มหาลัยเอส
เสียงพูดคุยของเหล่านักศึกษาดังขึ้นอย่างเจี๊ยวจ๊าว เนื่องจากวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาระดับชั้นปีที่หนึ่งของมหาลัยเอส มหาลัยเอกชนชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งช็อปปิงและรถไฟฟ้า ซึ่งทั้งชื่อเสียงของมหาลัยและทำเลที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบายทำให้เด็กหลายคนต่างมุ่งเล็งที่จะเข้ามาเรียนที่มหาลัยแห่งนี้
เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ของพายุดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายเต็มทน พายุเจ้าของร่างแกร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาผู้สวมใส่เสื้อช็อปวิศวะเครื่องกลรับรู้ได้ถึงสายตาของเหล่านักศึกษาหญิงที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นคอยลอบมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนอกสนใจอยู่ตลอดเวลา
พรึบ!
ความอดทนที่มีน้อยมากเป็นเดิมทีอยู่แล้วหมดลง จากนั้นเจ้าของร่างแกร่งที่แสดงสีหน้าเอือมระอาเต็มทนก็ดันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาตร์และทำท่าจะก้าวขาเดินออกไป
"ไอ้พายุนี่มึงจะไปไหน" เสือเพื่อนสนิทในกลุ่มแก๊งก็หันไปเอ่ยถามพายุขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
"กลับ" พายุเอ่ยตอบออกมาเสียงเรียบตามนิสัยของเขา
"จะรีบกลับไปไหนวะ ไม่รออยู่ส่องเด็กใหม่ด้วยกันก่อน?" ภูผาที่มองอยู่ก็เอ่ยชวนให้พายุอยู่ต่อ แต่พายุที่ได้ยินคำชวนกลับส่ายหน้าไปมา ด้วยสีหน้าที่ยังดูเบื่อหน่ายเต็มทน
"เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนตูดเลยไอ้สัส" ธามสมาชิกคนสุดท้ายในกลุ่มแก๊งเอ่ยขึ้นถามต่อ ซึ่งคำถามแสนติดกวนของธามนั่นเองที่ทำให้พายุถึงกับต้องรีบตวัดสายตาไปมอง
"ตูดบ้านมึงหล่อขนาดนี้เหรอ?" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนและเลิกคิ้วถามเพื่อนตัวเองกลับ
"กูรำคาญความมั่นใจของมึงจริง ๆ ไอ้พายุ" ธามสวนตอบเพื่อนตัวเองกลับด้วยท่าทางหมั่นไส้ ซึ่งพายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้สนใจ เขายักไหล่ให้เพื่อนตัวเองหนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวและเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"เฮ้ย ไปจริงเหรอวะ นี่มึงรีบกลับบ้านไปดูดนมแม่รึไง" เสียงภูผาตะโกนตามหลังเพื่อนตัวเองที่เดินออกไปเสียงดังลั่น ซึ่งพายุที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอามือที่ล้วงกระเป๋าในตอนแรกออกมาและชูนิ้วกลางกลับไปให้กับภูผา จากนั้นเขาก็เดินไปคร่อมรถบิกไบก์ลูกรักที่จอดอยู่หน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์และขับออกไปทางด้านหลังมหาลัยอย่างรวดเร็ว
รถบิกไบก์สีดำด้านคันใหญ่ขับเคลื่อนออกมาที่ถนนด้านหลังของมหาลัยด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ไม่นานรถจะได้เริ่มชะลอความเร็วลงและเลี้ยวเข้ามาจอดที่ร้านสักของรุ่นพี่คนสนิท พายุถอดหมวกกันน็อกสีดำด้านของตัวเองออกและสะบัดผมให้เข้าที่เข้าทางเบา ๆ จากนั้นเขาก็ก้าวขายาว ๆ ลงจากรถ
"กรี๊ดดด!! อ๊าก…ช่วยด้วย"
แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องของใครบางคนดังเข้ามากระทบหู พายุหันไปมองตามสัญชาตญาณแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นเข้ากับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่สวมใส่ชุดนักศึกษากำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาทางเขาพร้อมกับลูกแมวตัวเล็กที่ถือกอดไว้แนบอก
โฮ่ง! โฮ่ง!
ซึ่งด้านหลังของเธอมีฝูงหมาจรจัดวิ่งไล่ตามมาสามสี่ตัว พายุก็ยืนมองนิ่งก่อนจะส่ายหน้าออกมาเบา ๆ อย่างเดาสถานการณ์ออก
"ประสาท"
ปากหนาพึมพำขึ้นตามความคิด จากนั้นสองมือแกร่งก็วางหมวกกันน็อกของตัวเองไว้บนถังน้ำมันรถบิกไบก์คู่ใจ และกำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปในร้านสักอย่างไม่คิดสนใจ เขาไม่เคยคิดจะเข้าไปช่วย เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่ต้องเข้าไปยุ่งกับคนบ้า เขาคิดเช่นนี้จนกระทั่งผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นวิ่งตรงเข้ามาจนจะถึงตัวเขา
หมับ!
"เฮ้ย!" พายุชะงัก เมื่อผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นวิ่งเข้ามาและกอดเขาไว้แน่น
"ชะ ช่วยด้วยค่ะ" เธอเอ่ยเสียงสั่นดังออกมาจากอกของเขา
ตุบ!!
แต่ยังไม่ทันที่พายุจะได้ตอบอะไร เขาก็ต้องรีบคว้าท่อนไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ มือ เขวี้ยงใส่หมาจรจัดอย่างแรง จนฝูงหมาจรที่เกรี้ยวกราดในตอนแรกตกใจและพากันวิ่งหนีกระเจิงไปในทันที
"ชะ…ช่วยด้วยค่ะ หมามันจะกัดเรา" คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นเสียงสั่น
"ช่วยเราด้วยค่ะ"
"หมามันหนีไปหมดแล้ว" พายุเอ่ยพูด
ซึ่งเสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กที่หลับตาปี๋อยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เธอหันหน้ากลับไปมองด้านหลังแล้วก็เป่าลมออกจากปากเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าฝูงหมาพวกนั้นมันหายไปแล้วจริง ๆ
"ปล่อยฉันได้แล้วมั้ง" พายุเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดตัวเองแน่น ซึ่งทันทีที่เธอได้ยินเสียงของเขาเธอก็เหมือนจะได้สติรีบเงยหน้าไปมองคนตัวสูงตรงหน้า ซึ่งในตอนนั้นพายุเองก็หลุบสายตามามองใบหน้าสวยหวานของเธอเช่นกัน
เหมียว!
ทว่าลูกแมวตัวเล็กที่เธออุ้มไว้ในอกกลับใช้เล็บตะกายไปที่เสื้อช็อปของพายุและปีนไปที่อกของเขาแน่น
"อ๊ะ! ไอ้เหมียวอย่าไปทำแบบนั้นกับพี่เขาสิ เขาช่วยพวกเราไว้นะ"
"ขะ ขอโทษนะคะ กำลังจะเอาออกให้ค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยบอกชายที่สวมใส่เสื้อช็อปด้วยท่าทางประหม่า แถมยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจหนัก ๆ ของเขา เธอก็ยิ่งเม้มปากตัวเองแน่นอย่างรู้สึกกลัว
กลับกันดวงตาคมของพายุก็หลุบมองผู้หญิงตัวเล็กที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา ส่วนสูงของเธอนั้นเท่ากับช่วงอกของเขาพอดิบพอดี
"แมวของเธอเหรอ" เขาถาม
"ไม่ใช่ค่ะ เป็นแมวจรที่ถูกหมาฝูงเมื่อกี้กำลังจะไล่กัดที่ข้างถังขยะ เราเห็นก็เลยไปช่วยมาค่ะ"
"แล้วเธอก็กลายเป็นคนที่ถูกหมาไล่กัดแทน?"
"แฮะ…อันนั้นก็ใช่ค่ะ แต่โชคดีที่พี่ช่วยเราไว้ก่อน" คนตัวเล็กยิ้มแห้ง ๆ ออกมาขณะที่สองมือยังคงพยายามเอาเจ้าลูกแมวตัวเล็กออกจากอกของพายุ
แคว่ก!!
"เชี่ย!" ทว่าขณะที่เธอกำลังดึงร่างของลูกแมวออกมา ลูกแมวตัวนั้นกลับใช้เล็บข่วนเสื้อช็อปของเขาอย่างแรง จนเสื้อของเขาเป็นรอยเล็บลากยาวเลยทีเดียว
คนตัวเล็กที่เห็นแบบนั้นก็เบิกตากว้าง รีบเม้มปากแน่นอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าไปสบตาพายุอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"ขะ ขอโทษค่ะ เราไม่คิดว่าไอ้เหมียวมันจะเกาะแน่นขนาดนี้" เธอจับลูกแมวสีส้มขนฟูมากอดไว้แนบอกแน่นและพูดกับเขาต่อว่า "พี่ถอดเสื้อมาไหมคะ เดี๋ยวเราจะเอาไปซ่อมให้เอง"
"ช่างเถอะ" พายุเอ่ยตอบโดยที่ดวงตาคมของเขานั้นกำลังจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
"แต่ว่า…"
"ฉันบอกว่าไม่เป็นไร"
"อะ โอเคค่ะ" น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้น ทำให้เธอตัดสินใจเลิกเซ้าซี้เขาในทันที ถึงแม้จะรู้สึกผิดอยู่มากก็ตาม
"เอ่อ เราขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะที่ช่วยเรา แล้วก็ขอโทษเรื่องเสื้อด้วยจริง ๆ นะคะ" คนตัวเล็กเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พูดจบเธอก็ก้มตัวโค้งลงต่ำ ๆ
"…" พอเธอเงยหน้ามาก็เห็นว่าชายตัวสูงยังคงจ้องหน้าเธอเหมือนเดิม แต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักคำ คนตัวเล็กจึงตัดสินใจรีบหมุนเท้าและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
พรึบ! ทว่าตอนนั้นเองก็มีบัตรนักศึกษาร่วงหล่นลงมาจากกระเป๋าสะพายของเธอ พายุหลุบมองก่อนจะตัดสินใจก้มตัวไปหยิบมันขึ้นมาดู เขาใช้ดวงตาคมของตัวเองไล่อ่านรายละเอียดบนบัตรนักศึกษา
ซึ่งชื่อของคนตัวเล็กคนนั้นก็คือ ‘นางสาว เจ้าขา รุ่งรัตติกาลวดี’ นักศึกษามหาลัยเอส คณะบริหารธุรกิจปีหนึ่ง