บทที่ 8 กลั่นแกล้ง

1197 Words
บทที่ 8 กลั่นแกล้ง ภูผาเดินลงมาจากอัฒจันทร์มาหยุดคุยอยู่กับคุณครูที่เป็นคณะกรรมการตัดสินในการแข่งขันวอลเลย์บอลในครั้งนี้ ก่อนที่คุณครูคนนั้นจะเดินมาประกาศออกไมค์ “ประกาศแจ้งให้นักเรียน คุณครู และคณะผู้บริหารทุกท่านทราบนะครับ วันนี้ทางโรงเรียนนานาชาติแอสลี่ย์ ได้รับเกียรติจากคุณภูผาผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้บริหารสูงสุดเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลในครั้งนี้ด้วย แต่เนื่องจากคุณภูผาเป็นผู้ชายทางเราจึงต่อรองลดให้ฝั่งคุณภูผามีสมาชิกผู้เล่นเหลือเพียงแค่สามคน และอีกฝั่งหนึ่งหกคนดังเดิมเพื่อความยุติธรรมในการแข่งขัน โดยทีมคุณภูผาจะมีมินนี่ กับซินอี๋ห้องเอ เป็นตัวแทนนักเรียนในการร่วมทีมเดียวกับคุณภูผา” ทันทีที่คุณครูภาคสนามประกาศจบ ภายในสเตเดียมก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮา เพราะการที่เห็นหน้าเขาว่าเป็นเรื่องยากแล้ว การที่เห็นเขามาทำอะไรแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ทำให้การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาในทันที “นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ยูกิโกะพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันทุกคนประจำที่เลยครับ” ยังไม่ทันที่สาวๆ รวมถึงซินอี๋จะได้คิด หรือทำใจอะไร คุณครูภาคสนามก็ประกาศออกไมค์อีกครั้ง ซินอี๋กับมินนี่เดินก้าวเข้าไปยืนประจำตำแหน่งตัวเองในสนาม มินนี่มองภูผาด้วยแววตาปลาบปลื้ม เพราะหน้าตาที่หล่อเหลา และรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา ทำให้เธอสนใจในตัวเขา โดยไม่ได้สนใจอายุที่ต่างกันมากกว่าสิบปีเลยก็ตาม ต่างจากซินอี๋ที่เหลือบมองภูผาเป็นระยะด้วยความแปลกใจ “ตื่นเต้นเหรอ” ภูผาเดินมายืนพูดเบาๆ ราวกับกระซิบข้างหลังซินอี๋ ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ “กะ…ก็นิดหน่อยค่ะ” ซินอี๋ตอบกลับไปแบบงงๆ เพราะเธอเองก็ยังคงงุนงง กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้อยู่เหมือนกัน “ตื่นเต้นง่ายจังนะ ไม่รู้เหรอว่าโลกนี้มีอะไรให้ตื่นเต้นกว่านี้อีกเยอะ” การแข่งขันวอลเลย์บอลเริ่มดำเนินอย่างดุเดือดเพราะถึงแม้ฝั่งซินอี๋จะมีผู้เล่นเพียงแค่สามคน แต่ก็มีผู้ชายตัวสูงโปร่งอยู่ในทีม แต่อีกฝั่งถึงแม้จะมีแต่ผู้หญิง แต่ฝั่งนั้นก็มีผู้เล่นมากกว่า และหลายคนเป็นนักกีฬาโรงเรียนทำให้มีทักษะในการเล่นที่ดีไม่แพ้กัน ซินอี๋กระโดดสูงเพื่อเตรียมที่จะตบลูกวอลเลย์กลับไป แต่เพราะความตัวเล็กทำให้เธอกระโดดไม่ถึง ลูกวอลเลย์จึงเฉียดปลายนิ้วมือเธอไป ทว่าในจังหวะนั้นภูผากลับมากระโดดซ้อนแผ่นหลังเนียนแล้วตบลูกวอลเลย์ข้ามเน็ตไปลงบนพื้นฝั่งตรงข้ามได้สำเร็จ “เฮ้!!!” เสียงโห่ร้องดังลั่นสเตเดียม ต่างจากซินอี๋ที่ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน เพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังดันมาจากทางด้านหลัง “กลัวเหรอ” ภูผากระซิบเบาๆ พอให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน โชคดีที่ทุกคนกำลังดีใจทำให้ไม่มีใครสังเกตมาที่เขากับเธอ แต่ก็อย่าลืมว่าในสนามแข่งยังมีอีกคนที่อยู่ทีมเดียวกับพวกเขา ที่สังเกตเห็นการกระทำของทั้งสองคนเป็นอย่างดี “…” “เธอต้องอดทนให้มากกว่านี้นะ เพราะนี่มันยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ” มือเรียวเผลอจิกลงบนต้นขาอ่อนโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ภูผาจะถอยหลังเดินกลับออกไปยืนประจำตำแหน่งตัวเอง มินนี่จึงใช้โอกาสนี้เดินเข้ามาหาซินอี๋แทน “นี่แกตั้งใจจะอ่อยผอ.เหรอ” “เราเปล่านะ” ซินอี๋ปฏิเสธทันควัน เพราะเธอไม่ได้มีเจตนาเหมือนที่มินนี่กล่าวหาจริงๆ “หึ ตอนพี่เต้แกก็พูดแบบนี้แหละ สุดท้ายก็อ่อยจนพี่เต้เขาไปสนใจแก” มินนี่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง เพราะเธอคิดมาตลอดว่าหากซินอี๋ไม่ให้ท่าเต้ รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบป่านนี้เธอกับเต้คงจะได้คบกันไปแล้ว “พี่เต้แค่เอ็นดูเราเหมือนน้องสาว” ซินอี๋บอก “แกรู้อะไรไหม ว่าฉันเกลียดท่าทางตอแหลแกล้งทำเป็นใสซื่อของแกขนาดไหน” พูดจบมินนี่ก็รีบวิ่งไปรับลูกวอลเลย์เอาไว้ แล้วตีกลับไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็รับได้ และตีกลับมาเต็มแรง แต่แทนที่มินนี่จะวิ่งไปรับบอล เธอกลับแกล้งเดินไปชนร่างบางของซินอี๋ให้ไปอยู่ทิศทางเดียวกับลูกวอลเลย์แทน ทำให้ลูกวอลเลย์กระทบกับหน้าผากมนของซินอี๋อย่างแรงจนล้มลงไปกับพื้น “โอ๊ยยยยย//กรี๊ดดดดดดดด!!” เสียงโอดครวญของซินอี๋ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องตกใจของผู้คนที่กำลังชมการแข่งขันในครั้งนี้อยู่ เลือดสีสดไหลออกมาทางจมูกเชิดรั้นเพราะแรงกระแทกของลูกวอลเลย์เมื่อครู่ “ว้ายตายแล้วซินเป็นอะไรไหม!” มินนี่แสร้งตะโกนร้องออกมาด้วยท่าทางตกใจ รีบพุ่งเข้าไปหมายจะประคองร่างเล็กให้ขึ้นมา แต่ก็ถูกภูผาผลักออกไปจนล้มลงไปกับพื้นเสียก่อน “โอ๊ย!” “…” ภูผาแสร้งทำเป็นไม่เห็นมินนี่ที่ล้มลงเหมือนกับที่เธอทำกับซินอี๋ก่อนหน้านี้ ร่างบางถูกช้อนขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของภูผา ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอเดินออกไปจากสนามท่ามกลางสายตาตกใจของผู้คนในสนาม แต่แทนที่เขาจะพาเธอไปที่ห้องพยาบาล เขากลับพาเธอไปที่ห้องทำงานตัวเองแทน “ไม่รู้รึไงว่ายัยนั่นตั้งใจจะผลักเธอไปโดนลูกวอลเลย์” ภูผาถามขณะที่เข้ามาภายในลิฟต์แล้ว “มินนี่คงเสียหลักมาชนมั้งคะ มินนี่จะแกล้งหนูทำไม” ซินอี๋ตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เพราะมือยังคงใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ภูผาให้มาซับเลือดกำเดาเอาไว้ “เพราะแบบนี้ไง ขนาดฉันยังอยากแกล้งเธอเลย” “คุณจะแกล้งหนูเหรอคะ” ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นไปถามภูผาตรงๆ “คิดว่าไงล่ะ” “แล้วคุณจะแกล้งหนูทำไมคะ” ซินอี๋ถามด้วยความสงสัย “หรือเพราะเรื่องที่หนู…เอ่อ รบกวนคุณเมื่อวาน แต่หนูรับปากไปแล้วนะคะว่าจะไม่บอกใคร” “เธอนี่พูดมากเหมือนกันนะ” “…” คำพูดของภูผาทำให้ซินอี๋ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก บรรยากาศภายในลิฟต์จึงกลับมาเงียบอีกครั้ง ประโยคที่ควรจะถามว่าเขาพาเธอไปที่ไหนเธอกลับไม่ถาม ภูผาได้แต่คิดในใจให้กับความไร้เดียงสาของเด็กสาว ที่ไม่รู้ว่ามันถูกปรุงแต่งขึ้นมารึเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD