“ร้อนไหมคะ?” มาริสาเดินเข้าไปถามผู้เป็นสามีที่กำลังก้มหน้าก้มตาพรวนดินบรรดาต้นไม้สุดที่รักของแม่เธอ ผิวหนังบริเวณต้นคอด้านหลังของฟลินน์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากแดดเผาไหม้ ฟลินน์หยุดมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองภรรยา แล้วส่ายหน้าให้เธอพร้อมรอยยิ้มกว้างที่แผ่ขยายไปถึงดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเชขา ชวนมองและชวนให้รู้สึกลุ่มหลง “ไม่เลยจ้ะ ผมไม่ร้อนอะไร” “แต่เหงื่อคุณออกเยอะนะคะ?” หญิงสาวพูดพลางยื่นเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่เธอถือติดมือมาด้วยคอยซับเหงื่อให้ชายหนุ่ม เธอก็อยากช่วยเขาอยู่หรอกนะ แต่ฟลินน์กลับไม่ยอมให้เธอทำเองนี่นา “ผมก็แค่ดูเหมือนขี้ร้อนน่ะ แต่จริงๆ ผมทนมาเลยนะ” ฟลินน์โฆษณาสรรพคุณตัวเอง “แดดแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก อีกอย่างแดดที่เมืองไทยยังทรมานกว่านี้เลย” ชายหนุ่มเอ่ย และเมื่อมาริสาคิดถึงวีรกรรมของฟลินน์เมื่อสองเดือนที่แล้วตอนอยู่เมืองไทยก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะขานรับเอาใจอีกฝ่ายที่พอเห็นเธ