มื้อค่ำวันนี้ผ่านไปด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะพวกเราได้เปิดใจคุยกันมากขึ้น แม้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันอยากพูด แต่ก็ขอเก็บมันเอาไว้ เพราะยังไงก็ยังมีเวลาเหลืออีกหลายวัน บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจอยู่ที่นี่ต่อก็ได้ “ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ” ฉันเอ่ยพูดออกมาเสียงแผ่ว ในขณะที่กำลังสางเส้นผมอย่างเบามือ สายตาเลื่อนลอยเหม่อมองดูตัวเองผ่านกระจก รู้สึกสับสนและกังวลจนพัลวันวุ่นวายกันไปหมด จนไม่รู้ว่าควรเอาความรู้สึกไหนขึ้นมายึดเป็นหลักก่อน “หวังว่าพรุ่งนี้พี่จะมานะ” ฉันถอนหายใจอีกครั้งเป็นครั้งที่สามสิบของวันนี้ จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้ไม้ตรงเข้าไปหย่อนก้นลงบนเตียง มือเล็กเอื้อมปิดไฟบนหัวนอนพร้อมกับเตรียมข่มเปลือกตาให้หลับ ทว่ายังไม่ทันที่จะทิ้งหัวถึงหมอน เสียงกรีดร้องของแม่ก็ดังขึ้น “กรี๊ดดด!” เพล้ง ตุบ! เสียงกรีดร้องและข้าวของแตกกระจายทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก รีบลุกพรวดขึ้นมาเปิดไฟท