“ไหนตอนแรกคุณบอกว่าจะไม่ไปงานนั้นไงคะ”
นิกษาเอ่ยถามผู้เป็นสามีเมื่อเขาโทร.มาบอกเธอว่าเขาจะส่งสไตล์ลิสต์ไปที่บ้านเพื่อให้เธอเตรียมตัวไปงานเลี้ยงการกุศลของนิตยสารอะไรสักอย่างที่จัดขึ้นเพื่อเด็กยากไร้ เธอจำได้ว่าเห็นการ์ดเชิญงานนี้ถูกส่งมาที่บ้านเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ดาเรนบอกว่าเขาจะไม่ไปเพราะขี้เกียจ คงจะส่งจอร์แดนไปเป็นตัวแทนพร้อมเงินบริจาคเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าวันนี้เขากลับบอกให้เธอไปกับเขาเสียอย่างนั้น
นิกษาเปิดตัวว่าเป็นภรรยาของดาเรนไปเมื่อปีก่อนพร้อมลอว์เรนซ์
ผู้เป็นลูกชาย เป็นข่าวฮือฮาน่าดูก่อนจะซาลงอย่างรวดเร็วเพราะเธอไม่ชอบเป็นข่าว น้อยมากที่เธอจะยอมไปงานกับเขาเพราะบอกตามตรงว่าเธอไม่ชอบเป็นที่จับตามอง แม้จะถูกเพื่อนกับพี่สาวยุเสมอว่าเธอปล่อยให้สามีไปงานคนเดียวแล้วถูกพวกแมลงหวี่แมลงวันแทะโลม แต่เธอไม่สนใจเนื่องจากเธอเชื่อใจดาเรนว่าเขาจะไม่มีวันนอกใจหรือทรยศหักหลังความรักที่มีต่อกัน
“มันมีเหตุด่วนจำเป็นจ้ะ” ดาเรนตอบภรรยาเสียงหวาน ก่อนจะอ้อนให้เธอไปงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยกัน “นะ…ผมอยากไป แล้วไม่อยากไปคนเดียว”
ประโยคแรกกับประโยคต่อมาที่ขัดกันทำให้นิกษาขมวดคิ้วมุ่น ย้อนถามอย่างสงสัย “สรุปว่าเพราะจำเป็นหรือเพราะอยากไปคะ?”
“ทั้งสองอย่างจ้ะ” ถึงนิกษาจะอ่อนหวานและช่างตามใจ แต่เธอไม่ได้โง่ เขาไม่ควรลืมข้อนี้ ดาเรนจึงเลือกจะพูดความจริงกับคนเป็นภรรยา “เพราะงานนี้ไอ้ฟลินน์มันก็ไป แล้วผมอยากจะไปดูมันสักหน่อย”
“คุณฟลินน์ไปงานด้วยเหรอคะ?” หญิงสาวย้อนถาม ก่อนจะเอ่ยต่อไป “งั้นฉันก็ไม่ต้องไปก็ได้นี่คะ คุณมีเพื่อนอยู่แล้ว” เธอไม่ได้ประชด แต่เธอพูดความจริง
“ไม่ได้หรอก เพราะไอ้ฟลินน์จะไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนผม มันต้องเป็นหนึ่งในหนุ่มสุดฮอตที่เป็นหัวใจหลักของงาน” ดาเรนปฏิเสธ ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต “แล้วอีกอย่างผมไม่อยากให้คุณพลาดเรื่องสนุกนะ”
“คะ?”
นิกษายอมรับว่าเธอสงสัยกับความลับนี้ของสามีจนเริ่มจะสนใจนิดๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
ฟลินน์ เบรดฟอร์ด ผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มร้ายกาจ หล่อเหลาออร่า
กระจาย แต่ก็กวนประสาทได้อย่างเหลือเชื่อ พอๆ กับที่เป็นบุรุษเจ้าเสน่ห์ถ้าเขาต้องการจะเป็น ถ้าเทียบความหล่อ...สองหนุ่มเพื่อนซี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ถ้าเทียบกับเสน่ห์แล้วถึงดาเรนจะเป็นสามีตัวเองแต่เธอก็ต้องยอมรับว่าฟลินน์เหนือกว่า อาจจะเพราะเขาดูร้ายกาจ ยากจะสยบซึ่งทำให้ดูอันตรายและเร้าใจมากกว่า เขาถึงได้ดูดึงดูดมากกว่าเพราะความร้ายกาจแบบแบดบอยแต่กลับเข้าถึงได้ง่ายและทำให้รู้สึกชวนฝันว่าถ้าสยบผู้ชายคนนี้ได้ คนๆ นั้นจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ขณะที่ดาเรนดูเป็นจอมบงการและเข้าถึงตัวได้ยาก ฟลินน์เหมือนหลุดออกมาจากนิยายพาฝันแท้ๆ และทำให้หัวใจของสาวๆ ที่รายล้อมเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันในยามมองเขา แม้สุดท้ายสิ่งที่พวกเธอควรตระหนักคือเขาเป็นฝันร้ายมากกว่าฝันดีก็ตาม
เธอเคยเปรยกับคนเป็นสามีอย่างนั้นพร้อมกับบอกว่าเธออยาก
จะเห็นคนที่ฟลินน์จะรักจริงๆ ตอนนั้นดาเรนหัวเราะพร้อมกับเล่าว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่ฟลินน์จะรักใคร
เพราะฟลินน์คิดว่าเขาไม่มีหัวใจเอาไว้รักใครได้อีกแล้ว
เธอเคยย้อนถามว่าทำไม ดาเรนยิ้ม ก่อนจะตอบเธอด้วยคำตอบที่เธอจำได้เป็นอย่างดีว่า
‘เพราะฟลินน์ถูกความรักทำร้ายมากจนเกินไป ก่อนจะเป็นอย่างทุกวันนี้จริงๆ ฟลินน์มันเป็นคนใจอ่อน อ่อนโยน และอ่อนไหว แต่เพราะมันโชคร้ายเกินไปถึงได้เจอแต่คนที่ทำร้ายมัน...ฟลินน์ถึงได้ไม่เคยศรัทธากับสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย’
‘แม้แต่คนในครอบครัวเหรอคะ’
เธอในตอนนั้นย้อนถามอย่างตกใจ นิกษาเป็นคนที่ศรัทธาในความรัก โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน สุดท้ายเธอได้พิสูจน์แล้วว่าครอบครัวก็คือครอบครัว...ทุกคนไม่มีวันตัดขาดครอบครัวของตัวเองได้
ดาเรนสบตาเธอนิ่ง ก่อนจะตอบรับ ‘ใช่…แม้แต่ครอบครัวตัวเอง’
‘แล้วคุณล่ะเป็นอะไรสำหรับเขา?’
นิกษาหลุดปากถามอย่างอดไม่อยู่ ฟลินน์เห็นดาเรนเป็นอะไรสำหรับเขาล่ะ ถ้าจะบอกว่าฟลินน์ไม่ศรัทธาในความรักทุกๆ อย่างแล้วดาเรนเป็นอะไร เธอรู้ว่าดาเรนรักเพื่อนสนิทของเขาเหมือนคนในครอบครัวแท้ๆ แต่ฟลินน์มองดาเรนเป็นอะไรกัน? แต่เธอว่าเธอมองไม่ผิด ฟลินน์เห็นว่าดาเรนเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท พวกเขาเป็นเพื่อนที่ตายแทนกันได้ เหมือนคนในครอบครัว สนิทกันมากกว่าพี่น้องแท้ๆ บางคนเสียอีก
ดาเรนหัวเราะกับสีหน้าตกใจแกมไม่เห็นด้วยของเธอ เขาลูบหัวเธอก่อนจะตอบกลั้วเสียงหัวเราะว่า ‘ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะผมเป็นข้อยกเว้นไง ถึงได้รู้ว่าจริงๆ ฟลินน์มันก็ไม่ได้เฉยชากับความรักและไม่ต้องการความรัก อย่างที่มันที่คิดว่ามันกำลังเป็น’
“แสดงว่าคุณจะไปกับผมใช่ไหม”
คำถามของสามีทำให้นิกษาหลุดจากความคิด เธอหรี่ตา ก่อนจะต่อรองกับสามีว่า “คุณคงต้องแลกกับสิ่งที่คุณเรียกว่า ‘ความสนุก’ ในงานค่ะ ถ้าฉันพิจารณาแล้วว่ามันสนุกจริงๆ ฉันก็จะไปค่ะ”
เธอได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังมาตามสาย ก่อนดาเรนจะยอมตอบเธอในที่สุดเมื่อเสียงหัวเราะซาลง
“โอเค ผมจะตอบคุณแล้ว จำได้ไหมที่คุณเคยถามว่าผู้หญิงแบบไหนที่ฟลินน์จะรัก”
“ค่ะ จำได้” เพราะเพิ่งคิดถึงเมื่อกี้นี้เลย
“นั่นแหละเรื่องสนุกล่ะ...” ดาเรนทอดเสียงไปนิด ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “…ผมจะพาคุณไปเจอผู้หญิงคนนั้น”
คำตอบผุดพรายขึ้นมาในใจนิกษาในทันที เธอจะปฏิเสธได้ยังไง นี่มันเรื่องสนุกอย่างที่ดาเรนบอกชัดๆ
ไม่มีอะไรน่าสนใจและสนุกมากไปกว่าการเจอ ‘ผู้หญิงของจอมวายร้าย’ อย่างฟลินน์ เบรดฟอร์ดแล้ว!
----------------
แสงแฟลชวูบวาบนั้นสะท้อนเข้าตาของฟลินน์ตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถโรลสรอยซ์คันหรูสีดำมันปลาบ พื้นพรมสีแดงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าและทอดยาวขึ้นไปยังบันไดเตี้ยๆ สี่ห้าขั้นแล้วเข้าไปถึงข้างในซันไชส์...โรงแรมหรูระดับห้าดาวหนึ่งในเครือออลซีซั่นซึ่งใช้ในการจัดงานการกุศลในค่ำคืนนี้
ฟลินน์ในชุดทักซิโดสีดำ สั่งตัดจากแบรนด์หรูก็ก้าวไปปรากฏตัวต่อหน้าสื่อที่กำลังกระหน่ำถ่ายรูปของเขาในทุกอิริยาบถ ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือให้กับนักข่าวในระหว่างที่กำลังทอดฝีเท้าเดินเข้าไปในงาน ระหว่างทางเขาเดินเข้าไปจับมือกับท่านวุฒิสมาชิกแกรนท์ซึ่งมากับภรรยาของเขา ทักทายกันอยู่สองสามคำ ขยิบตาให้ลูกสาวคนสวยของท่านที่จ้องมองเขาตาวาว ทักทายเจ้าหล่อนด้วยการจุมพิตหลังมือก่อนจะขอตัวเข้าไปในงาน ทว่าระหว่างทางกลับเจอกับกลุ่มหนุ่มๆ ที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสิบหัวใจหลักของงานเหมือนเขา ทุกคนอยู่ในชุดทักซิโดสีดำไม่ก็สีขาวตามที่เจ้าของงานได้ทำการร้องขอเรื่องสีที่กำหนดให้แต่ละบุคคลสวมใส่ ฟลินน์ก้าวเท้าเข้าไปสมทบกับกลุ่มคนเหล่านั้น เพราะหนุ่มๆ เหล่านั้นเป็นคนที่เขารู้จักทั้งสิ้น
ก็จะไม่รู้จักได้อย่างไรในเมื่อนั่นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวตามงานปาร์ตี้
ทั้งนั้นแหละ!
“สวัสดีสุภาพบุรุษทั้งหลาย”
ฟลินน์หันไปทักกลุ่มเพื่อนของเขาที่สนิทสนมกันดี แม้จะไม่เท่า
กับดาเรน ไวท์เพื่อนสนิทที่สุดของเขาก็ตาม อันที่จริงดาเรนก็อยู่ในกลุ่มนี้ เพียงแต่ว่าพอมันไม่โสด มันก็อำลาวงการไปเสียแล้ว มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ยังคงใช้ชีวิตโสดอย่างคุ้มค่าต่อไป
“ถ่ายรูปกันก่อน” หนึ่งในฝาแฝดแมคไกวร์เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วชี้นิ้วไปยังเหล่านักข่าวที่ยืนรอก่อนจะเข้าไปในงาน
“ได้สิ” ฟลินน์ตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง แล้วแทรกตัวอยู่ในกลุ่มเพื่อนของเขา
กลุ่มนี้นอกจากเขาก็มีเคนเดล คิงสตัน พ่อหนุ่มเงียบขรึมแต่เบื้องหลังไม่ควรพูดถึงว่าเป็นอย่างไรเพราะก็เจอกันตามงานปาร์ตี้อยู่เสมอ แม้เคนเดลจะเป็นคนที่ไอ้แดนไม่ค่อยชอบหน้า แต่จริงๆ เขาก็ว่ามันพอคบได้ ต่อมาคือฝาแฝดที่ทำธุรกิจเดียวกันกับเขา ทายาทเครือ
ฟีนิกส์อย่างฝาแฝดทริสตันและดรัสตัน แมคไกวร์ที่มาในทักซิโดสีขาว แต่มันสองคนคือปีศาจร้ายพอๆ กันภายใต้ใบหน้าแย้มยิ้ม ส่วนคนสุดท้ายคือ เอลเลียต เจ. แบนครอฟต์ คุณหมอหนุ่มสุดฮอต เจ้าของทายาทเครือโรงพยาบาลใหญ่และบริษัทยาชื่อดังระดับโลก
หลังจากให้สัมภาษณ์นิดหน่อยและให้ถ่ายรูปจนพอใจ ฟลินน์กับเพื่อนๆ ก็ขอตัวเข้าไปข้างในงาน
ชายหนุ่มฉวยหยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาจิบระหว่างที่ยืนฟังเพื่อนทุ่มเถียงกันเรื่องงานคืนนี้ และแต่ละคนแอบบ่นว่าคงจะไม่มีสาวๆ โรคจิตที่ไหนประมูลตัวพวกเขาไปทำมิดีมิร้าย
ฟลินน์ฟังแล้วก็เหยียดยิ้ม...เขาก็ภาวนาอย่างนั้นเหมือนกัน