ตอนที่ 15 ชีวิตต้องดำเนินต่อไปข้างหน้า

2159 Words
2 เดือนต่อมา หลังจากที่เตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อย วชิรวิษกับหทัยชนกก็พากันไปถ่ายรูป และต้องรอเกือบเดือนถึงจะได้รูปถ่ายมา เมื่อพวกเขาได้โพสต์และประกาศอย่างเป็นทางการว่าหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์และขอพักงานในวงการบันเทิง ทั้งคู่ก็ได้รับการแสดงความยินดีอย่างท่วมท้น และไม่นานก็ถึงวันที่พวกเขาต้องไปแสดงความยินดีกับวันรับปริญญาของเด็กในอุปถัมภ์ของวชิรวิษ ซึ่งทางธารินเองก็รู้แค่ว่าดนัยจะไปเพื่อแสดงความยินดี แต่ไม่ได้รู้ว่าผู้อุปถัมภ์ของหล่อนจะเดินทางไปด้วย เมื่อเดินทางมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ดนัยก็ส่งให้วชิรวิษกับหทัยชนกลงก่อน ส่วนเขาเอารถไปจอดที่ห้างใกล้ๆ ก่อนจะนั่งแท็กซี่ตามมาทีหลัง พวกเขาทั้งสามคนมารวมตัวกันหลังจากที่หทัยชนกต้องยิ้มรับและถ่ายรูปกับหลายคนที่มาขอเธอถ่ายรูปด้วย แล้วก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ไปพบกับธาริน ดนัยติดต่อหาหญิงสาวเพื่อสอบถามว่าหล่อนอยู่ตรงไหน จนกระทั่งพูดคุยกันจบ เขาก็พาเจ้านายทั้งสองของเขาเดินไปหาธาริน ซึ่งทางธารินเองก็มองหาดนัยด้วยอาการรอคอย “คนนั้นครับ” ดนัยส่งสัญญาณบอก หลังจากเดินมาเรื่อยๆแล้วเห็นร่างของหญิงสาวที่พวกเขาตั้งใจมาหา “ช่อดอกไม้ค่ะ ไปสิคะ” หทัยชนกส่งช่อดอกไม้ที่เธอเป็นคนถือให้กับสามี ก่อนที่จะบอกให้เขาเข้าไปหาหญิงสาว เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ ธารินก็เห็นพวกเขาทั้งสามคน มือเล็กยกขึ้นไหว้พวกเขาด้วยอาการสั่น “ยินดีด้วยนะ” ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงใจดีพร้อมกับส่งช่อดอกไม้ให้กับเด็กสาว “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาในวันนี้” เสียงหวานใสสั่นเครือเล็กน้อย “ฉันต้องมาสิ หนูไม่มีใครแล้วนี่ นอกจากพวกฉัน” “ขอบคุณนะคะที่ทำให้หนูมีวันนี้” “ฉันเองก็ต้องขอบคุณนะที่หนูไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ตั้งใจเรียนจนจบอย่างที่ฉันตั้งใจ” วชิรวิษกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเด็กสาวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ยินดีด้วยนะจ๊ะ” หทัยชนกส่งกล่องของขวัญกล่องเล็กที่เธอเตรียมมาเองให้เด็กสาว “ขอบคุณค่ะ” ธารินรับกล่องของขวัญมาถือ ก่อนที่ดนัยจะช่วยเธอถือช่อดอกไม้กับกล่องของขวัญให้ หทัยชนกมองเด็กสาวแล้วอ้าแขนออก เพื่อส่งสัญญาณบอกเด็กสาวว่าเธอยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเธอ ธารินอึ้งไปก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่อ้อมกอดช้าๆ หล่อนพยายามกลั้นสะอื้นจนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “อย่าร้องสิ เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วไม่สวยนะ” “หนูดีใจนี่คะ” “จ้ะ เอาล่ะ ซับน้ำตาก่อนนะ เดี๋ยวเราถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า” หทัยชนกเอ่ยด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เมื่อพวกเขาถ่ายรูปและพูดคุยกันอีกสักพักใหญ่ก็พากันกลับ โดยที่ตกลงกันว่าเดี๋ยวจะให้ดนัยมารอรับหญิงสาวในตอนที่ออกจากหอประชุมเพื่อพาไปเลี้ยงเรียนจบที่บ้านของหทัยชนก ซึ่งหญิงสาวเป็นคนออกไอเดียนี้เอง “เอาล่ะ ไปจัดเตรียมงานกันดีกว่าค่ะ” หลังจากขึ้นรถ หทัยชนกก็พูดด้วยรอยยิ้ม เธอถูกชะตากับเด็กสาวไม่น้อย จึงอยากร่วมยินดีกับความสำเร็จแรกในชีวิตให้กับหล่อนด้วย หลังจากรอกันมาหลายชั่วโมง ดนัยก็กลับมาที่บ้านของหทัยชนกพร้อมกับหญิงสาวตัวเล็ก ซึ่งพวกเขาได้จัดงานเลี้ยงรอเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อดนัยพาธารินมาถึง พวกเขาก็เริ่มงานเลี้ยงได้ทันที ธารินเป็นที่สนใจของทุกคน เมื่อผลการเรียนของหล่อนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก หลายคนจึงสอบถามเรื่องราวของเธอ “เอาล่ะค่ะ หยุดถามก่อนดีไหมคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้คิดอะไรมากแล้วค่ะ มันผ่านมาหลายปีแล้ว หนูดีใจด้วยซ้ำที่ตอนนั้นพ่อกับแม่เลือกที่จะปล่อยหนู ไม่ทำร้ายชีวิตของหนูไปด้วย” ธารินพูดอย่างคนที่ผ่านอะไรเลวร้ายในชีวิตมา “พี่เข้าใจ แต่บางอย่างมันก็ไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมานะ ปล่อยให้มันจมอยู่ภายในใจเราก็พอ” “ทุกคนมองหนูเป็นครอบครัวนี่คะ ถึงกับจัดงานเลี้ยงเรียนจบให้หนู หนูไม่มีความลับหรอกค่ะ” “เอาเถอะๆ วันนี้ก็สนุกสนานให้เต็มที่ คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยเรื่องอื่นกัน” งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนดึก ทุกคนจึงแยกย้ายกัน ธารินนอนค้างที่บ้านของหทัยชนก ดนัยขอตัวกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด หทัยชนกกับวชิรวิษจึงอยู่ค้างที่นี่และตั้งใจว่าจะพาธารินไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้ เช้าวันต่อมา หลังจากที่ทุกคนตื่นนอนก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น หญิงสาวหาเสื้อผ้าของเธอที่ธารินพอจะใส่ได้มาให้เด็กสาว ก่อนที่จะพากันเตรียมตัวไปที่บริษัทแต่เช้า เมื่อมาถึงที่บริษัท ดนัยก็มารอทุกคนก่อนแล้ว ชายหนุ่มเดินตามร่างสูงของเจ้านายเข้าไปในห้อง โดยมีธารินเดินตามรั้งท้าย “เอาล่ะ คุยกันเรื่องงานแล้วใช่ไหม” “ครับนาย” ดนัยรับคำแล้ววางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ “ไอทีเหรอ” มือใหญ่หยิบมาเปิดดูคร่าวๆก่อนจะปิดมันลง “งั้นก็ลองไปฝึกงานดูก่อน เพราะแผนกนี้ผู้หญิงน้อยมาก อาจจะทำอะไรลำบาก” “ไม่มีปัญหาค่ะ” “อืม งั้นดิน พาลงไปส่งทีนะ ฝากกับผู้จัดการไว้ด้วย” “ครับนาย” “จบเอกเดียวกับเฟิร์นเลยค่ะ มิน่าล่ะ ว่าทำไมเฟิร์นถึงถูกชะตา” หลังจากที่ดนัยพาธารินเดินออกไป หทัยชนกที่นั่งฟังเงียบๆก็พูดขึ้น “สำหรับพี่เขาจะเรียนอะไรพี่ไม่ได้บังคับนะ ขอแค่เขาเรียนจบมามีงานทำ เลี้ยงชีวิตตัวเองได้ พี่ก็ภูมิใจแล้ว” “เด็กคนนี้เก่งมากนะคะ เจอเหตุการณ์แบบนั้นมา แต่ก็ผ่านมาได้โดยไม่เสียคนหรือเสียสติไป” “ใช่ ตอนที่พี่รู้ว่าเด็กคนนี้พ่อแม่ตายแล้วทิ้งเขาไว้คนเดียว พี่ก็คิดจะช่วยส่งเรียนจนจบ พี่เข้าใจดีว่าคนที่เสียพ่อแม่ไปแล้วไม่เหลือใครจะรู้สึกยังไง แล้วนี่พ่อแม่ฆ่าตัวตายทั้งคู่ด้วย…..” “ทุกคนต้องได้รับบททดสอบในชีวิตค่ะ ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะได้รับบททดสอบแบบไหนก็เท่านั้น” “จ้ะ” สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ก่อนที่วชิรวิษจะก้มหน้าทำงานของเขาต่อไป เช่นเดียวกับหทัยชนกที่ก้มหน้าอ่านหนังสือของเธอต่อ หลายปีต่อมา “กลับมาแล้วค่ะ” “คุณแม่กลับมาแล้ว…..” หลังจากกลับมาจากทำงาน หทัยชนกก็ส่งเสียงเป็นสัญญาณบอก ก่อนจะมีเด็กๆวิ่งเข้ามากอดเธอ โดยมีพี่เลี้ยงวิ่งตามหลังมา 2 คน “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณแม่” “สวัสดีค่ะ วันนี้แม่ไม่อยู่ ดื้อกับพี่ๆไหมคะ” “ไม่ดื้อเลยครับ/ไม่ดื้อเลยค่ะ” “ไม่โกหกแม่ใช่ไหมคะ” “ครับ/ค่ะ” “ดีมากค่ะ” หทัยชนกเดินนำบุตรทั้งสองคนไปนั่งลงที่โซฟา โดยมีพี่เลี้ยงเดินตามไปด้วย และไม่นานก็มีคนนำน้ำมาให้เธอ “พี่คิวล่ะคะ” “ยังไม่กลับค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสนใจเด็กๆ เธอกับวชิรวิษมีลูกแฝดชายหญิง หลังจากที่เธอคลอดได้ 3 ปีก็เริ่มกลับมารับงาน แต่ส่วนใหญ่ที่เธอรับจะเป็นงานอีเว้นท์หรือไปเป็นนักแสดงรับเชิญเท่านั้น เธอกับสามีคุยกันว่าในเมื่อสามีต้องทำงานเป็นหลัก ก็อยากให้เธออยู่กับลูก ให้เวลากับลูกให้มากที่สุด “วันนี้ทำอะไรกันบ้างคะ…..” ถ้าหากวันไหนหญิงสาวมีงาน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็จะสอบถามลูกแบบนี้ทุกครั้ง วชิรวิษก็เช่นกัน หลังจากกลับมาจากทำงานเขาก็จะถามลูกแบบนี้ เพื่อที่จะสร้างความคุ้นชินให้กับเด็กๆ ว่าบิดามารดาให้ความสนใจพวกเขา และเมื่อในอนาคตพวกเขาออกไปไหนก็ตาม กลับมาก็จะมาเล่าเรื่องราวแต่ละวันให้ฟัง เพื่อให้รู้ว่าวันไหนพวกเขาทำอะไร หรือมีอะไรที่เป็นอันตรายไหม “กลับมาแล้วครับ” “คุณพ่อกลับมาแล้ว…..” เมื่อได้ยินบิดาส่งเสียงเข้ามา เด็กทั้งสองคนหันไปมองมารดาเป็นเชิงขออนุญาต และเมื่อเห็นมารดาพยักหน้า พวกเขาก็รีบลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปกอดบิดา “ว่าไงครับตัวแสบ วันนี้ทำอะไรกันมาบ้างครับ” “หลายอย่างเลยครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบ ก่อนจะจับมือบิดา แล้วจูงพาไปนั่งที่โซฟา เด็กชายตัวน้อยคนพี่ ชื่อฟิล์ม ฉลาดทำ ฉลาดพูด เรียนรู้เร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เด็กหญิงตัวน้อยคนน้อง ชื่อเฟย์ ฉลาดไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชาย เธอหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา จนไม่ว่าใครที่พบเห็นก็ต้องหลงรักเด็กสาวตัวน้อย ที่สำคัญคือ เด็กน้อยทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันจนไม่มีส่วนไหนที่ต่างกันเลย ทั้งสองคนเป็นแฝดแท้ เกิดจากไข่ใบเดียวกัน จึงแทบจะไม่มีส่วนไหนที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัย จะต่างกันก็แค่เพศเท่านั้น สองแฝดสลับกันเล่ากิจวัตรและสิ่งที่ได้เจอได้เรียนรู้ในวันนี้ให้บิดาฟัง เสียงเจื้อยแจ้วดังไปทั่วห้องนั่งเล่นเรียกรอยยิ้มจากทุกคนที่ได้ยินได้เป็นอย่างดี “เอาล่ะ ได้เวลามื้อเย็นแล้วนะครับ เข้าที่ได้แล้วนะเด็กๆ” “ค่า/ครับ” สิ้นเสียงพูดของบิดา สองแฝดก็จับมือกันเดินเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหาร พากันไปนั่งเก้าอี้ของตนเองและนั่งรออย่างเรียบร้อย วชิรวิษกับหทัยชนกที่เดินตามสองแฝดมายิ้มเอ็นดู ก่อนจะนั่งประจำที่ของตนเอง พร้อมกับที่แม่บ้านเข้ามาตักข้าวให้ ทั้งสี่คนนั่งกินมื้อเย็นด้วยกันอย่างอบอุ่น จนกระทั่งกินเสร็จก็มีพี่เลี้ยงก็มารับตัวเด็กๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลพวกเขาต่อ สองสามีภรรยายืนมองเด็กๆ ที่กลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ทั้งฟิล์มและเฟย์มีพี่เลี้ยงส่วนตัว พวกเขาใช้พี่เลี้ยงคนต่อคนเพื่อที่จะไม่ให้เด็กๆ คลาดสายตาและสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่สองสามีภรรยาส่งเด็กๆ เข้านอนเสร็จแล้วก็กลับมาพักผ่อนที่ห้อง พวกเขาสามารถเห็นเด็กๆ ได้ตลอดเพราะพวกเขาติดกล้องวงจรปิดภายในห้องนอนของเด็กๆ และเปิดหน้าจอเอาไว้ตลอด “ดื่มอะไรหน่อยไหมคะ” หทัยชนกถามผู้เป็นสามี หลังจากที่คนอื่นๆ ออกไปกันหมดแล้ว “อื้ม ขอวอดก้าจ้ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วเดินไปในห้องทำงานของเขา เปิดตู้เก็บแอลกอฮอล์ หยิบวอดก้าออกมาเทใส่แก้ว แล้วเดินกลับมาส่งให้ผู้เป็นสามี “เด็กๆ โตเร็วดีนะ” “ค่ะ จะ 4 ขวบแล้วนี่คะ” “มีน้องได้แล้วมั้ง” “…..ตั้งเป้าหมายไว้กี่คนคะ” “ไม่รู้สิ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ แค่อยากมี พอใจเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่จะไปทำหมัน” “เฟิร์นผ่าท้องได้แค่ 3 ครั้งนะคะ” “งั้นเอาแฝดอีกคู่เลยดีไหม” “อยู่ที่ฟ้าลิขิตค่ะ” “ฟ้าลิขิต แต่พี่เป็นคนทำนะ” “ค่ะ ทำดุด้วยนะคะ” “ก็ถ้าไม่ดุมันไม่อิ่มนี่” “…..” หทัยชนกได้แต่อ่อนอกอ่อนใจ วชิรวิษดูภายนอกเป็นคนที่นิ่งเงียบ ยิ่งถ้าไม่สนิทเขาแทบจะไม่พูดเลย แต่จริงๆแล้วกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนกินจุ กินในเรื่องบนเตียง กินได้ตลอดทั้งคืน โดยแทบจะไม่ได้พักเขาก็ยังสามารถกินได้ ซึ่งรสนิยมของเขาก็ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป มันออกจะวิปริตและซาดิสม์นิดๆ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ทรมานเธอมากเกินไปหรือนอกกายนอกใจ นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD