3

2282 Words
“ค่า...แม่” มาริสารับโทรศัพท์จากมารดาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ เธอหนีบไอโฟนไว้กับซอกคอก่อนจะก้าวตรงไปยังตู้เสื้อผ้า ปลายนิ้วเรียวกรีดไปบนเสื้อผ้าเพื่อเลือกว่าวันนี้เธอจะแต่งตัวอย่างไรดี ก่อนจะหยิบเอา เดรสสีน้ำเงินเข้มยาวเหนือเข่าแบบเรียบร้อยออกมาในที่สุด “หนูเป็นยังไงบ้างลูก?” น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงความห่วงใยจากปลายสายทำให้มาริสาคลี่ยิ้ม สงสัยเธอไม่ได้โทร.ไปหาท่านมาสามวันแล้ว แม่เลยต้องโทร.มาตามตัวเธอ “หนูสบายดีค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” “แม่ไม่ได้ห่วงลูกหรอก” ผู้เป็นมารดาหัวเราะก่อนจะย้อนกลับมา “แม่ห่วงมิสเตอร์เบรดฟอร์ดต่างหาก กลัวว่าลูกจะไปป่วนเขาจนประสาทเสีย ลูกแสบน้อยเสียเมื่อไร แม่รู้จักลูกดี” มาริสาวางเดรสลงกับเตียง ก่อนหยิบเอาโทรศัพท์ออกมามองดูหน้าจอที่ขึ้นชื่อว่ามารดากำลังอยู่ในสายสนทนาแล้วย่นจมูกใส่ จากนั้นจึงยกขึ้นแนบหูอีกครั้งแล้วตอบผู้เป็นมารดาไปว่า “หนูสิคะต้องปวดหัว แม่ก็ได้ฟังที่คุณปู่เล่าถึงเขา เขาแสบกว่าหนูตั้งเยอะ!” เธอตอบกลับเสียงเง้างอน “จ้าๆ” คนเป็นมารดาตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเพราะไม่อยากขัดใจลูกสาวตนเอง แม้ในความเป็นจริงเธอจะรู้อยู่เต็มอกอยู่ว่ามาริสานั้น ‘แสบ’ แค่ไหน “ตั้งใจทำงานนะลูก...” เธออวยพรบุตรสาว นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นสิบวันในรอบหลายปีนับตั้งแต่ลูกสาวของเธอเรียนจบและเลือกจะอยู่ที่ฟลอริด้ากับเธอ มนัสวีไม่รู้เกี่ยวกับงานนี้ที่พ่อสามีขอร้องให้ช่วยของลูกสาวมากนักเพราะยายตัวแสบไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง เธอรู้เพียงแค่พ่อสามีให้ไปเป็นผู้ช่วยของนักธุรกิจที่ท่านทำงานด้วยก็เท่านั้นเอง “หนูตั้งใจอยู่แล้วค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง “หนูจะรีบทำให้เสร็จแล้วกลับไปหาแม่นะคะ” “จ้ะ” มนัสวียิ้มปลื้มที่ลูกสาวคิดถึงเธอเสมอ ตั้งแต่เธอเสียผู้เป็นสามีไป ก็มีลูกสาวนี่แหละที่เป็นที่พึ่งพิงทางใจและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเธอ “อีกไม่นานเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป หนูตั้งใจแล้วนะคะว่าจบงานนี้เราไปเที่ยวเมืองไทยกันดีไหมคะ เผื่อแม่จะได้กลับไปเยี่ยมญาติๆ บ้าง” หญิงสาวเสนอ ตอนนั้นเธอคงมีเงินเก็บมากพอหลังจากเสร็จงานและคงได้อาศัยเวลานั้นเป็นการพักผ่อนไปในตัวก่อนจะหางานใหม่ ไม่ก็ตัดสินใจเรียนต่อ “จ้ะ งั้นแม่จะรอนะ” มนัสวีบอกกับบุตรสาว หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ล่ำลากันอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสาย มาริสาจึงเริ่มแต่งตัวบ้าง ก่อนจะต้องออก ไปข้างนอกเพื่อหาชุดราตรีสักชุดไปงานการกุศลไฮโซนั่น อ้อ…แต่ก่อนหน้านั้นเธอคงต้องหาการ์ดเชิญงานนั้นให้ได้ก่อน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ยากเลยสำหรับการโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในโปรเจ็กต์นิวฟลินน์ ตึกสำนักงานใหญ่ ไวท์เรียลเอสเตท “ถ้าไม่มีงานอะไรทำ...” ดาเรนปรายตามองเพื่อนสนิทที่มานั่งกวนประสาทให้เขาเสียสมาธิด้วยการเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานของเขาดังก๊อกๆ เป็นจังหวะด้วยสายตาขุ่นเคือง และความอดทนของเขาก็หมดสิ้นถึงได้เอ่ยปากพูดกับอีกฝ่ายเสียงเย็นชา “มึงก็เข้าไปที่ออลซีซั่นไป โรงแรมมึงห่างจากตึกกูแค่สองบล็อกเอง” เขาขับไล่ไอ้คนขี้เกียจสันหลังยาวให้มันไปทำงาน เพราะบอกตามตรงเบื่อที่จะรับสายบรรดาผู้ช่วย...โดยเฉพาะสายของห้าผู้เฒ่าพิทักษ์ทรัพย์...ซึ่งเป็นชื่อเรียกเล่นๆ ของเหล่าผู้บริหารสูงวัยและยังพ่วงตำแหน่งผู้ดูแลรักษาผลประโยชน์ของฟลินน์ที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยบิดาของฟลินน์ยังมีชีวิตอยู่...อีกต่อไปแล้ว “พวกนั้นดูแลได้ แถมช่วงนี้ไม่ได้มีอะไรด่วน” ฟลินน์ตอบเสียงเรียบเรื่อย ดวงหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายที่สังเกต เห็นได้อย่างชัดเจน ดาเรนได้ยินอย่างนั้นก็เบ้ปาก “เบื่อมากไปดูงานให้ฉันที่ดีทรอยด์ ไหม ตอนนี้นิกกี้กำลังท้องฉันไม่อยากไปเองแล้ว” ภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สองได้ราวๆ แปดสัปดาห์แล้ว ดาเรนไม่อยากแยกจากภรรยา เขาอยากดูแลเธอให้เต็มที่ ฟลินน์ได้ยินอย่างนั้นถึงกับแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิท “ไม่เอา” เขาปฏิเสธอย่างรวดเร็วทันที ถ้าเป็นเวลาอื่นเขาก็คงจะไปให้มันหรอก แต่เวลานี้เขาเบื่อ ไม่มีอารมณ์อยากทำงานหรือทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว! “โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา มึงเป็นบ้าอะไรฟลินน์” “ก็กูเบื่อ...” ชีวิตของเขาราบเรียบเกินไปแล้ว อ้อ…เว้นช่วงวันเกิดของเขาไปหน่อยที่มียายผีบ้าคนหนึ่งแล่นไปประกาศว่าเธอท้องกับเขาถึงงานวันเกิดในปาร์ตี้ส่วนตัวของเขาที่บ้านพักที่แฮมป์ตัน หลังจากนั้นเธอก็หายตัวไปเลย เขาให้คนตามรอยเธอก็หาไม่ได้ มารีน... เขาจำได้แค่ว่าเธอบอกเขาว่าเธอชื่อนี้ ดาเรนหรี่ตามองคนที่ซบหน้าลงกับโต๊ะแล้วนึกอยากกดหัวมันโขกโต๊ะแรงๆ เสียเหลือเกิน ก่อนจะหัวเราะหึในลำคอ ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาก็สั่นขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน และเมื่อชายหนุ่มเหลือบตามองว่าใครเป็นคนโทร.เข้าก็อดมองเพื่อนสนิทที่กำลังซบหน้าลงกับโต๊ะทำงานของเขา แล้วทำสีหน้าเบื่อโลกไม่ได้ เดี๋ยวไม่นานแกจะหายเบื่อเองเพื่อน “ขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ” ดาเรนเอ่ยกับคนตรงหน้าแล้วลุกขึ้นยืน คว้าหยิบโทรศัพท์เครื่องส่วนตัวก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฟลินน์เงยหน้าขึ้นแล้วดวงตาคมสีฟ้าน้ำทะเลก็อดหรี่มองตาม หลังเพื่อนสนิทซึ่งเดินออกไปจากห้องไม่ได้ เขาเบ้ปาก ขณะที่อดคิดในใจไม่ได้ว่าเพื่อนต้องมีความลับกับเขาแน่ๆ เพราะดาเรนไม่เคยลุกหนีไปรับโทรศัพท์เวลาอยู่กับเขาเลย ไม่ว่าสายนั้นจะส่วนตัวแค่ไหนเพราะพวกเขาสนิทกันจนไม่มีความลับต่อกัน กระทั่งเขาต้องมานั่งฟังมันจีบเมียทางโทรศัพท์ตอนไปทำงานด้วยกันก็เห็นอยู่บ่อยๆ แปลกจริงๆ แฮะ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมวายร้ายคิดในใจ ทว่าสุดท้ายก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจ เอาเถอะ ยังไงเดี๋ยวเขาก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ ช่วงนี้เสือกเรื่องมันให้น้อยลงแล้วกัน ตัดสินใจได้อย่างนั้นฟลินน์ก็ทำท่าจะซุกหน้าลงกับท่อนแขนของตนเองต่อเพื่อรอเพื่อนสนิทกลับมาแล้วออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจแล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมากะว่าจะเช็คดูหุ้นของตนเองสักหน่อย ฟลินน์มีงานอดิเรกแก้เบื่อคือการเทรดหุ้น มันทำให้เขาสนุกสนานและตื่นเต้นพอๆ กับตอนที่ไปนั่งเล่นบาคาร่าในกาสิโนของตัวเอง ทว่าก่อนจะได้เช็คหุ้น เขากลับต้องรับสายจากผู้ช่วยคนสนิท ซึ่งส่วนใหญ่จะประจำที่สำนักงานใหญ่ของออลซีซั่นแล้วคอยรายงานตารางงานต่างๆ ที่เขาจำเป็นต้องไปและไม่สามารถยกเลิกได้ถ้าไม่จำเป็น “ว่าไงทักเกอร์?” “คุณมีงานเย็นนี้อย่าลืมนะครับ ผมให้คนเตรียมชุดไว้ให้แล้วที่เพนต์เฮาส์ งานเริ่มหนึ่งทุ่มตรงที่โรงแรมของเราเอง” “งานอะไรน่ะ?” ฟลินน์ขมวดคิ้ว ย้อนถาม ไม่ยักกะจำได้ว่าเขาต้องไปออกงาน “ก็งานการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กยากไร้ในเอเชียที่คุณไปรับปากช่วยงานเอากับมิสเจนเซ่นเอาไว้ไงครับ” เจนเซ่น... ฟลินน์ทวนความทรงจำของตนเอง ก่อนจะนึกได้ในที่สุดว่าคนนั้นคือ แคทรีน่า เจนเซ่น นักแสดงสาวจากซีรี่ส์เรื่องดังที่เขาเพิ่งเลิกกับเธอไปเมื่อเดือนก่อน แล้วหันมาคบกับนางแบบสาวจากรันเวย์ของมิลานแฟชั่นวีคที่กำลังมาแรงในช่วงนี้แทน “ยกเลิกไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ครับ” ทักเกอร์เอ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว “งานนี้จำเป็นต่อชื่อเสียงของคุณ ไม่สิ ของออลซีซั่น” เพราะเขารู้ว่าเจ้านายไม่เคยสนใจชื่อเสียงดีๆ ของตัวเองหรอก ฟลินน์ เบรดฟอร์ดถนัดทำชื่อเสียๆ มากกว่า และเขาก็ดังในทางหลังเสียด้วย “คุณยกเลิกไม่ได้เพราะมันถูกโปรโมทนานนับเดือนว่าคุณจะไปเป็นหนึ่งในสิบหนุ่มสุดฮอตที่จะต้องไปขายเดตเพื่อประมูลหารายได้ช่วยเหลือเด็กยากไร้” คำตอบนั้นทำให้ฟลินน์ถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างลืมตัว Holy shits! ตอนนั้นเขาเป็นบ้าอะไรไปวะถึงได้รับปากว่าจะไปงานนั้นน่ะ หา! ขายเดตการกุศลอย่างนั้นเหรอ? นี่ชีวิตของฟลินน์ เบรดฟอร์ด ตกต่ำถึงต้องกับมาขายตัวแล้วอย่างนั้นเหรอ โอเคๆ เขาพูดเวอร์ไปหน่อยแต่มันก็ไม่ต่างกันนั่นแหละ! โอย…หวังว่าจะไม่มียายพวกแก่ๆ หื่นๆ มาประมูลเขานะโว้ย ไม่อย่างนั้นเขาอ้วกแตกจริงๆ ด้วย! ในระหว่างที่กำลังจะอ้าปากสั่งคนสนิทให้เตรียมเงินไปบริจาคแต่เขาจะถอนตัวจากงานนี้ ทักเกอร์ก็เอ่ยขัดขึ้นมาราวกับรู้ใจกันว่า “แล้วท่านกรินเดลสั่งมาด้วยว่าห้ามคุณหนีงานนี้ เพราะท่านอยากให้คุณมีภาพลักษณ์ของคนใจบุญบ้าง นอกจากที่เป็นมหาเศรษฐีเพลย์บอยจอมเหวี่ยงเสเพลตัวพ่อ อยู่แล้ว...” คำตอบนั้นทำให้ฟลินน์ตาเหลือก ถอนหายใจยาวอย่างยอมจำนน ตาแก่กรินเดล...เล่นงานเขาอีกแล้ว! “โอเค ฉันจะไปงานนี้ ฝากบอกตาแก่ทั้งหลายที่บริษัทว่าไม่ต้องห่วง...รับรองว่าวันนี้ผ่านไปสื่อจะเรียกฉันเป็นคนหล่อใจบุญ แทนไอ้คำว่ามหาเศรษฐีเพลย์บอยจอมเหวี่ยงเสเพลตัวพ่อ ตามที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน!” “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนโดนยาถ่าย” ดาเรนที่หลบไปคุยโทรศัพท์สายสำคัญกลับมาทันเห็นเพื่อนทำหน้าเหมือนกับจะตายพอดี ในฐานะเพื่อนสนิทก็อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ “ยิ่งกว่ายาถ่ายอีก” ฟลินน์โอดครวญ ก่อนจะเล่าถึงงานการกุศลที่เขาต้องไปร่วมให้อีกฝ่ายฟัง ดาเรนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะลั่น โชคดีที่เขาหลุดพ้นจากการเป็นหนุ่มฮอตเพราะเขาแต่งงานแล้ว! สื่อเลยเลิกจับตามองเขาในฐานะเพลย์บอย แต่เล่นข่าวเขาในฐานะแฟมิลี่แมนแทน แม้จะมีแซวบ้างว่าเขาล้างมือจากวงการไปแล้ว และขึ้นชื่อว่าหวงความเป็นส่วนตัวสุดๆ ก็ตามที ทว่าเขาไม่สนใจ เพื่อความสบายใจของภรรยาเขาทำให้เธอได้ทุกอย่างอยู่แล้ว! “เอาน่า...” ดาเรนปลอบเพื่อนสนิท “งานนี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนแกแล้วกัน ดีไหม” ฟลินน์หรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน “ไปให้กำลังใจหรือไปดูว่าฉันจะโดนใครประมูลไปกันแน่” “แกอาจจะไม่ซวยได้ยายป้ากลัดมันหรอกน่า” ดาเรนหัวเราะขำสีหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าเหยเกทันทีที่เขาพูดจี้ใจดำ “อีกอย่างก็แค่ขายเดต แกถนัดเอาอกเอาใจสาวๆ อยู่แล้วนี่ แถมยังได้ทำบุญด้วย นานๆ ทำความดีหน่อย อย่าขยันทำแต่เรื่องนักเลย” “มึงไปบวชเลยเหอะ เทศน์จริงๆ” ฟลินน์สบถใส่เพื่อนสนิทหน้าบึ้ง แม้ว่าจะอดเห็นด้วยกับมันไม่ได้ “เชื่อฉันเถอะ แกไม่ได้ควงป้าๆ หรอก” ดาเรนตบไหล่อีกฝ่ายอย่างมั่นใจ ก่อนจะเหลือบตามองนาฬิกาแล้วเอ่ยชวนอีกฝ่ายไปกินข้าวเมื่อเห็นว่านี่ใกล้จะเที่ยงแล้ว “ไปกินข้าวกัน ฉันจะได้กลับมาทำงานต่อด้วย แล้วแกก็จะได้ไปเตรียมตัวเสริมหล่อสำหรับคืนนี้” “ไอ้เวร” ฟลินน์ด่าเพื่อนสนิทที่ยังแซวไม่เลิก นี่ถ้าไม่สงสารเมียมันเขาจะเตะขาคู่อัดหน้ามันกระเด็นตกตึกไปแล้ว! ดาเรนไม่ตอบ แต่หัวเราะเสียงดังใส่หน้าอีกฝ่าย แล้วไล่ให้ฟลินน์ลุกขึ้นยืนอีกหน ขณะที่เขาก็เตรียมตัวออกไปกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน ในระหว่างที่เดินตามหลังฟลินน์ ดาเรนก็ส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปหาคนที่เพิ่งโทร.หาเขาด้วยข้อความว่า ‘ฟลินน์ไปงานคืนนี้แน่ๆ คุณไปรอที่โรงแรมซันไชน์ตอนบ่ายสี่โมงเย็นได้เลย แล้วผมจะส่งสไตล์ลิสต์ไปให้คุณ รวมถึงเงินบริจาคให้เด็กยากไร้และการ์ดเชิญเข้างานด้วย อ้อ…แต่ไอ้ฟลินน์ไม่ได้มีค่ามากเท่าไร อย่าประมูลมันสูงเกินกว่าความจำเป็น แล้วอย่าลืมเอาใบเสร็จกลับมาด้วย ผมจะได้ใช้หักภาษี’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD