บทที่ 1 มาไม่บอก
บทที่ 1 มาไม่บอก
ทันทีที่รหัสประตูคอนโดถูกปลดล็อกจอมทัพก็ต้องยืนขาแข็งนิ่งอึ้งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จะไม่ให้อึ้งได้อย่างไรในเมื่อบุคคลที่ยืนยิ้มแฉ่งพร้อมทักทายเสียงใสแจ๋วคือเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อมานานหนึ่งปีเต็ม
“สวัสดีจอมทัพสุดหล่อของเรา”
“.........” คนตัวโตภายใต้เสื้อชอปคณะวิศวกรรมศาสตร์ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อะไรจะประจวบเหมาะได้ขนาดนี้
นาเดียร์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!
“ว่าแต่ทัพไม่เข้าห้องเหรอ เข้ามาสิ เร็ว ๆ” หญิงสาวกวักมือเรียก ไม่ทันเห็นว่าด้านหลังร่างสูงใหญ่มีใครอีกคนยืนอยู่
“อืม” แม้ไม่อยากทำตามแต่จอมทัพก็ไม่อาจขัดศรัทธา ท่อนขายาวก้าวเข้ามาภายในพร้อมกับร่างของผู้หญิงอีกคน
“โอ๊ะ!! เอ่อ..” ดวงตาของนาเดียร์เบิกกว้าง ไม่คิดว่าเพื่อนสุดหล่อจะเซอร์ไพรส์กลับด้วยการพาสาวสวยมาด้วย
และไม่ใช่แค่นาเดียร์ที่ตกใจจนหน้าซีด ผู้หญิงอีกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน พวกเธอทำตัวไม่ถูก จะยิ้มจะทักทายแบบไหนก็ยังไม่รู้ จนเสียงของจอมทัพดังขึ้น สองสาวจึงต่างคนต่างหลบไม่กล้าสู้หน้ากัน
“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ไปเข้าก่อนก็ได้” จอมทัพชี้ไปยังห้องน้ำตรงมุมหนึ่งของคอนโด
“ขอบคุณค่ะพี่ทัพ” ไข่มุกอยากถามคนคุยว่าผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เป็นใคร แต่ติดตรงที่ไม่กล้า เธอจึงทำแค่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนสาวเท้าไปยังจุดหมายที่เขาบอก
ส่วนคนตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ก็ตัวแข็งเป็นรูปปั้นไม่กล้าปริปากพูดสักคำ ทั้งที่ธรรมชาติของเจ้าตัวมักเจื้อยแจ้วตลอดเวลาเมื่อเจอหน้าเพื่อนสนิท
“เข้ามาได้ไง?” ถึงหงุดหงิดทว่าจอมทัพก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่เหมือนอีกคนจะรับรู้ เธอจึงหน้าสลดลงกว่าเดิมก่อนจะพูดอ้อมแอ้มติดเกรงใจออกมา
“ถ้าไม่สะดวก เดี๋ยวเราเก็บของออกไปตอนนี้เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” คนตัวโตพูดเสียงยานคางก่อนเดินไปเอนหลังพิงเคาน์เตอร์บาร์ ปรายหางตาไปยังห้องน้ำ เมื่อสาวอีกคนยังไม่ออกมาเขาเลยพูดต่อด้วยเสียงเบาลง เพื่อไม่ให้เรื่องที่คุยเล็ดลอดไปถึงหูคนในนั้น
“จะหน้างอทำไม เราแค่ถาม ไม่ได้ไล่สักคำ”
“ก็ทัพหน้าบึ้ง ทัพคงโกรธที่เรามาขัดจังหวะตอนอยู่กับสาว”
“โกรธอะไรของเธอ?”
“เราตั้งใจจะอยู่อีกห้อง ไม่เข้าไปวุ่นวายห้องของทัพหรอก แต่ถ้าจะทำเรื่องนั้นก็ช่วยเบาหน่อยแล้วกัน คือเราไม่ชอบฟังเสียงแปลก ๆ น่ะ” ใบหน้าขาวเนียนงุดมองพื้นแสดงชัดว่ากำลังน้อยใจ
“จะตอบได้ยังว่าเข้ามายังไง?” จอมทัพพ่นลมหายใจหนักพร้อมถามคำเดิม ทำเป็นเพิกเฉยกับประโยคบอกเล่ากึ่งตัดพ้อของคนขี้งอน
นาเดียร์มักเป็นแบบนี้ งอแงเก่งไม่เคยเปลี่ยน
“ลุงทองให้ที่อยู่กับบอกรหัสห้องให้เรา เราเลยตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ แต่ไม่คิดว่า..”
คำอธิบายหยุดลงแค่นั้นเพราะประตูห้องน้ำถูกเปิด หญิงสาวอีกคนเดินมายืนเคียงข้างจอมทัพ ซึ่งชายหนุ่มก็ก้มกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายแผ่วเบา นาเดียร์จึงไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร เธอเห็นหญิงสาวคนนั้นพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ไม่กี่อึดใจถัดมาเขาก็หันมาพูดกับเธอ
“เราลงไปส่งน้องข้างล่างแป๊บหนึ่ง เธอรอก่อนแล้วกัน”
สิ้นเสียงบอกจอมทัพก็พาคนที่เรียกว่าน้องเดินผ่านหน้าไป นาเดียร์เม้มปากมองตามด้วยความสำนึกผิด พอลับร่างคนทั้งคู่เธอก็ปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ คาดว่าตรงนี้จอมทัพน่าจะใช้นั่งกินข้าว
“จะโกรธไหมนะ?” ดวงตากลมโตเปลี่ยนเป็นสั่นไหว หัวใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บอย่างควบคุมไม่ได้
นาเดียร์กับจอมทัพพื้นเพเป็นคนขอนแก่น ครอบครัวสนิทชิดเชื้อเพราะเป็นเพื่อนบ้าน ไปมาหาสู่ตั้งแต่เด็กจนโต เรียนอนุบาลด้วยกัน เรียนประถมด้วยกัน มัธยมก็เรียนด้วยกัน ขนาดเข้ามหา’ลัยก็ยังเรียนที่เดียวกัน
แต่เพราะนาเดียร์มีเหตุต้องไปอยู่กับแม่ที่ภูเก็ต เลยห่างเหินไม่ได้ติดต่อพูดคุย จากนั้นจอมทัพก็ย้ายมาเรียนในเมืองกรุง แทนที่จะเรียนที่ขอนแก่นเหมือนเดิม
แกร๊ก..
ยี่สิบนาทีต่อมาประตูถูกเปิดอีกครั้ง นาเดียร์มองสำรวจอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน พอเห็นจอมทัพกลับมาคนเดียวเธอก็กระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งไปโถมตัวเข้าใส่เพื่อนสุดหล่อเต็มแรง
พลั่ก!
“เบาหน่อย!!” ร่างกำยำเซเล็กน้อยแต่กระนั้นก็ยังอ้าแขนรับคนที่โผเข้ามาไว้เต็มอ้อมแขน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นาเดียร์จะกอด เมื่อก่อนพวกเขากอดกันบ่อยมาก จับมือถือแขน ถึงเนื้อถึงตัวอยู่เป็นนิจ ไม่ตะขิดตะขวงใจเวลาสัมผัสกัน เพราะสนิทสนมมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย
กระทั่งเข้ามหา’ลัยทั้งคู่ถูกผู้ใหญ่ติติงเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องเว้นระยะห่างตามเพศสภาพที่มี แต่กระนั้นก็ยังเผลอทำบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นฝ่ายหญิงที่ไม่ระวัง ไม่สนว่าตัวเองเป็นสาวเป็นนาง
“ทัพชอบหนี เราต้องกอดไว้ก่อน”
ถ้าหนึ่งปีก่อนทั้งคู่ไม่มีเรื่องบาดหมาง สถานการณ์คงดีกว่านี้ คงติดต่อพูดคุยได้ปกติ แต่เพราะเธอทำผิดสัญญาจอมทัพเลยโกรธ พาลตัดช่องทางการติดต่อทั้งหมด เขาเลิกเล่นโซเชียล เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ บล็อกแชต บล็อกทุกทางที่เธอสามารถเข้าถึง การย้ายมาเรียนกรุงเทพอาจเพราะอยากหนีหน้าไม่อยากเจอเธออีกก็เป็นได้
“พูดเกินไป”
“ไม่ยอมติดต่อเราเลย เราต้องมาให้เห็นกับตาว่าทัพยังไม่ตาย”
“ลืมหรือเปล่าว่าทะเลาะกัน?”
“ไม่ลืม เราตั้งใจมาง้อนี่ไง” นิ้วเล็กเรียวจิ้ม ๆ บนแผงอกกว้าง ทำท่าง้องอนอย่างอ้อนวอนความเห็นใจ
“คิดว่าง้อง่ายนักเหรอ?”
“แล้วจะทำให้ยากทำไมล่ะ ตั้งหนึ่งปีเลยนะที่พวกเราไม่เจอกัน คุยสักคำก็ยังไม่คุย ถ้าเกิดวันหนึ่งเราถูกรถชนตายจะทำยังไง ทัพจะจุดธูปบอกให้อภัยหน้าโลงศพแค่นั้นเหรอ ทั้งที่ตอนมีชีวิตมีโอกาสมากมายแต่ทัพไม่ทำ”
เพื่อนตัวน้อยยังคงคอนเซ็ปต์พูดไปเรื่อยได้อย่างเหนี่ยวแน่น แต่ไม่ได้น่ารำคาญ ดูน่ารักน่าหยิกเสียมากกว่า แล้วคนที่มักใจอ่อนกับเธอจะต้านไหวเหรอ?
“นานะ เรามาง้อแล้ว”
“เฮ้อ” จอมทัพถอนหายใจจากนั้นก็ยอมเกี่ยวก้อยสงบศึก แตะนิ้วโป้งเป็นการย้ำข้อตกลงระหว่างกัน แค่เป็นนาเดียร์เขาก็แพ้ตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้ว
“เย้ ๆ ขอบคุณนะ ต่อไปเราจะไม่ผิดสัญญาอีก จะไม่ดื้อ จะไม่ทะเลาะ จะเป็นเด็กดีตลอดไป”
“ให้มันจริง..ว่าแต่รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังบุกรุกห้องคนอื่นอยู่”
“ไม่ได้บุกรุก เราแค่มาขออาศัย จนกว่าจะหาห้องพักใกล้ที่ทำงานได้”
เมื่อไม่มีบุคคลที่สามนาเดียร์ก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม ความต่างของส่วนสูงส่งผลให้หญิงสาวต้องวางคางบนหน้าอกแกร่งพร้อมแหงนหน้าจนคอตั้งเพื่อสนทนา ฝ่ามือใหญ่ประสานอยู่บริเวณเอวบาง โอบกอดเธอไว้เหมือนที่เธอโอบกอดเขาเช่นกัน
“ที่ทำงาน?” หัวคิ้วเข้มขมวดเป็นปมอย่างสงสัย ไม่นานก็ได้คำเฉลยจากเสียงสดใสของคนในอ้อมแขน
“เราได้งานร้านหนังสือในกรุงเทพ เลยโทรหาลุงทองให้ช่วยหาห้องพักให้หน่อย โชคดีที่ร้านอยู่ใกล้คอนโดทัพ ลุงทองเลยให้มาอยู่ที่นี่ไปก่อน”
ประโยคสุดท้ายฟังดูอ้อมแอ้มพิกล บวกกับอาการหลบสายตาของคนตัวเล็ก จอมทัพเลยประมวลเหตุการณ์ได้คร่าว ๆ
พ่อใหญ่จอมทองเล่นงานแล้วไหมล่ะ!
คนรึอุตส่าห์หนีมาเรียนถึงกรุงเทพ กำชับเด็ดขาดว่าห้ามให้เบอร์ ห้ามบอกนาเดียร์ว่าเขาอยู่ไหน แต่พ่อก็ทำได้ปีเดียว สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น
“พ่อเป็นคนจัดการทั้งหมด?”
“เราเองแหละที่อ้อนจนลุงทองใจอ่อน อย่าโกรธลุงทองเลยนะ”
“เราโกรธใครไม่เป็นหรอก” เสียงทุ้มฟังดูหงุดหงิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
นาเดียร์ขี้ประจบและขี้อ้อนเขาไม่เถียง แต่พ่อใหญ่จอมทองก็คนใจแข็งคนหนึ่ง แล้วทำไมถึงออกมาอีหรอบนี้
จอมทัพได้แต่ปลง อนุญาตไม่พอพ่อยังบอกทุกอย่างที่เขาห้ามกับนาเดียร์จนหมด เบอร์ที่กระหน่ำโทรหาตั้งแต่หัวค่ำ คงเป็นเบอร์ใหม่ของหญิงสาว ไม่ใช่เบอร์มิจฉาชีพอย่างที่เข้าใจ
“ไม่จริงหรอก ตอนนี้ทัพก็กำลังโกรธเราอยู่เรื่องหนึ่ง”
“จะโกรธเธอเรื่องอะไร?”
“ก็โกรธที่เราทำให้ทัพไม่ได้ เอ่อ..ทำจึ้ก ๆ กับสาวไง”
นาเดียร์ดึงตัวออก ขยับห่างไปราวหนึ่งก้าว เธอทำมือคล้ายท่าร่วมเพศเพื่อขยายความ จะให้พูดตรง ๆ ก็กระดากปาก แต่เหมือนอีกคนจะหน้าด้านกว่า ประโยคตรงตัวจึงดังออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“คิดว่าตัวเองทำให้เราไม่ได้เอากับสาวงี้เหรอ?”
“ทัพ!!”
“เสียงดังทำไม”
“ทัพพูดลามกทำไมล่ะ!!
“เธอพูดก่อน”
“ก็ใช่ แต่ไม่ต้องพูดตรงก็ได้นี่นา” พวงแก้มใสแดงปลั่งเพราะสมองจินตนาการไปไกล
นาเดียร์นึกถึงท่าร่วมเพศที่เคยดูในหนังโป๊ หากเปลี่ยนพระเอกเป็นจอมทัพจะเสียวแค่ไหน ฉากนั้นจะเร่าร้อนขึ้นหรือเปล่า เพื่อนสุดหล่อของเธอหุ่นดีซะด้วย ผิวก็ขาว หน้าก็ใส ปากแดงแจ๋น่าขยี้ ไม่มีอะไรด้อยกว่าพระเอกเลย
“เดียร์”
เงียบ..
“เดียร์”
เงียบ..
“เดียร์!!”
“ว่า?”
“คิดไปถึงไหนแล้ว ถึงขั้นสอดใส่ยัง?”
น้ำเสียงที่ถามฟังขี้เล่นแต่พอนาเดียร์เงยหน้ามาสบตา เธอก็เห็นแววตาวาบหวามเกินพิกัดของเพื่อนสนิท ครั้งสุดท้ายที่ทะเลาะกันเขาก็มองแบบนี้ หรือเพราะอารมณ์ค้างจากการถูกขัดจังหวะ สายตาคมจึงมองเธอในลักษณะนี้อีก
“ว่าไง..คิดลามกถึงขั้นสอดใส่ยัง?”
“สอดใส่อะไรเล่า”
คนหน้าแดงเมินสายตามองไปอีกทาง เห็นแบบนั้นจอมทัพจึงหัวเราะในลำคอเบา ๆ แกล้งหยอกนิดเดียวเพื่อนตัวน้อยก็เขินจนยืนตัวบิด นาเดียร์ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
สดใส ขี้อาย แต่ก็ดื้อแสนดื้อ โดยเฉพาะอย่างหลังเธอมักทำกับเขาคนเดียว
“ตกลงจะมาอยู่ที่นี่?”
เขาตั้งคำถามเพื่อเลี่ยงเรื่อง18+ เหมือนเธอก็ต้องการเลี่ยงจึงพยักหน้าตอบกลับด้วยแววตาสดใสเช่นเดิม
“ใช่”
“ถ้าไม่ให้อยู่ เธอจะทำไงต่อ”
“ลุงทองอนุญาต ทัพไม่มีสิทธิ์ไล่”
“เมื่อกี้ยังบอกจะเก็บของออกจากห้องอยู่เลย” หน้าคมคายส่ายไปมา แสดงออกถึงความไม่เชื่อถือกับน้ำคำของนาเดียร์
“เห็นพาสาวมาด้วยเราเลยเกรงใจ คนนั้นเป็นแฟนใช่ไหมอะ?”