ในค่ำคืนแสนเปลี่ยวเหงา ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบ้าน เนื่องจากเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงดึก ผู้คนมากมายต่างหลับใหลในห้วงนิทรา ทว่ากลับไม่ใช่หญิงสาวที่นอนมองแหวนหมั้นบนนิ้วมืออย่างพินิจพิจารณา
สุดที่รักถอดแหวนออกจากนิ้วมาดูใกล้ๆ พร้อมกันนั้นก็พร่ำถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอมีความสุขจริงๆ ใช่ไหม ที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นที่ของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน ฐานะ การศึกษา เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายต่อหลายคนหมายปองอยากครอบครองหัวใจเขา และเธอยังได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุดเสีย
“ทำไมถึงมาช้าเอาป่านนี้ คนในงานถามหาตามให้วุ่น"
"ก็ผมทำงานอยู่นี่ครับแม่"
"งานอะไรสามทุ่มสี่ทุ่มยังไม่เสร็จ...และก็ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไงลูก นี่ช่อดอกไม้กับของขวัญ แม่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว ถือไปให้น้อง ป่านนี้น้องคงรอแย่แล้วมั้ง” นั่นคือประโยคที่สุดที่รักบังเอิญเดินมาได้ยิน เนื่องจากหญิงสาวเดิมออกมาตามนางมารตีในวันครบรอบวันเกิดของเธอเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
คิดแล้วน้ำใสๆ ก็ไหลออกมาทางหางตาด้วยความขมขื่นเสียใจ บุริศร์ไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอด้วยความเต็มใจสักอย่าง สิ่งที่เขาทำล้วนเกิดจากการถูกบังคับทั้งสิ้น
สุดที่รักสวมแหวนกลับเข้าไปที่นิ้วของตัวเองดังเดิม หยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนเตียงขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่ทำให้เธอต้องร้องไห้
“พี่ตามนอนหรือยังคะ ยังทำงานอยู่หรือเปล่า”
“อย่าหักโหมมากนะคะ รักเป็นห่วง”
“รักรักพี่ตามนะคะ”
“ฝันดีค่ะ”
เสียงเตือนข้อความที่ดังฝ่าความเงียบขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงนอน หันไปมองเจ้าโทรศัพท์เครื่องบางที่วางทิ้งไว้
มือหนายื่นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความอ่านโดยทันใด เนื่องจากรู้ดีว่าใครเป็นคนส่งมา และจะต้องส่งมาแบบนี้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ แม้เขาจะส่งตอบกลับบ้างหรือแค่เปิดอ่านแต่ไม่ส่งกลับไป เธอก็ยังคงส่งมาแบบนี้ไม่มีหยุดแม้แต่วันเดียว
สายตาคมไล่ไปตามข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทุกตัวอักษร เรียวปากหยักเผยรอยยิ้มบางออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะปิดโทรศัพท์ลงพร้อมทั้งเก็บหนังสือที่อ่านไว้หัวเตียง ปิดไฟและล้มตัวลงนอน