ตอนที่ 1
บนถนนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รถยนต์ซุปเปอร์คาร์หลายคันแล่นตามกันมาด้วยความเร็วตามสมรรถนะชั้นเยี่ยมของรถยนต์ราคาแพง ผู้ที่ทำหน้าที่บังคับพวงมาลัย Lamborghini huracan นำขบวนคือเมฆา สุริยา พิทักษ์ บุตรชายคนเล็กวัยยี่สิบแปดปีของตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่งระดับประเทศ เจ้าของฉายาแบดบอยลูกรักพระเจ้าเพราะมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าบรรจงปั้นแต่ง ไม่ว่าจะเป็นผิวขาวจนผู้หญิงต้องอิจฉา ใบหน้าหล่อเหลาที่ประกอบไปด้วยคิ้วเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยเสน่ห์ รับกับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากได้รูปสีชมพูธรรมชาติ รวมถึงส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรนั่นทำให้เขาคือนิยามของคำว่าเพอร์เฟกต์จนยากจะหาใครเทียบ สมฉายาลูกรักพระเจ้าที่สื่อตั้งให้โดยแท้ ลำแขนแข็งแกร่งบังคับพวงมาลัยไปบนถนนอย่างมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นกันแดดสีดำและหมวกแก๊ปสีเดียวกัน มองตรงไปข้างหน้าอย่างมีสมาธิ ไม่สนใจสาวสวยข้างกายในชุดแหวกหน้าแหวกหลัง ที่กำลังเอนซบคลอเคลียเลยแม้แต่ น้อยและเมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะลุกหนักขึ้น ชายหนุ่มก็เอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“ทูนหัว ผมขับรถอยู่นะ คุณคงไม่อยากให้เราเป็นข่าวหน้าหนึ่ง เพราะอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากความซนของคุณหรอกนะ”
“แหม มาร์คอะ ลิลลี่ไม่ได้จะทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“ถ้าไม่ก็นั่งเฉยๆ ครับคุณผู้หญิง ผมคิดว่าเมื่อคืนคุณจะหมดแรงแล้วเสียอีก ผิดคาดที่คุณยังมีแรงมากวนผมได้”
“มาร์คพูดอะไรก็ไม่รู้ ลิลลี่ก็เขินเป็นเหมือนกันนะ” ลลิตาแสร้งต่อว่าอย่างมีจริต ส่วนเมฆานั้นแค่ยักไหล่แล้วหันไปเพ่งสมาธิกับถนนเบื้องหน้าตามเดิม ลลิตาแอบปรายตามองคนข้างๆ อย่างหลงใหล บทรักตลอดค่ำคืนที่ผ่านมายัง ตราตรึงในใจเธอไม่รู้ลืม ยังไม่นับรวมกับรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติครบถ้วนที่อีกฝ่ายมี เธอรู้สึกราวกับฝันไปที่ได้ขึ้นเตียงกับเขา และคิดว่าจะพยายามใช้เสน่ห์มารยาทุกอย่างที่ตัวเองมีมัดใจเขาไว้ให้ได้ แต่แล้วเธอก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดเมื่อรถซุปเปอร์คาร์คันหรูแล่นมาจอดที่หน้าคอนโดมิเนียมอันเป็นที่พักอาศัยของตัวเอง หญิงสาวกำลังจะหันไปออดอ้อนให้ ชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องด้วยกัน แต่เขากลับหันมาบอกลาเธอเสียก่อน
“ขอบคุณสำหรับค่ำคืนที่แสนพิเศษนะครับ เราคงต้องลากันตรงนี้”
“แหม มาร์คพูดเหมือนกับว่าเราจะไม่เจอกันอีกงั้นแหละ” เมฆายิ้มมุมปากแล้วจับปลายคางของหญิงสาวเบาๆ
“คุณเข้าใจถูกแล้วครับลิลลี่ ขอบคุณสำหรับค่ำคืนแสนสนุกที่ผ่านมา เชิญครับ” ชายหนุ่มผายมือเชิญทำให้ลลิตาถึงกับหุบยิ้ม ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างกระฟัดกระเฟียด เพราะเธอยังไม่ทันได้หว่านเสน่ห์เพื่อมัดใจชายในฝันก็ถูกเขาไล่อย่างไม่ใยดี เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถเรียบร้อยซุปเปอร์คาร์คันหรูก็แล่นจากไปทันที
“อ๊าย ไอ้คนบ้า คิดว่าคนอย่างลิลลี่จะง้อหรือไง” หญิงสาวมองตามท้ายรถไปอย่างเคืองๆ ก่อนจะก้าวฉับๆ เข้าคอนโดไปอย่างไม่สบอารมณ์
แสงสว่างที่ลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามาปลุกให้พลอยขวัญรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวขยับกายขึ้นพิงพนักเตียงแล้วยกนิ้วมือขึ้นกุมขมับที่รู้สึกปวดตุบๆ ซึ่งเป็นผลจากการร้องไห้อย่างหนักมาหลายวัน หญิงสาวเดินโผเผไปที่หน้ากระจกและภาพที่สะท้อนกลับมานั้นก็ทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดวงตาทั้งคล้ำและแดงช้ำจากการอดนอนและร้องไห้อย่างหนักหน่วงตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา รูปร่างที่เคยได้รูปมีทรวดทรงองค์เอวชัดเจนอย่างน่ามองก็ผ่ายผอมลงผิดหูผิดตา เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ หญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มเยาะให้กับความโง่ของตัวเอง เพราะเธอถูกคนที่รักถึงสองคนทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น หนึ่งคืออดีตคนรักที่คบกันมาหลายปี ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นคือเด็กในร้านที่เธอเมตตาให้งานทำเพราะสงสาร แต่เธอกลับได้รับการตอบแทนอย่างโหดร้ายที่สุด เธอไม่รู้ว่าทั้งคู่แอบไปคบกันตอนไหน เพราะตลอดเวลาทั้งสองหลอกเธอได้แนบเนียนจนไม่ระแคะระคายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ลำพังโดนนอกใจด้วยการมาคบกับคนใกล้ตัวของเธอก็เจ็บมากพอแล้ว แต่ทั้งคู่ยังชั่วช้าถึงขนาดแอบไปแต่งงานกันที่ต่างจังหวัดเพราะฝ่ายหญิงท้อง โดยไม่คิดจะบอกเธอด้วยซ้ำ และเธอก็คงโง่ไปอีกนานหากไม่มีผู้หวังดีส่งรูปงานแต่งงานของทั้งคู่มาให้ดู เธอจำได้ว่าตัวเองล้มทั้งยืนและถึงขั้นช็อกจนเข้าโรงพยาบาล ทำให้บิดามารดาและพี่ชายต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วยความเป็นห่วง
หลังออกจากโรงพยาบาลเธอก็กลับไปฟื้นฟูจิตใจที่บ้านต่างจังหวัดอยู่เป็นเดือน ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนที่ทรมานเจียนตาย เพราะเธอเอาแต่ร้องไห้และกินไม่ได้นอนไม่หลับจนทุกคนในครอบครัวพลอยทุกข์ใจไปด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอแอบไปเห็นแม่ร้องไห้กับพ่อด้วยความเครียดกับอาการของเธอ เธอจึงได้สติ
หลังจากวันนั้นเธอก็หยุดร้องไห้และเรียกสติตัวเองกลับมา ซึ่งมารดานั้นออกอาการดีใจและโล่งใจเป็นอย่างมาก เธอเองก็รู้สึกดีที่ทำให้ท่านคลายกังวล ส่วนตัวเธอเองนั้นรู้ดีว่าสภาพจิตใจของตัวเองยังไม่เข้มแข็งเท่าไหร่นัก แต่เพราะไม่อยากให้ทุกคนเครียดและเป็นห่วงไปมากกว่านี้ เธอจึงแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองดีขึ้นและเข้มแข็งมากพอจนพวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เธอเริ่มจากเลิกหมกตัวอยู่ในห้องไปช่วยกิจการของที่บ้าน แม่ของเธอมีร้านอาหารอยู่ในตัวเมืองที่เปิดบริการมาหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ส่วนพ่อของเธอเป็นอดีตกำนันหลายสมัยที่ชาวบ้านรักใคร่และให้ความนับถือเป็นอย่างมาก แม้ปัจจุบันจะวางมือออกมาดูแลกิจการร้านขายอุปกรณ์การเกษตรเต็มตัวแล้วก็ตาม เธอมีพี่ชายหนึ่งคนที่หลังจากเรียนจบด้านการเกษตรจากต่างประเทศ ก็นำความรู้กลับมาดูแลพัฒนาที่ดินหลายร้อยไร่ของครอบครัวทั้งทำไร่ นา และสวนผลไม้หลากหลายชนิด โดยนำเครื่องจักที่ทันสมัยเข้ามาช่วยทุ่นแรง และยังเป็นการสร้างงานให้ชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย
ส่วนเธอนั้นหลังจากไปเรียนต่อที่กรุงเทพและค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบการจัดดอกไม้ หลังเรียนจบจึงขอทุนบิดามาก้อนหนึ่งและเปิดร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี บิดามารดาและพี่ชายเคยชวนให้เธอกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเธอรักอิสระและยังชื่นชอบการใช้ชีวิตในเมืองหลวง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพราะคนรักของเธอทำงานอยู่ที่นั่น เธอจึงไม่อยากอยู่ห่างจากเขาจึงขออยู่กรุงเทพต่อไป แต่ตอนนี้ที่ไม่มีผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป เธอถามตัวเองว่ายังอยากอยู่ในเมืองหลวงตามลำพังต่อไปหรือกลับมาอยู่กับครอบครัว คำตอบก็ยังคงเป็นเช่นเดิมเพราะความรู้สึกของเธอมันบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ถึงจะไม่มีผู้ชายเฮงซวยคนนั้น แต่เธอก็ยังมีเพื่อนมีร้านดอกไม้ที่เธอสร้างมันขึ้นมาด้วยหนึ่งสมองสองมือของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ แม้จะขอยืมเงินทุนจากบิดาแต่ตอนนี้เธอก็ได้คืนให้ท่านไปหมดแล้ว และเมื่อร้านของเธอดำเนินกิจการมาได้ครบห้าปี ท่านก็ได้ซื้อตึกที่เธอเช่าเปิดร้านให้เป็นของขวัญวันเกิดและวันครบรอบห้าปีของร้าน
หลังจากทำให้ทุกคนที่บ้านคลายกังวล พลอยขวัญก็บอกแก่ทุกคนว่าต้องการเดินทางกลับกรุงเทพ โดยยกเอาเหตุผลว่าเป็นห่วงร้านดอกไม้ ในตอนแรกบิดามารดาและพี่ชายแสดงอาการเป็นห่วงยังไม่อยากให้กลับ แต่เมื่อเธอยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว รวมถึงสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ เพื่อผู้ชายเลวๆ คนนั้นทุกคนจึงยอมให้เธอกลับมา แน่นอนว่าเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียมที่ได้รับเป็นของขวัญเรียนจบจากบิดา เธอก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบและบอกตัวเองว่าเธอจะให้เวลาตัวเองเสียใจคร่ำครวญอีกเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น แล้วหลังจากนี้เธอจะเป็นพลอยขวัญคนใหม่คนที่เข้มแข็งและรักตัวเองมากพอที่จะไม่เสียน้ำตาและเสียเวลาให้ผู้ชายสารเลวคนนั้นอีกต่อไป
พลอยขวัญมองตัวเองในกระจกแล้วยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้ารูปไข่ ที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าอย่างลงตัวเหมาะเจาะ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตรับกับจมูกโด่งและริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อโดยธรรมชาติ แบบที่เพื่อนๆ และคนอื่นๆ ชมให้ได้ยินหลายครั้งว่าสวยจนยากจะมองผ่าน รวมถึงหุ่นนาฬิกาทรายกับผิวขาวอมชมพูที่เธอภาคภูมิใจกับมันนักหนาและมักจะได้รับคำชมอยู่เนืองๆ ยามที่เธออัปรูปในชุดเน้นสัดส่วนลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัว เมื่อพิจารณาหน้าตาและรูปร่างของตัวเองอยู่พักใหญ่ พลอยขวัญก็บอกตัวเองว่าเธอเองก็มีดีขนาดนี้ แล้วเหตุใดจะต้องเสียเวลาร้องไห้ คร่ำครวญให้กับผู้ชายเฮงซวยคนนั้น เธอมีดีและมีค่าเกินกว่าจะเสียเวลาอยู่อย่างนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงสูดหายใจเข้าลึกเรียกพลังกายพลังใจให้ตัวเอง นับจากวันนี้ไปพลอยขวัญคนเดิมได้ตายไปแล้ว นับจากนี้จะมีแต่พลอยขวัญคนใหม่ผู้หญิงที่สวยและมีดีจนไม่ต้องง้อผู้ชายหน้าไหน เมื่อคิดได้ดังนั้นพลอยขวัญจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนสนิททันที หลังจากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป