บทที่ 10 จุดเริ่มต้นของความวายป่วง

1648 Words
จุดเริ่มต้นของเรื่องวายป่วงนี้ เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนที่แล้ว ช่วงค่ำของวันหนึ่ง เป็นวันที่มิถุนากับบดินทร์ว่างตรงกัน ทั้งคู่นัดกันไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน แม้ว่าเธอจะเป็นสายรักสุขภาพและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แต่แคลอรีต่ำไขมันน้อยสักแค่ไหน แต่พอมาเดินในสถานที่ที่มีแต่ร้านขายของน่ากิน ยั่วตายั่วใจยั่วน้ำลาย ในที่สุดเธอก็ตบะแตกเข้าจนได้ ไม่ว่าจะเป็นเล้งแซ่บเจ้าอร่อย ทะเลถังเจ้าดัง ทะเลดองรสเลิศ ไปจนถึงไข่เต่ามันม่วงราดชีสฉ่ำ ๆ และคาดว่าจะตบท้ายด้วยแมงโกสมูททีที่ออนท็อปด้วยมะม่วงน้ำดอกไม้หอมหวานละมุนปากละมุนใจในคาเฟ่มินิมอลน่ารัก ๆ ข้างทางที่เธอเล็งไว้แล้ว “ โอ๊ยตาย วันนี้จูนตบะแตกกินแหลกจนคำนวณไม่ได้เลยว่าซัดเข้าไปกี่แคลแล้วเนี่ย พี่บดินทร์ไม่ยอมเบรกจูนบ้างเลย ” เธอบ่นให้ตัวเองอย่างรู้สึกผิดแต่ก็ยังอยากจะกินสมูททีตบท้ายอีกรายการหนึ่งอยู่ดี บดินทร์คลี่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมคนข้าง ๆ อย่างเอ็นดูก่อนเอ่ยขึ้น “ ก็พี่เห็นจูนกินอร่อยแล้วก็ดูมีความสุขมาก ๆ เลยไม่อยากขัด แล้วพี่จะไปเบรกจูนได้ยังไงในเมื่อตัวเองก็กินไม่หยุดปากเหมือนกันเนี่ย ” คำพูดของเขาทำให้เธอหัวเราะออกมาทันที “ กินเถอะค่ะ พี่เห็นจูนมีความสุขพี่ก็ดีใจ เพราะรู้ว่ากินแล้วจูนก็ไปออกกำลังกายเบิร์นออกอยู่แล้วนี่ จูนของพี่ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี ดูแลตัวเองดีอยู่เสมอ ถือซะว่าวันนี้เป็นชีทเดย์ละกันนะคะ ” คำพูดของคนรักและสายตาอ่อนโยนที่มองมาทำให้เธอยิ้มออก “ ถ้างั้นจูนขอตบท้ายด้วยสมูททีที่ร้านข้างหน้าโน่นอีกแก้วนะคะ ” เธอว่าพร้อมกับชี้มือไปที่คาเฟ่ที่อยู่ถัดไปข้างหน้าอีกสามสี่ร้าน อีกฝ่ายยิ้มมองตามมือเธอแล้วพยักหน้า “ ได้สิคะ ลุยเลยค่ะ ” ทั้งคู่เดินเคียงกันไปที่ร้านดังกลาว หากเดินยังไม่ทันถึงจู่ ๆ สายฝนก็พรำลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฝนไม่ได้ตกแรงมากนัก แต่ก็ทำให้ผู้คนที่เดินขวักไขว่ในบริเวณนั้นพาตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ร่มเงาของแต่ละร้านจนแน่นขนัดไปหมด บ้างก็รีบวิ่งกลับไปที่รถตัวเอง บดินทร์หันไปมองมิถุนาที่เอามือป้องหน้ากันน้ำฝนเข้าตาอยู่ข้าง ๆ เสื้อยืดสีขาวของเธอเริ่มเปียกจนมองเห็นสีชมพูของบราที่สวมอยู่ข้างใน เขารีบถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วเอาไปคลุมศีรษะให้เธอ “ อุ๊ย พี่บดินทร์ ไม่เป็นไรค่ะ ” “ ไม่เป็นไรได้ไงล่ะ จูนตัวเปียกหมดแล้ว ” “ แต่ฝนมันตก อากาศมันเย็น พี่บดินทร์ถอดเสื้อมาให้จูนเดี๋ยวจะไม่สบายนะ ” “ พี่แข็งแรงจะตายไป ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จูนใส่เสื้อขาว เสื้อมันเปียกเดี๋ยวจะโป๊” แก้มขาวเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นมาทันทีแล้วอ้อมแอ้มตอบเขาไป “ ขอบคุณนะคะพี่บดินทร์ ” แล้วใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวมากขึ้นเมื่อเห็นแผงอกกว้างแน่นหนั่นที่อยู่ห่างแก้มตัวเองไม่ถึงคืบ ถึงไม่กำยำใหญ่โตเหมือนนักกล้ามแต่กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างกายเขาก็ลีนสวยน่ามองเพราะเขาเองก็เข้าฟิตเนสเป็นประจำเมื่อมีเวลาโดยเฉพาะกล้ามท้องที่แม้ไม่ได้เป็นก้อนเด่นชัดแต่ก็พอมองเห็นลาง ๆ และไม่ใช่แค่เธอที่มองเขาตาปรอย สาว ๆ หลายนางในที่นั้นก็จ้องพี่บดินทร์ไม่วางตาเช่นกัน ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งร้องเรียกชื่อเธอขึ้นมา “ เฮ้ จูน ! ” มิถุนาหันขวับไปก็พบผู้หญิงร่างบอบบางในเสื้อยืดแขนกุดสีดำเข้ารูปอวดรอยสักสวยที่หัวไหล่กับยีนขาเดฟสีสนิม ผมทรงวูฟคัตสีควันบุหรี่ เครื่องหน้าสะสวย ใบหน้ารูปไข่ แม้ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใด ๆ แต่มันก็ดูสวยเก๋ ดูเป็นสาวเท่ที่ดึงดูดสายตาคนรอบข้าง ชื่อของเธอคือ เฟย์ เพื่อนรักของมิถุนานั่นเอง เจ้าหล่อนเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมปลายด้วยกัน เป็นนักเรียนดีเด่นคู่กัน ความที่หน้าตาดีและเรียนเก่งด้วยกันทั้งคู่ จึงเรียกได้ว่าเป็นดาวโรงเรียนในขณะนั้นเลยก็ว่าได้ แต่เฟย์มีพื้นฐานทางครอบครัวที่ต่างจากจูนมาก เธอเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมากับป้าที่มีอาชีพขายน้ำเต้าหู้ เพื่อนรอบตัวมีมากมาย แต่เพื่อนคนเดียวที่รู้ใจ วางใจ จนมิถุนาคุยได้ทุกเรื่องก็เห็นจะมีแต่เฟย์เท่านั้น ขณะกำลังตั้งใจเรียนเพื่อจะเปลี่ยนผ่านจากเด็กมัธยมก้าวไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย แต่จู่ ๆ ขณะขึ้นเทอมสองเฟย์ก็หายไปเลย หายไปจากตลาดทั้งเธอและป้า ไม่ทิ้งร่อยรอย ไม่บอกใคร ติดต่อไม่ได้ นั่นทำให้มิถุนาเสียใจเป็นอย่างมาก และในที่สุดโชคชะตาก็พาทั้งคู่ให้กลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนที่มิถุนาได้งานที่บริษัทนี้ใหม่ ๆ เธอบังเอิญเจอเฟย์ในร้านอาหาร ตอนนั้นเฟย์เป็นฝ่ายทักทายมิถุนาก่อนเพราะมิถุนาจำเฟย์ไม่ได้เลย เพราะเฟย์นั้นเปลี่ยนไปมากจากสมัยก่อน จากเด็กสาวตาโต หน้าหวาน ยิ้มเก่ง มีลักยิ้มสองข้างแก้ม ผิวขาวเหลืองที่ใคร ๆ เขาเรียกว่าผิวพม่านัยน์ตาแขก ผมดำขลับสลวยยาวในตอนนั้นได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังนับว่าเป็นสาวสวยเช่นเคย เพียงแค่เปลี่ยนจากสาวหวานมาเป็นสาวเปรี้ยวเท่พลิกสไตล์ไปเลย เฟย์เปลี่ยนไปมาก ผ่านเรื่องหนัก ๆ มามาก เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายวัยสิบขวบหนึ่งคนและมีอาชีพเป็นนักร้องนักดนตรีกลางคืน แม้อะไร ๆ จะเปลี่ยนไปแต่ความเป็นเพื่อนยังคงเดิม มิถุนาดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนรักอีกครั้ง และจากวันนั้นทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อนัดเจอกันเสมอ วันนั้นเฟย์เดินมากับกลุ่มเพื่อนนักดนตรีของเธอ เมื่อมิถุนาเห็นว่าเป็นเพื่อนรักก็รีบโบกมือทักทายพร้อมรอยยิ้ม “ ยัยเฟย์ ” ก่อนที่เฟย์จะขอตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้วเดินเข้ามาทักทายทั้งคู่ “ สวัสดีค่ะพี่บดินทร์ ” “ สวัสดีครับน้องเฟย์ มาเดินเล่นกันเหรอ ” พี่บดินทร์ทักกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มสุภาพเช่นเคย “ มาเดินหาอะไรกินกันค่ะพี่ แล้วนี่กินไรกันยัง ” “ กินจนพุงจะแตกอยู่แล้วเนี่ย แล้วแกไม่ทำงานเหรอวันนี้ ” จูนถามขึ้นบ้าง “ ทำ ร้านเดิมนั่นแหละ มาหาไรกินกันก่อน ” จูนตอบก่อนเงยหน้ามองฝนที่เริ่มหนาเม็ดขึ้นทุกที “ กรรมมาก มาตกอะไรตอนนี้เนี่ย งั้นไปก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกันแก ” เฟย์ว่า “ เออ ๆ เดี๋ยวโทรไป ” “ ไปนะคะพี่บดินทร์ ” เฟย์บอกลาก่อนที่จะวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนโดยมีพี่บดินทร์ตะโกนไล่หลัง “ สวัสดีครับเฟย์ ระวังลื่นด้วยนะ ” จากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจว่าจะกลับเลย ความคิดที่จะตบท้ายด้วยแมงโกสมูททีถูกปัดตกเพราะพี่บดินทร์เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเป็นหวัดเนื่องจากตากฝนและใส่เสื้อผ้าชื้นนานเกินไปจึงรีบพาไปส่งที่คอนโดมิเนียมทันที รถจอดลงหน้าที่พัก เธอก็ข่มความกระดากถามเขาออกไปทั้งที่สองแก้มเนียนร้อนผ่าวไปหมด “ พี่บดินทร์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องจูนก่อนไหมคะ จูนมีเสื้อยืดตัวใหญ่ ๆ อยู่ค่ะ ใส่ผ้าเปียกนาน ๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ ” ใช่แล้ว มันเป็นคำเชิญชวนแบบอ้อม ๆ หวังว่าเขาจะขึ้นไปที่ห้องแล้วทำอะไรกับเธอที่มากกว่าการเปลี่ยนเสื้อ แต่คำตอบที่ได้กลับมา แม้น้ำเสียงเขาจะนุ่มนวลเพียงใดแต่หัวใจคนฟังกลับชาหนึบไปหมด “ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่จะกลับเลย จูนเป็นผู้หญิงพาผู้ชายขึ้นห้องตามลำพังมันดูไม่ดีนะคะ เสียภาพพจน์หมด ขึ้นห้องอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วนะคะคนดี ” “ ค่ะ ถ้างั้นก็ขับรถดี ๆ นะคะ ” เธอตอบกลับแบบไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ “ พี่ถึงบ้านแล้วจะส่งข้อความหานะคะ ” “ ค่ะ ” ตอบสั้น ๆ แล้วมองเขาเคลื่อนรถออกไปจนลับสายตาจึงหมุนตัวเดินไปขึ้นลิฟต์พลางถอนใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ ผิดมากไหมที่อยากทำอะไรอย่างที่คู่รักคนอื่นเขาทำบ้าง มันน่าอายและเสียภาพพจน์มากมายขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งที่เธอกับบดินทร์ต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อีกทั้งคบหากันมาก็แสนนาน อยากให้เขาถอดหัวโขนหรือภาพพจน์บ้าบออะไรนั่นลงบ้างแล้วหันมามองภาพเปลือยเปล่าของกันและกันดูสักครั้งไม่ได้เชียวหรือ จะว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นหรือว่ารังเกียจเธอก็ไม่น่าจะใช่ พี่บดินทร์ยังห่วงใยอาทรเธอเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา ในหัวเธอคิดสรตะไปหมดแต่สุดท้ายก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD