งนั้นนี่ด้วยวะ” “ก็แค่อยากให้ตื่นมากินข้าวด้วยกันมันจะตายไหม" "ไม่ตาย แต่แค่ยังไม่อยากกิน ยุ่ง" "มากินข้าวด้วยกันก่อนแล้วจะไม่ยุ่งอีก ไปค่ะ อาบน้ำแต่งตัว วันนี้คุณต้องเข้าบริษัทไหมคะ ฟาจะได้เตรียมชุดให้ถูก” “วันนี้วันอาทิตย์ลืมไปแล้วหรือไง หรือว่าไม่มีสมองเลยจำอะไรไม่ได้” ฟาริสาผลักคนปากดีนอนลงบนเตียงอีกครั้ง กระโดดขึ้นคร่อมร่างสูงไว้ประกบเรียวปากลงบนกลีบปากคนปากเสียแรงๆ พร้อมกันนั้นก็ขบกัดริมฝีปากล่างลงไปอย่างมันเขี้ยว “อื้อ...ยัยบ้า” ปรานต์ผลักใบหน้าของฟาริสาออก ถลึงตาใส่หญิงสาวจนตาแทบถลน เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้มากัดเขาแบบนี้ เมื่อคืนก็ตีปากเขาไปแล้วทีหนึ่ง เช้ามายังจะมากัดปากเขาอีก นี่มันหมาบ้าชัดๆ “บ้าเพราะรักเหอะ” ปรานต์หัวเราะหึๆ ในลำคอ อยากจะเบะปากใส่เสียเหลือเกินกับคำว่ารักที่ฟาริสาเอ่ยออกมา “รักเงินน่ะสิไม่ว่า” คนถูกต่อว่าไหวไหล่ใส่อย่างกวนประสาน จับคางสากพลิกใบหน้าหล่อเหลาไปมาซ้ายขวา “ก็เงินคุณมันหอมหวานน่ารักขนาดนั้น จะไม่รักได้ยังไง รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ ผัวขา” “ไม่ใช่ผัวโว้ย” ฟาริสานั่งยิ้มหวานส่งจุ๊บให้คนประกาศตัวว่าไม่ใช่สามีอย่างกวนโทสะ ยิ่งเห็นปรานต์ตีหน้ายุ่งใส่แทบจะกระชากเธอเข้าไปเขย่าตัวแรงๆ ก็ยิ่งอยากแกล้ง สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็คือชายหนุ่มที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าห้องน้ำไป ฟาริสาจึงหันมาจัดการเตียงนอนให้เข้าที่เข้าทาง เตรียมชุดออกมาวางไว้ให้ เดินออกมานั่งรอชายหนุ่มที่โต๊ะอาหาร ชงกาแฟร้อนเอาใจคนปากร้ายเสียหน่อย “วันนี้คุณไปไหนไหมคะ” ในระหว่างรับประทานอาหารฟาริสาก็ชวนคนที่นั่งทานเงียบๆ สนทนา “ไม่รู้ดิ” “งั้นไปเที่ยวกันไหม เรายังไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลยนะ” “เธอนี่ท่าจะบ้า ต้องให้ย้ำอีกกี่รอบกันว่าเธอกับฉันไม่ได้เป็นอะไร เธอเป็นแค่คู่นอน คู่ขา ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ไม่ใช่คนที่ฉันอยากเดินควงออกไปในที่สาธารณะ ที่ของเธอคืออยู่ในที่ที่ฉันบอกแค่นั้น อารมณ์เสียชะมัด” กระแทกช้อนลงในชามโจ๊ก ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปคว้ากุญแจรถและกระเป๋าตังค์ในห้องนอน ฟาริสาก็ได้แต่นั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ที่เดิม มองดูปรานต์เดินออกจากห้องไปโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ปรานต์ขับรถกลับมาบ้านที่อยู่ชานเมือง บ้านที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ บ้านที่มีมารดาเป็นประมุขใหญ่อาศัยอยู่กับน้องสาวและหลานสาววัยสี่ขวบ บ้านที่เปรียบเสมือนแหล่งโอโซนชั้นดี เมื่อมายามใดก็จะกลับไปพร้อมกับความสดชื่นเต็มอิ่มไปด้วยความรัก ชายหนุ่มจึงกลับมาที่นี่ทุกวันหยุด “คุณหญิงปูกราบสวัสดีครับ” แม้กระทั่งมารดาก็ยังไม่วายจะกวนประสาท ทรุดตัวนั่งสวมกอดเอวมารดาไว้แน่นเท่านั้นยังไม่หนำใจ เพราะยังไม่ได้หอมแก้มนิ่มๆ ของคุณหญิงปูให้ชื่นใจ จมูกโด่งจึงฟัดทั้งซ้ายและขวา “อะไรกันเรา มากอดมาหอมแม่ไม่ใช่สาวๆ สักหน่อย” สัพยอกบุตรชายด้วยรอยยิ้ม “สาวที่ไหนก็ไม่น่าหอมเท่าแม่หรอกครับ” ปารียาส่ายหน้าที่แย้มรอยยิ้มให้กับคำหวานของบุตรชาย “ปากหวานขนาดนี้ แม่ไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายแม่จะมีผู้หญิงต่อแถวเข้าหายาวเหยียดเป็นกิโล ว่าแต่มีใครเข้าตาสักคนหรือยังล่ะ แต่แม่ได้ยินน้องสาวเราพูดเข้าหูมาอยู่นะ ว่าตอนนี้มีสาวสวยที่เราควงนานที่สุดอยู่ไม่ใช่เหรอ” ปรานต์อยากจะขย้อนออกมาเสียเหลือเกินเมื่อคิดไปถึงสาวสวยที่มารดาเอ่ยถึง “สวยสยองน่ะสิไม่ว่า สวยแต่รูปจูบไม่หอม ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง เอาแต่ผลาญเงินผมอย่างเดียว ใครได้ไปเป็นเมียซวยไปทั้งชีวิต” ฝ่ามือเหยี่ยวย่นฟาดลงบนแขนบุตรชายดังเพียะ “นี่แนะ! ทำไมพูดจาให้ผู้หญิงเขาแบบนี้ล่ะลูก” “ก็มันจริงนี่ครับแม่ ตั้งแต่รู้จักกันมาผมยังไม่เคยเห็นยัยหน้าเงินนั่นทำงานอะไรเลย นอกจากแบมือขอเงินผมไปวันๆ น่าเบื่อชะมัด” “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมเราไม่ทิ้งไปล่ะ จะสานสัมพันธ์ต่อทำไม” ลูกชายนางไม่ใช่คนโง่ที่จะให้ผู้หญิงมาปอกลอกง่ายๆ ไม่ใช่คนที่เสียเงินโดยไม่ได้ผลประโยชน์กลับมา และหากผู้หญิงที่บุตรชายนางบอกว่าเป็นผู้หญิงหิวเงิน แล้วทำไมบุตรชายนางยังเลี้ยงไว้ต่อ “อยากสลัดทิ้งวันละสิบรอบ แต่ยัยนั่นเกาะแน่นยิ่งกว่าปลิงอีกครับ ผมก็แค่รอเวลาให้ครบหกเดือนเท่านั้น หกเดือนเมื่อไหร่ผมสลัดทิ้งแน่ไม่เก็บไว้หรอก” “จ้า พ่อลูกชาย กลัวถึงวันจะสลัดไม่ลงน่ะสิ” "ไม่มีทาง" “ลุงปรานต์ขา ลุงปรานต์สวัสดีค่ะ” เสียงร้องเรียกดังแทรกเข้ามา พร้อมกับร่างเล็กของหลานสาววัยสี่ขวบที่วิ่งกอดตุ๊กตาหมีสีขาวตัวโปรดเข้ามาหา ปรานต์รีบอ้าแขนออกรับหลานสาวเข้ามากอดไว้ หอมแก้มนุ่มๆ นั้นไปหนึ่งฟอดใหญ่ “ว่ายังไงคะน้องปริม คิดถึงลุงไหม” น้ำเสียงเปลี่ยนไปกลายเป็นคุณลุงปรานต์ผู้ใจดีและอ่อนโยนเมื่ออยู่กับหลานสาว “คิดถึงที่สุดในโลกเลยค่ะ” กางแขนสองข้างออกกว้างเป็นการประกอบคำพูดของตัวเอง ยิ่งทำให้ลุงปรานต์ทั้งรักทั้งหลงหลานสาวตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้น มีแต่ถลำลึกลงไปมากขึ้นทุกวัน อยากจะเซ็นยกสมบัติที่มีให้ทั้งหมด “ลุงก็คิดถึงน้องปริมที่สุดในโลกเหมือนกันค่ะ แล้วนี่คุณแม่ไปไหนคะ” แม้จะปากร้าย ปากเสีย เสียงแข็งกับคนอื่น ทว่าเมื่ออยู่กับหลานสาวคนเดียวที่หลงรักตั้งแต่คลอดออกมา ปรานต์มักจะเสียงอ่อนเสียงหวานพูดจาคะขาด้วยเสมอ “คุณแม่อยู่ในครัวค่ะ กำลังทำขนมให้น้องปริมกับลุงปรานต์ทานค่ะ” ยิ่งได้ยินเสียงเล็กตอบกลับเจื้อยแจ้วลุงปรานต์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ว้าว! จริงเหรอครับเนี่ย” “จริงค่ะ” “ไม่อยากมีลูกบ้างเหรอปรานต์ รักหลานลงหลานขนาดนี้” ปารียาอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ ลูกชายนางเวลาอยู่กับหลานดั่งคนละคน อ่อนโยนอบอุ่นตามใจหลานทุกอย่าง นางอยากรู้ว่าบุตรชายของนางจะอยากมีลูกเองบ้างไหม “อย่าถามเรื่องลูกกับพี่ปรานต์เลยค่ะแม่ ต้องถามก่อนว่าเมื่อไหร่จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที อายุก็แก่เข้าไปทุกวัน หรือคิดว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่หรือไงก็ไม่รู้” “ปากเหรอที่พูดยัยเปรม พี่ยังไม่แก่สักหน่อย ยังหนุ่มยังแน่นฟิตปั๋งขนาดนี้ อีกอย่างคำว่าลูกไม่เคยอยู่ในหัว จะรีบมีทำไมตอนนี้ห่วงคล้องคออย่างดีเลยนะ” “ปากดีไปเถอะ เปรมว่าพอมีจริงๆ จะรักลูกหลงลูกจนไม่อยากออกไปทำงานแน่ๆ” คนไม่อยากมีลูกไหวไหล่ใส่ด้วยสีหน้าแหยงๆ หยิบขนมคุกกี้เข้าปาก ไร้การตอบกลับน้องสาวแต่อย่างใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD