3 ช่วยเหลือ

1591 Words
“ญาติคนไข้ที่ชื่ออันดาใช่ไหมครับ” “คะ ค่ะ ใช่ค่ะ” “หมอจะแจ้งว่า คนไข้ต้องตรวจอย่างละเอียดนะครับ วันนี้คงต้องนอนที่โรงพยาบาลก่อน” “นอนโรงบาล!” “ครับ” หมอหนุ่มที่เห็นท่าทางนั้น เขาก็จ้องชายหญิงที่ยืนอยู่อย่างไม่วางตา “ไม่ได้หรอกนะหมอ วันนี้ฉันต้องไปธุระแล้ว แล้วก็ไปทีหลายวัน จะให้ลูกสาวฉันนอนโรงบาลได้ยังไง” ด้วยที่วันนี้ต้องเข้าไปที่บ่อนใหม่แล้ว และต้องพาตัวอันดาไปส่งให้เสี่ยนครด้วย ถ้าชักช้ากว่านี้ราคาอาจจะตกได้ “ตามความต้องการที่อยากจะตรวจให้ละเอียด ก็ต้องนอนครับ” หมอหนุ่มพูดเสียงเรียบ “แต่ฉัน...” “เอาเถอะน่าพี่ ก็ตามที่หมอบอกนั่นแหละ” “ไอ้ดัง!” “อยากอัพค่าตัวมันไม่ใช่หรือไง ก็ให้หมอตรวจอย่างละเอียดไปซะ ยังไงไอ้เสี่ยนคร มันก็สนใจนังอันอยู่แล้ว ต้องรอได้แหละ” ดังกระซิบข้างหูพี่สาว ให้ได้ยินกันแค่สองคน “...” ดวงก็ได้แต่คิดตาม เพราะยังไงจากรูปที่ส่งให้เสี่ยนครดู ก็รู้อยู่ว่าคงถูกใจมาก “ตามนี้นะครับ” หมอหนุ่มที่พอได้ยินและจับใจความได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างสังเวช โลกนี้ช่างโหดร้ายจริง ๆ “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นแหละ” “งั้นพี่อยู่เฝ้านังอันแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะไปก่อน” “ได้ยังไงล่ะ แกสิต้องอยู่เฝ้ามัน วันนี้ฉันต้องไปนะ” “ไม่ต้องเฝ้าครับ แค่มาตรวจไม่ได้ป่วย” หมอหนุ่มพูดอย่างเอื้อมระอาทั้งคู่ “อือ ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นแหละค่ะ” “นังอัน” “นะ...น้าดวง” อันดาที่นั่งรออยู่ เมื่อเห็นแม่เลี้ยงเดินมาด้วยท่าทางที่ร้อนรน เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ก็ไม่รู้ว่าหมอคนนั้น ช่วยเหลือเธอจริง ๆ อย่างที่รับปากไหม “หมอคุยกับฉันแล้ว ว่าให้แกนอนโรงบาลก่อน จะได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด” “...” อันดาที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างมาก อย่างน้อยคนที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขาก็ยังอุตส่าห์ช่วยเหลือขนาดนี้ “แต่วันนี้ฉันต้องไปแล้ว อีกสองสามวันฉันจะมารับแก ตรวจเสร็จแล้วแกกลับไปรอที่บ้าน แล้วก็ห้ามหนีไปไหนนะ” “...” “เพราะถ้าแกคิดจะหนีจริง ๆ คนของเสี่ยนคร ก็สามารถหาตัวแกจนเจอได้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” ดวงพูดเสียงแข็งอย่างข่มขู่ เพราะรู้ดีว่าลูกเลี้ยงคนนี้หัวอ่อนแค่ไหน คงจะหนีไปไหนไม่พ้นหรอก “คะ...ค่ะ น้าดวง” อันดาพูดเสียงสั่นด้วยความรู้สึกที่กลัว “ส่วนนี้เงินค่าตรวจ แกเอาไว้จ่าย ฉันให้แค่ค่าตรวจนะ ส่วนค่ากินค่าอยู่แก ก็หาเอาตามมีตามเกิดก็แล้วกัน” พูดจบก็ยื่นเงินค่าตรวจให้ “เสร็จแล้วก็รีบไปสิพี่ เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี มาตั้งไกลนะวันนี้ ก่อนจะค่ำกว่านี้” ดังที่เดินตามมาก็รีบพูดขึ้น “เออ!” ดวงพูดอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที “ถ้ามีอะไรขาดเหลือ อันคุยกับฉันได้นะ” ดังที่ยังยืนอยู่ ก็มองเธอด้วยสายตาที่ลวนลาม ก่อนจะจับมือบางนั้นขึ้นมา “ปะ...ปล่อยนะ” อันดาพูดเสียงสั่น เพราะเธอรู้สึกกลัวดังมากเหมือนกัน เนื่องจากชอบ แต๊ะอั๋งเธอบ่อย ๆ จนรู้สึกขยะแขยงไปหมด “ไอ้ดัง!” ดวงที่หันมาเห็นแบบนั้นก็ตะคอกขึ้นเต็มเสียง จนดังสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ รีบผละมือบางนั้นออก แล้วเดินตามพี่สาวไปในที่สุด อันดาตอนนี้รู้สึกโล่งมาก จนน้ำตาใหลในที่สุด ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนเหมือนกัน แต่แค่ได้หลุดพ้นแค่นี้ เธอก็เหมือนได้ขึ้นจากขุมนรกแล้ว หญิงสาวรีบเดินออกจากโรงพยาบาลทันที เพราะกลัวว่าแม่เลี้ยงจะกลับมาเจอเข้า ด้วยที่ไม่เคยเข้ากรุงเทพฯ เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปหมด ทั้งตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว บรึ้น ๆ แล้วในตอนนั้นรถหรูคันสีดำราคาแพง ก็ขับมาจอดตรงหน้าเธอพอดี “ขึ้นรถสิ” แล้วเสียงหมอหนุ่มก็ดังขึ้น อันดาในตอนนั้นเงยขึ้นมองหน้าเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย และเธอที่เพิ่งเคยเห็นหน้าเขาครั้งแรก ก็ถึงกับตกตะลึง หน้าตาหล่อเหลา เกลี้ยงเกลา ผิวเนียนละเอียดราวกับผู้หญิง สายตาที่คมดุคู่นั้น มันมีเสน่ห์จนสะกดสายตาเธอ “จะยืนนิ่งอยู่อีกนานไหม เดี๋ยวสองคนนั้นก็ตามมาเจอพอดีหรอก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ความจริงก็ตามดูเธอได้สักพักแล้ว และแน่ใจว่าเธอจะเดินออกมาจากโรงพยาบาล เขาก็รีบขับรถออกมา “เอ่อ...” แบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน “เร็ว ๆ สิ” “ค่ะ ๆ” เธอที่ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ก็รีบขึ้นรถหรูคันนั้นไปกับเขา ณ เพนท์เฮาส์ แล้วกันต์ก็พาเธอกลับมาที่เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของคอนโดหรู ใจกลางเมือง ที่พักอาศัยของตัวเอง ปกติแล้วเขาอยู่ที่นี่คนเดียว และไม่เคยพาใครมาเลยเพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว ชีวิตที่มีผู้หญิงเยอะมากอย่างเขา ส่วนมากก็จบกันที่โรงแรม ไม่เคยสานสัมพันธ์กับใคร หรือพาใครมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว วันนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเด็กคนนี้ถึงเป็นข้อยกเว้นของเขาได้ “...” เมื่อมาถึงห้องที่หรูขนาดนี้ อันดาก็รู้สึกตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เพราะชีวิตเธอไม่เคยได้อยู่ที่ดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าหมอหนุ่มจะพาเธอมาที่นี่ “ตามสบายนะ ที่นี่คือเพนท์เฮาส์ของฉันเอง” “เอ่อ...” ดวงตาสวยจ้องมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างดูสะอาดและเรียบร้อยไปหมด ของทุกอย่างเป็นระเบียบเหมือนห้องที่โชว์มากกว่าอยู่จริง “มีอะไรหรือเปล่า” “หนูไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณหมอถึงพาหนูมาที่นี่” เธอก็ถามด้วยความใสซื่อ เพราะดูแล้วที่นี่มันเป็นส่วนตัวมาก ระดับเขาที่เพิ่งรู้จักเธอ ทำไมถึงกล้าพามาที่นี่ “...” กันต์เอง ก็รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน เขากับเธอเพิ่งรู้จักกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง ทำไมถึงพามาที่เพนท์เฮาส์ส่วนตัวได้ “ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเหลือหนูไว้วันนี้ หนูซาบซึ้งน้ำใจคุณหมอมาก ถ้าไม่ได้คุณหมอในวันนี้ ชีวิตหนูก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็นไปแล้ว” เธอยกมือไหว้เขา ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ “ไม่เป็นไร ตามสบายเถอะไม่ต้องคิดอะไรมาก” “...” “เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน เพราะที่นี่คงจะปลอดภัยสำหรับเธอที่สุดแล้ว” “...” ก็จริงอย่างที่เขาว่า จากคำขู่ของแม่เลี้ยงเธอ มันทำให้เธอรู้สึกกลัว ทั้งไม่รู้ว่าจะหาทางหนียังไงด้วย “เป็นเด็กต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ มีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ในกรุงเทพฯ ไหม” “ตอนนี้ไม่มีค่ะ แต่อีกไม่กี่เดือนจะมีเพื่อนมาเรียนที่กรุงเทพฯ” อีกไม่กี่เดือน เพื่อนสนิทของเธออย่างน้ำตาล ก็จะเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ แล้ว เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากสำหรับ คนที่ไม่มีโอกาสอย่างเธอมาก “แล้วเธอล่ะเรียนที่ไหน” “เอ่อ... หนูไม่ได้เรียนต่อหรอกค่ะ ครอบครัวยากจนมาก พ่อเสียอยู่กับแม่เลี้ยง ต้องทำงานหาเงินใช้เอง อย่าว่าแต่เรียนมหาลัยเลย แค่เงินจะกินไปวัน ๆ ยังไม่มี” อันดาพูดด้วยความรู้สึกที่กล้ำกลืน ชีวิตเธอไม่เคยมีโอกาสแบบคนอื่น ซ้ำร้ายยังต้องหาเงินให้แม่เลี้ยงใช้อีก “งั้นเหรอ” เขาที่ได้รับรู้เรื่องนี้ ก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมชีวิตถึงโชคร้ายขนาดนี้นะ “เอ่อ... หนูชื่ออันดานะคะ เรียกว่าอันเฉย ๆ ก็ได้ แล้วคุณหมอ...” ‘นพ. กันต์ อัคราคินน์’ เธอจำชื่อเขาได้แม่น “ฉันชื่อกันต์ วันนี้ไม่มีอะไรแล้วเธอก็ไปพักผ่อนเถอะ ข้างบนมีห้องนอนสามห้อง ห้องใหญ่สุดเป็นห้องนอนของฉัน เธอก็นอนห้องที่อยู่ข้างห้องฉันก็แล้วกัน เพราะอีกห้องถ้าเพื่อนฉันมา จะนอนกันที่นั่น” “ค่ะ” เธอมองเขาด้วยความรู้สึกที่ขอบคุณ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงดีกับเธอขนาดนี้ “เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยเหลือหนูในวันนี้ หนูจะไม่ลืมบุญคุณเลยค่ะ” เธอก็ยิ้มให้เขาอย่างซาบซึ้งบุญคุณ ชีวิตเธอไม่เคยมีใครมาดีด้วยแบบนี้ “หึ ฉันไม่ช่วยเหลือใครฟรี ๆ หรอกนะ นอกจากเป็นหมอแล้วฉันก็ยังเป็นนักธุรกิจ” เขาก็ยิ้มมุมปากให้เธอ ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เพราะเขาก็เป็นนักธุรกิจ ทำอะไรไว้ก็ ย่อมคาดหวังจะได้กำไรมากกว่าขาดทุนอยู่แล้ว “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD