ตอนที่ 7 แค่เพื่อนเท่านั้น

1981 Words
“หมอกกลับมาแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย” หลังจากที่บรรยากาศตึงเครียดภายในร้านคลี่คลายลงอย่างคลุมเครือ ช่อแก้วก็พึมพำออกมากันตัวเอง เพราะตอนที่หมอกเดินออกไปจากร้านด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดและใบหน้าที่บึ้งตึง เธอเองยังคงตกใจไม่น้อยและยังงุนงงกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเพื่อนในวัยเด็กอยู่บ้าง เธอไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ หมอกจะมาหากันถึงที่ร้านแบบนี้ โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้าแม้แต่น้อย ช่อแก้วตกใจจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่หมอกไม่เคยลืมเธอเลย ซ้ำยังนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาถึงไทย แล้วก็รีบตรงมาหาเธอถึงที่ร้านทันทีอีก ทั้งที่เธอไม่เคยบอกพิกัดร้านของเธอกับเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยส่งรูป หรือแม้กระทั่งพิมพ์ชื่อร้านลงในโซเชียลมีเดียเลยด้วยซ้ำ เขากลับตามหาเธอจนเจอได้ ถึงแม้เธอเองจะยังแปลกใจอยู่ลึก ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เดินออกจากร้านไปด้วยท่าทีที่เธอไม่อาจเข้าใจได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังดีใจที่เขาแวะมาหากันอยู่ดี ความรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยก่อตัวขึ้นในอกของเธอ เพราะการได้พบเพื่อนเก่าที่เคยผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นอีกครั้ง หลังจากที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของใครของมันมานานหลายปี มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ “ให้ตายสิ เฮ้อ! รู้สึกผิดจัง” ช่อแก้วที่กำลังยืนอยู่ในห้องทำขนมเพียงลำพังพูดกับตัวเองอีกครั้ง พลางหลุบตาลงมองถ้วยผสมแป้งที่อยู่ตรงหน้าเธอไปด้วย เธอรู้สึกผิดที่ไม่ได้แสดงความดีใจให้เขาเห็นอย่างเต็มที่ และยังทำให้เขาต้องเดินจากไปทั้งอย่างนั้นอีก ระหว่างนั้น เธอก็นึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นมิตรภาพระหว่างเธอกับหมอกที่มันเกือบจะไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากสถานะทางสังคมของพวกเขาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จริง ๆ แล้วเธอเป็นเพียงแค่ลูกสาวของคนงานในร้านวัสดุก่อสร้างของแม่บุญธรรม ซึ่งตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กเล็กและอยู่ในความดูแลของ ตาอ่ำ กับ ยายแย้ม ผู้เป็นพ่อและแม่ของแม่บุญธรรมของเธอ ซึ่งไม่ใช่ญาติแท้ ๆ ของเธอเลย พ่อที่แท้จริงของเธอนั้นไปมีภรรยาใหม่ หลังจากที่แม่แท้ ๆ ของเธอจากไปด้วยโรคไหลตายเพียงปีเดียวเท่านั้น และนับตั้งแต่นั้นมา ช่อแก้วก็ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่ออย่างที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย พ่อของเธอเอาแต่ทำงานทั้งวันและตกเย็นก็เอาแต่ดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ ไม่สนใจลูกสาวตัวเอง เธอจึงมักจะถูกแม่เลี้ยงทุบตีอย่างรุนแรง ต่อให้ทำผิดพลาดแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม กระทั่งร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยฟกช้ำก็ไม่ยอมหยุด ในวันที่ครอบครัวของหมอก ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตอนที่เธออายุเก้าขวบ เพราะเธอถูกแม่เลี้ยงทุบตีทำร้ายร่างกายอย่างหนัก นั่นจึงทำให้เธอมีชีวิตใหม่ ได้เติบโตมาด้วยความรัก ช่อแก้วได้รับการดูแลอย่างดี และยังได้รับเมตตาจากพ่อแม่ของหมอกที่คอยอุปการะและให้การสนับสนุนเธอมาตลอดด้วย นอกจากนั้นเธอยังมีน้องอีกสองคนคือ ฟาเดีย เมนิลา กับ เฟรม เมธวิน ซึ่งเป็นลูกในสายเลือดของแม่ปุ้ยกับป๊าฟลอยด์ ทั้งสองคนต่างก็รักและผูกพันกับเธอมาก ปัจจุบันทุกคนในครอบครัวบุญธรรมของเธออยู่ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งห่างไกลจากกรุงเทพฯ พอสมควร ส่วนตัวเธอนั้นพอเรียนจบระดับปริญญาตรี ก็ขอเดินตามความฝันด้วยการเปิดร้านขนมอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นอิสระและได้ทำในสิ่งที่รักอย่างเต็มที่ แต่ทุกคนก็จะมาหาเธอเดือนละหนึ่งถึงสองครั้ง ยิ่งหากน้อง ๆ ปิดเทอมก็จะมาอยู่ด้วยครั้งละหลาย ๆ วัน เพื่อมาช่วยงานและอยู่เป็นเพื่อนเธอ “นึกไปนึกมาก็คิดถึงน้อง ๆ เลยแฮะ” ช่อแก้วยกยิ้มเล็กน้อย พ่อแม่ของหมอกนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของเธออย่างแท้จริง เพราะถ้าหากพ่อแม่ของเขาไม่ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือเธอในครั้งนั้น ช่อแก้วก็ไม่รู้เลยว่าวันนี้ชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไง ไม่แน่เธอก็อาจจะยังคงจมปลักอยู่กับความเจ็บปวด หรืออาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ด้วยความที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวันในตอนเด็ก จึงทำให้ช่อแก้ว หมอก และเมฆ กลายเป็นเพื่อนที่ไว้ใจและสนิทที่สุดของกันและกัน โดยเฉพาะกับหมอกที่เธอรู้สึกผูกพันกับเขาเป็นพิเศษ ทว่าไม่กี่ปีหลังจากนั้นงานเลี้ยงแห่งความสุขระหว่างเธอกับเพื่อนคนนี้ก็ต้องเลิกราไป ในช่วงที่หมอกกับเมฆอายุได้สิบสี่ปี ทั้งคู่ก็ต้องไปเรียนต่อระดับไฮสคูลที่อเมริกาตามความต้องการของพวกเขาเอง ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมันอยู่นั้น ในช่วงแรก ๆ ทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ้างผ่านช่องทางออนไลน์ คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเสมอ มันเคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน ทว่าพอชีวิตมีเรื่องอะไรหลายอย่างให้ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนที่หนักขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่างแดนซึ่งต้องปรับตัวเข้ากับสังคมรอบตัวใหม่ นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่วันดีคืนดี จู่ ๆ หมอกก็กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง แบบที่ไม่มีการบอกกล่าวกันก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันจะสร้างความแตกตื่นให้กับเธอ ฟึ่บ! “ว้าย! พะ พี่เขต…ช่อตกใจหมดเลยค่ะ ทำไมมาไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี้ล่ะคะ!” ระหว่างที่ช่อแก้วกำลังยืนเหม่ออย่างคนใจลอย แก้มของเธอก็ถูกจิ้มอย่างแผ่วเบาจากด้านหลังด้วยมือของใครบางคน ซึ่งพอหันไปมอง นาทีนั้นช่อแก้วก็ลอบถอนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อคนที่ถือวิสาสะเอานิ้วมาจิ้มแก้มเธอเมื่อครู่นี้คือเขต ผู้ชายที่เธอคบหาดูใจมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้เขาใช้วันหยุดของตัวเองแวะเข้ามาช่วยเธอที่ร้าน ซึ่งปกติเขาก็มักจะมาช่วยงานช่อแก้วเสมอในวันที่เธอต้องการความช่วยเหลือ “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอช่อ ทำไมถึงได้เหม่อขนาดนั้น พี่เห็นช่อยืนนิ่งไปตั้งนานแล้วนะ” เขตที่เดินเข้ามาในห้องทำขนมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก แต่กลับหรี่ตามองช่อแก้วอย่างนึกจับผิด เขาสังเกตเห็นความผิดปกติในท่าทีของเธอได้ตั้งแต่แรกแล้ว ขณะที่ช่อแก้วก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มจาง ๆ กลับไปให้แฟนหนุ่มของเธอ แล้วจึงค่อยพูดต่อ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่อก็แค่…คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยตามประสานั่นแหละค่ะ พี่เขตก็น่าจะรู้นี่คะว่าวัน ๆ หนึ่ง มีปัญหาร้อยแปดพันเรื่องให้ช่อคิดไม่พ้นแต่ละวัน ทั้งออเดอร์ขนม พนักงาน หรือเรื่องทุนวัตถุดิบ” ช่อแก้วเลือกจะตอบแบบเลี่ยง ๆ โดยไม่พูดความจริงออกไปตรง ๆ เพราะเธอไม่ต้องการให้แฟนหนุ่มของเธอไม่สบายใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด ก็แน่ล่ะ ใครจะรู้สึกสบายใจบ้างหากได้รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองกำลังคิดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่จนเหม่อลอยไม่มีสติขนาดนี้ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีสถานะเป็นแค่เพื่อนก็ตาม และยิ่งได้เห็นท่าทีแปลก ๆ ของหมอกเมื่อรู้ว่าเธอกับเขตคบกันแล้วด้วย ก็ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลยสักคำ ”แล้วไป พี่ก็นึกว่าช่อกำลังคิดถึงผู้ชายคนที่แวะเข้ามาหาเมื่อกี้นี้ซะอีก” เขตตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีด้วยความสงสัยอยู่แต่ก็หยั่งเชิงหยอกล้อเธอไปด้วย ทว่าประโยคนั้นมันกลับทำให้ช่อแก้วที่กำลังนึกถึงหมอกอยู่จริง ๆ มีอาการชะงักไปอย่างกะทันหัน หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย ช่อแก้วลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองแสดงท่าทีมีพิรุธออกไปต่อหน้าเขาบ้างหรือไม่ แต่โชคดีที่เธอไม่ได้มีอาการชะงักชัดเจนจนเกินไปนัก นั่นจึงทำให้เขตไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางเหล่านั้นของเธออย่างละเอียด เขาจึงนึกสงสัยเล็กน้อยตามประสาแฟนหนุ่มที่รู้สึกหึงหวงแฟนสาวของตัวเอง และแกล้งเลิกคิ้วสูงให้ช่อแก้วลุกลี้ลุกลนเล่น ๆ “จริงสิ ผู้ชายคนนั้น…ชื่ออะไรนะ อ๋อ โทษที คนที่ชื่อหมอกอะไรนั่นน่ะ เขาเป็นเพื่อนช่อมานานแล้วเหรอ ดูสนิทกันไม่น้อยเลยนะ แต่ทำไมพี่ไม่เห็นจะเคยได้ยินช่อพูดถึงเพื่อนคนนี้เลย” ยังไม่ทันที่ช่อแก้วจะได้หายตกใจกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขตก็ยิงคำถามใหม่มาใส่เธอรัว ๆ เสียก่อน แต่คราวนี้เขากลับเปลี่ยนเป็นท่าทีที่แสดงออกถึงความสงสัยอย่างจริงจังเข้าให้แล้ว “ใช่ค่ะ” ช่อแก้วพยักหน้ากลับไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะอธิบายเพิ่ม “เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตั้งแต่ยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย แต่ว่าหมอกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศน่ะค่ะ แล้วพอเขากลับมาไทย...ก็เลยแวะมาหา เพราะเราสองคนไม่ได้เจอกันมาเกินสิบปีแล้วค่ะพี่เขต” เธอพยายามพูดให้ดูเป็นปกติที่สุด สิ้นเสียงพูดของช่อแก้ว แฟนหนุ่มของเธอก็เงียบไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขตไม่ได้ให้คำตอบหรือพูดอะไรโต้ตอบกลับมาในทันที นั่นจึงทำให้ช่อแก้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับความเงียบนี้เท่าไรนัก มันเป็นความเงียบที่บอกได้ว่าเขากำลังไม่เชื่อใจบางอย่างในตัวเธอ ทำให้ช่อแก้วต้องเป็นฝ่ายถามเขากลับบ้าง เพื่อทำลายความเงียบนั้นลง “พี่เขต…ติดใจอะไรตรงไหนหรือเปล่าคะ” ช่อแก้วถามย้ำ “ก็ไม่เชิงหรอก” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่น้ำเสียงของก็ยังไม่คลายความเคลือบแคลงสงสัยลงสักนิด ทว่าช่อแก้วก็รอคอยให้เขาพูดก่อน “พี่ไม่ติดใจอะไรกับช่อหรอก แต่กับเขาน่ะไม่แน่ ถ้าคนที่ชื่อว่าหมอกอะไรนั่นคิดกับช่อแค่เพื่อนจริง ๆ แล้วทำไมถึงต้องดูหัวเสียจนออกนอกหน้าขนาดนั้นด้วยล่ะ หลังจากที่รู้ว่าช่อกับพี่เป็นแฟนกันน่ะ ช่อว่ามันปกติหรือไง” ในที่สุดเขตก็ระบายความคับข้องใจของตัวเองออกมา ซึ่งในส่วนนี้ช่อแก้วก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหมอกถึงได้มีท่าทีแบบนั้น หรือว่า...หมอกจะไม่ได้คิดกับเราแค่เพื่อนจริง ๆ อย่างที่พี่เขตสงสัยงั้นเหรอ? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของช่อแก้วอย่างรวดเร็ว และทำให้เธอรู้สึกสับสนวุ่นวายใจยิ่งกว่าเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD