สนามบินสุวรรณภูมิ
ร่างสูงที่กำลังเดินลากกระเป๋าออกมาจุดนัดพบ เอวิกายกมือขึ้นโบกสะบัดไปมาส่งสัญญาณให้สามีได้มองเห็น กฤษณ์ดนัยรีบเดินเข้ามาหาก่อนที่คนทั้งคู่จะโอบกอดกันแน่นด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน
เอวิกาใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปบนใบหน้าของสามีพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีใจที่สุดเลยเราจะไม่ต้องห่างกันอีกแล้วนะคะ”
“พี่ก็ดีใจจะได้อยู่กับเอวี่ทุกวันเลย ช่วยดูแลเอวี่ แล้วก็ช่วยเลี้ยงลูกของเรา พอกันทีกับความห่างไกลกันแบบนี้ มารอพี่นานหรือยังครับ?”
“มาก่อนที่พี่จะออกมาไม่ถึง 20 นาทีหรอกค่ะ หิวข้าวไหมแวะทานอะไรกันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านหรือพี่กฤษณ์จะไปบ้านคุณพ่อคุณแม่เลยคะ?”
“อยากกลับบ้านเรามากกว่า อยากนอนกอดเมียอยากคุยกับลูก พอเห็นจริง ๆ ท้องเอวี่โตมากเลยนะ” ฝ่ามือหนาลูบไล้หน้าท้องสัมผัสกับลูกสาวที่อยู่ข้างในนั้นเบา ๆ ตั้งแต่รับรู้ว่ามีลูกนี่ก็คงจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสด้วยตัวเองสักที
เอวิกาถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยจ้ำแดงที่อยู่บนลำคอของสามี
“คอไปโดนอะไรมาคะพี่กฤษณ์ ทำไมมันเป็นรอยแดง ๆ แบบนั้น”
‘ฉิบหายตายห่าอย่าบอกนะว่าพลอยพัชชาฝากปัญหาเอาไว้ให้เขากลับมาด้วย’ ใบหน้าหล่อถึงกับรีบฉีกยิ้ม ฝ่ามือลูบไล้ไปบนลำคอที่เอวิกาเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อครู่อย่างเร็ว
“ตรงนี้เหรอ เมื่อคืนไม่รู้อะไรกัดพี่นั่งเกาอยู่บนเครื่องแทบไม่ได้นอนเลย”
“ตายจริง งั้นรีบกลับบ้านเถอะค่ะเอวี่จะได้หายาทาให้”
“ครับ กลับบ้านเราดีกว่าเนอะ พี่จะได้กอดเอวี่ให้หายคิดถึง คิดถึงจะตายอยู่แล้ว 6 เดือนแล้วไม่ได้สัมผัสจับต้องตัวเมียเลย”
สองสามีภรรยาเดินโอบกอดรอบเอวของกันและกัน พูดคุยกันหัวเราะยิ้มร่าไปด้วยกันอย่างมีความสุขอย่างน่าอิจฉา
คนที่ห่างเมียไปไปอยู่ไกลบ้านนาน ตั้งแต่กลับมาถึงก็ยังไม่ออกห่างไกลจากเมียเลยสักนาที นั่งเล่น นั่งจับมือกันดูซีรีย์อยู่ภายในห้องนอนด้วยกัน ตอนนี้เป็นความสุขที่จับต้องได้ ได้สัมผัสได้อยู่ใกล้กัน โดยไม่ต้องพูดคุยกันผ่านหน้าจอเหมือนแต่ก่อนแล้ว
เสียงข้อความในโทรศัพท์ของกฤษณ์ดนัยดังขึ้น เขาต้องขยับเอื้อมมือไปหยิบมากดดู
'กลับถึงบ้านหรือยังคะ พลอยคิดถึงกฤษณ์จังเลย' กฤษณ์ดนัยถึงกับรีบลบและบล็อกเบอร์นั้นไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายพูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนมาเขาบอกแล้วว่าห้ามติดต่อกันอีก เห็นทีคงต้องลบแอพพลิเคชั่นทิ้งหรือไม่ก็คงต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่ถาวรเลย
เพราะวันนี้เขาอยากเป็นกฤษณ์ดนัยคนใหม่ อยากเป็นสามีที่ดีที่มีความซื่อสัตย์และรักภรรยาเพียงคนเดียว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรือที่ผ่านมามันจะกลายเป็นอดีตไปตลอดกาล
“มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่กฤษณ์ดูหงุดหงิดนะ?”
“ไม่มีอะไรครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไร พอดีเพื่อนส่งข้อความมาบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นอีกคนประสบอุบัติเหตุตอนที่อยู่บนเครื่องน่ะ มันเพิ่งจะแจ้งเตือน”
“ตายจริง แล้วเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ช่างเขาเถอะเดี๋ยวพี่ค่อยติดต่อกลับไปถามข่าวเขาวันหลัง ดึกแล้วเข้านอนดีกว่าไหมครับ นอนดึกไม่ดีนะ คุณแม่ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ”
“ขอดูซีรี่ย์จบก่อนได้ไหมคะ ใกล้จบแล้วเดี๋ยวจบเรื่องนี้เอวี่ค่อยนอน”
“ครับ พี่นั่งดูเป็นเพื่อน ไว้นอนพร้อมเมียกับลูกก็แล้วกัน”
กฤษณ์ดนัยยกมือขึ้นบีบจมูกภรรยาสาวเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว ได้แต่คิดในใจและขอโทษเอวิกาอยู่ภายในใจ แม้ว่าเธอจะไม่รับรู้แต่เขาก็รู้สึกผิด เขาทำผิดต่อเธอไปนานแล้วและจะไม่แก้ตัวกับอะไรทั้งนั้น แต่มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
หลายวันต่อมา
บ้านกฤษณ์ดนัย
วันนี้กฤษณ์ดนัยพาภรรยาสาวมาบ้านพ่อกับแม่ มาทานข้าวร่วมกับครอบครัวพร้อมกับนำของฝากที่หอบหิ้วมาฝากบิดามารดาของเขาด้วย
“สวัสดีครับพ่อ แม่ สบายดีกันนะครับ”
“มาถึงตั้งแต่วันไหนนะ ทำไมถึงเพิ่งได้โผล่หน้ามาที่นี่”
คุณพิมลรัตน์โอบกอดทักทายลูกชายคนเดียวของนาง ก่อนจะหันไปมองลูกสะใภ้ที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล ตั้งแต่เอวิกาท้องนางก็ไม่ได้อะไรกับลูกสะใภ้อีก นางไม่อยากเป็นแม่ผัวที่ใจร้ายเหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยก็เห็นแก่หลานที่กำลังจะเกิดมาเพราะเอวิกานับวันก็ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว
“ผมเพิ่งกลับมาเมื่อ 2 วันก่อนเองแม่ พักหายเหนื่อยแล้วก็มาเยี่ยมพ่อกับแม่นี่ล่ะครับ ผมซื้อของมาฝากด้วยนะแม่ต้องชอบแน่ ๆ”
“มากี่รอบก็มีแต่ของมาฝาก เอาอะไรมาอีกล่ะ ฝากลูกกับเมียแกโน่นไม่ต้องมาฝากแม่หรอก แม่มีทุกอย่างแล้วไม่ได้อยากได้อะไร
แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะเอวิกา ใกล้คลอดแล้วนี่ เดินเหินคล่องหรือเปล่านะ”
เอวิกายิ้มรับ เธอไม่ได้รู้สึกเกร็งเหมือนตอนเริ่มแต่งงานกับเขาใหม่ ๆ ทุกวันนี้กลับรู้สึกด้วยซ้ำว่าคุณพิมลรัตน์เอ็นดูเธอมากกว่าแต่ก่อน อาจจะเป็นเพราะตอนนี้มีหลานนางก็เลยไม่อยากมีปัญหาอะไรกับเธออีก
“ปลายเดือนหน้าค่ะ ยัยหนูก็จะคลอดออกมาแล้ว”
“แล้วตกลงจะผ่าคลอดหรือว่าจะคลอดเอง?”
“อยากลองคลอดเองก่อนค่ะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวค่อยคิดกันอีกที”
“เฮ้อ....ไป ๆ เข้าไปคุยกันในบ้าน กินข้าวไปคุยกันไปด้วยดีกว่า”
คุณพิมลรัตน์เดินนำหน้าทุกคนไปก่อน กฤษณ์ดนัยและเอวิกาพร้อมด้วยคุณดิเรกก็เดินตามหลังกันไปติด ๆ
“ผมดีใจนะครับแม่ที่แม่ชอบเมียผมแล้ว”
“ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นย่ะ ตอนแรกฉันก็ไม่ชอบแหละ แต่ก็ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันโอเคแล้ว”
“ทำไมเหรอครับกลัวหลานสาวไม่รักคุณย่าหรือไงนะ”
“หึ ว่าแต่แกเถอะไปอยู่ที่โน่นมาตั้งนานฉันนึกว่าแกจะพาแหม่มฝรั่งกลับมาบ้านด้วยซะอีก”
“แม่! เอาอะไรมาพูด ผมไปเรียนเอาวิชาความรู้เพื่อมาบริหารบริษัทเรานะครับ ผมไม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ผมมีเมียอยู่แล้วนะแม่ แม่จะพูดแบบนี้ทำไมนะ จิ๊!”
กฤษณ์ดนัยถึงกับส่ายหัวให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนจะหันไปยิ้มกับภรรยาที่เธอเองก็กำลังส่งยิ้มตอบกลับมาให้