แม่ไม่อยู่กับเราแล้ว
กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
ชายหนุ่มรูปร่างสูง ใบหน้าคมสันตามแบบฉบับของชายไทย กำลังสนทนาอยู่กับบอดี้การ์ดคนสนิทด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ความโกรธแค้นที่มันอยู่ในใจของเขาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะพยายามลืมมันเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่เคยทำมันได้เลยสักครั้ง
และยิ่งตอนนี้รูปถ่ายที่บ่งบอกถึงความสุขของคนสามคนที่อยู่ในภาพ มันยิ่งทำให้เขาอยากที่จะเข้าไปทำลายความสุขนั้น เขาต่างหากล่ะที่นายชัชวาลย์ควรใส่ใจ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ คนที่ไม่ได้มีสายเลือดของนายชัชวาลย์แม้สักนิด
“ผู้หญิงที่อยู่ในรูปชื่ออะไร” ชวกรเอ่ยถามถึงหญิงสาวสวยที่เขากำลังรู้สึกอิจฉาเธอ
“มัทนาครับ เธอมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของคุณชัชวาลย์” อาคมบอดี้การ์ดคนสนิทของชวกรให้ข้อมูลกับชายหนุ่ม
“ฉันจะเคลียร์งานที่นี่ แล้วฉันจะกลับเมืองไทย นายจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ด้วย” ชวกรออกคำสั่งทั้งที่ใบหน้าของเขายังคงจมอยู่กับความโกรธเกลียด และอาฆาตแค้น
“ครับนาย” อาคมรับปากทันที ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องของผู้เป็นนาย
เมื่อลูกน้องคนสนิทออกไป ภาพความทรงจำในอดีตที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง ชวกรในวัยแปดขวบกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ที่สวนหน้าบ้าน เขากำลังรอบิดามารดากลับมาจากวิ่งรถส่งของ ซึ่งโดยปกติแล้วบิดามารดาของเขาจะกลับมาในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น
แต่วันนี้มันแปลกมาก เพราะเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งทุ่มตรงแล้ว ยังไร้เงาบิดามารดาของเขา เด็กน้อยนั่งรอจนเผลอหลับไป แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะมือที่อบอุ่นของบิดามาลูบที่ศีรษะของเขา เขาไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าบิดากำลังน้ำตาไหลอย่างที่ไม่สามารถสะกัดกลั้นมันไว้ได้
“พ่อกลับมาแล้วเหรอครับ แล้วแม่ล่ะครับ” เด็กชายเอ่ยถาม เพราะมองไปรอบๆ ไม่พบนางเอื้อมพรมารดาของตน
“ทำใจดีๆ นะลูก ตอนนี้แม่เขาไม่อยู่กับเราแล้ว” เด็กชายชวกรเพิ่งสังเกตว่าที่ศีรษะของบิดามีผ้าพันแผล และมีรอยเลือดซึมออกมาเป็นจำนวนมาก
“หมายความว่ายังไงครับ แม่ไปไหน ทำไมแม่ไม่อยู่กับเรา” เด็กชายเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากล่าว
“แม่เสียแล้ว แม่จากเราไปแล้วลูก” ชัชวาลย์รั้งร่างบุตรชายเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนที่น้ำตาของเขาจะไหลพร่างพรูออกมาราวกับสายธารก็ไม่ปาน