สายของวันใหม่
ไป่เซียนอีตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นอาหารที่กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย นางขยับลุกขึ้นนั่งก่อนจะบิดขี้เกียดตามประสาคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด ทว่าบัดนี้มันไม่ใช่แล้ว
เพียงแค่เปิดเปลือกตาขึ้นคิ้วสวยก็ผูกกันเป็นปม…
ภาพเบื้องหน้าที่มีม่านขาวบางกั้นอยู่มันชวนให้คนบนเตียงฉงนยิ่งนัก และเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ทันรู้ตัวว่านางตื่นแล้ว จึงยังคงสีหน้าหงิกงอให้เห็น “เจ้ามาคุกเข่าที่ห้องข้าทำไม”
“อ๊ะ! ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ เหยาซูมารอคารวะน้ำชาเจ้าค่ะ” นางรีบเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ คนบนเตียงจึงยกยิ้มกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของอนุเหยาซึ่งเมื่อครู่มันไม่ใช่เช่นนี้
“อ๋อ! ธรรมเนียมอนุต้องยกน้ำชาให้ฮูหยินสินะ”
“เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ฮูหยินตกน้ำจนล้มป่วย เลยทำให้ข้าน้อยมิได้ทำตามธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติ มิหนำซ้ำท่านโหวยังดึงตัวให้ตามมารับใช้ที่นี่อีก เหยาซูจึงจำต้องละเลยไป ทว่าบัดนี้ฮูหยินอยู่”
“ยกมาสิ… เจ้าจะได้กลับไปพัก คงคุกเข่านานแล้วสิท่า” อีกฝ่ายกล่าวยังไม่จบเซียนอีก็ขัดขึ้นก่อน ใช่ว่านางจะสงสารอนุผู้นี้ เซียนอีแค่เหนื่อยกับการต้องทนเห็นหน้าคนเสแสร้งแกล้งทำมากกว่า
“ท่านโหวยังไม่กลับหรือ”
“ยะ… ยังเจ้าค่ะ”
เซียนอีย่นคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าสามีตัวร้ายยังไม่กลับเข้าจวน ทว่าในยามนี้สิ่งที่นางสนใจมากกว่าคือท่าทางของเหยาซูต่างหาก อนุคนงามเอ่ยเสียงติดขัดสั่นเทาน่าสงสาร คงเพราะกำลังพยายามขยับลุกขึ้นมาหลังจากคุกเข่ารอยกน้ำชากระมัง
เซียนอียกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่งสายตาให้เสี่ยวถงช่วยพยุงนางขึ้นมา เพราะสาวใช้ของอนุเหยาถือถาดน้ำชาอยู่ และนางยังคงนั่งหย่อนขาอยู่บนเตียง รอการคารวะจากอีกฝ่าย
“ขอบใจนะ” ยิ้มหวานส่งให้ราวกับในใจนั่นเป็นมิตรนักหนา จากนั้นเซียนอีก็จิบน้ำชาพอเป็นพิธี ก่อนจะส่งถ้วยคืนให้แล้วเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ “ท่านโหวไปไหนได้บอกไว้หรือไม่”
“เปล่าเจ้าค่ะ” เหยาซูเอ่ยจบก็เผยยิ้มหวาน
คนบนเตียงมองแล้วก็ยกยิ้ม “ท่านโหวคงมีเจ้าเอาไว้ปรนนิบัติอย่างเดียวเลยสินะ ถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“เอ่อ…”
“ช่างเถอะ เจ้ากลับไปพักเถิด” โบกมือไล่อย่างไม่ใยดี
“เจ้าค่ะ” เหยาซูรับคำก่อนจะเผยยิ้มตามเคย จากนั้นก็ย่อตัวคำนับอย่างนอบน้อม คล้อยหลังนางเซียนอีก็คว่ำปากทันที
“เหอะ! จอมปลอมสุด ๆ”
“ใคร? จอมปลอมหรือเจ้าคะ” เสี่ยวถงรีบเอ่ยถามทันที
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องสอดรู้เลย ไปเตรียมน้ำนู่นข้าเหนียวตัวจะแย่” ว่าพร้อมกับโบกมือไล่ สาวใช้ก็ได้แต่มึนงง เพราะผู้เป็นนายกล่าวอย่างกับตนเองมีอายุมากกว่าทั้งที่อายุก็เท่า ๆ กัน
สองวันต่อมา
เซียนอียังคงออกสืบหาข่าวคราวของตัวร้ายซึ่งเป็นสามีนาง ทว่ากลับไร้วี่แววราวกับว่าโจวเสิ่นโหวได้หายสาปสูญไปจากโลกนี้แล้ว ถามไถ่คนของเขาก็ยิ่งไม่ได้ความ เพราะทุกคนต่างก็ไม่มีใครทราบข่าว และเหล่าองครักษ์ก็ออกตามหาผู้เป็นนายเหมือนกัน
ยามซวี [19:00-20:59]
ร่างอรชรของเซียนอีกำลังเดินออกมาจากฉากกั้น หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ทว่าคนที่ควรจะนั่งอยู่ในห้องเหมือนทุกคืนกลับหายไป ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้สงสัยว่าสาวใช้ตนหายไปไหน ดวงตาสวยสนใจเพียงม่านโปร่งสีขาวที่ผูกโยงอยู่ด้านบนของเตียงกว้างต่างหาก มันกำลังพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อน ๆ จากหน้าต่างที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย ซึ่งนางสั่งให้เปิดไว้เช่นนี้เป็นปกติ
นางเดินมาหยุดที่หน้าเตียง บนตัวยังมีหยดน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่ตามปลายผมสีดำขลับ ก่อนจะยืนนิ่งเมื่อเริ่มสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง พลางเหลือบมองไปรอบห้องด้วยความประหลาดใจ คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย เมื่อหันไปเห็นกลุ่มควันในกระถางเล็กที่มุมห้อง
ควันสีขาวบางเบาลอยตัวสูงขึ้น ก่อนที่กลิ่นหอมหวานอันน่าลุ่มหลงจะซึมเข้าสู่ปลายจมูกนำพาให้นางสนใจเป็นอย่างมาก
“กลิ่นอะไร… หอมจัง…” เซียนอีพึมพำกับตนเอง พร้อมกับสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดเพราะรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด
ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมา ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้าครอบงำ หัวใจเริ่มเต้นรัวผิดจังหวะ ฝ่ามือที่เคยเย็นเฉียบหลังอาบน้ำกลับอุ่นร้อนอย่างน่าประหลาด จากนั้นก็ยกมันขึ้นจับต้นคอลูบไล้ไปเรื่อยจนมาหยุดที่เนินเต้าอวบอิ่มใต้ชุดนอน นางรู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบใต้ผิวหนัง ปลายนิ้วเรียวกำเนื้อผ้าตรงอกเสื้อไว้แน่น ขณะเดียวกันลมหายใจก็เริ่มติดขัดจนน่าหวาดหวั่น
ด้วยว่าไป่เซียนอีไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นางรู้สึกว่ามันอันตรายยิ่งกว่ามีปืนมาจ่อที่หัวเสียอีก
“กะ… เกิดอะไรขึ้น” ขาเรียวเริ่มสั่นเทา ก่อนที่ร่างอรชรจะเซถอยหลังไปพิงเสาเตียง พลางเม้มริมฝีปากสีระเรื่อของตนเองแน่น ความร้อนรุ่มในกายทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตากลมโตกวาดมองรอบห้องอย่างตื่นตระหนก เพราะเซียนอีเริ่มรู้แล้วว่าตนถูกวางยากำหนัด และก่อนที่นางจะได้คำตอบอันแน่ชัด
สายตาก็เหลือบไปสะดุดเข้ากับเงาคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หลังม่าน ไม่กี่อึดใจคนผู้นั้นก็ขยับออกมาเผยตัวตน
“ออกไป!! หากไม่อยากตาย” เซียนอีแผดเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างเดือดดาล แววตาคุกรุ่นไปด้วยความโกรธจนขอบตาแดงเรื่อ ทว่าร่างสูงยังคงเดินเข้ามาหาพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอย่าได้ปฏิเสธไปเลย มาเถอะข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ มิเช่นนั้นเจ้าจะทรมานจนตายนะ” เสียงเย็นเย้ยหยันเปล่งออกมา พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหาอย่างย่ามใจ
“หากเจ้าไม่อยากตายก็ถอยไปเสีย”