หลังจากได้พักผ่อนให้พอหายเหนื่อย วชิรวิษก็สะดุ้งตื่นเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่ได้นอนอยู่คนเดียวเหมือนดังเช่นปกติ ร่างสูงลุกออกจากเตียงด้วยความระมัดระวังว่าหญิงสาวจะตื่น ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อออกมาก็พบว่าหทัยชนกตื่นแล้วและกำลังรอที่จะอาบน้ำต่อจากเขา หลังจากที่เธอตื่นนอนแล้วกลับห้องไปเอาเสื้อผ้ามาที่ห้องนี้
“เฟิร์นไปเอากระเป๋ามาไว้นี่ดีกว่านะ เพราะถ้าเขามาซ่อมแอร์มันอาจจะไม่สะดวกใจเรื่องของมีค่า” เขาบอกหญิงสาวก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำต่อจากเขา
“ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานขยับยามรับคำที่เขาบอกกับเธอ
“เอาล่ะ พี่ลงไปรอที่โซนอาหารเช้านะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
วชิรวิษยิ้มเอ็นดูหญิงสาวก่อนจะออกจากห้องไป เขาตั้งใจปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง เพราะคิดว่าหทัยชนกน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว
“นายโทรหาผมเหรอครับ”
“เออ”
เมื่อลงมาถึงที่โซนอาหารเช้า วชิรวิษกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นดนัยนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลก็เดินตรงดิ่งไปหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้พลางมองเลขาหนุ่มด้วยสายตาโกรธเคือง
“เมื่อคืนแอร์ห้องเฟิร์นเสีย เฟิร์นเลยมานอนห้องฉัน ฉันตั้งใจจะไปนอนกับนาย แต่โทรไม่ติด”
“พอดีแบตหมดครับ”
“เคาะก็ไม่เปิด”
“หลับครับ”
“.....”
“แล้วสรุปเมื่อคืนนายนอนที่ไหนครับ”
“.....”
“ไม่ถามแล้วครับ”
“ติดต่อพนักงานด้วย ให้มาดูแอร์หน่อย ถ้ามันซ่อมไม่ได้จะได้เปิดห้องเพิ่ม เหลืออีกตั้ง 3 คืน”
“ครับผม”
หลังจากสั่งงานเสร็จชายหนุ่มก็ลุกออกไปตักอาหารโดยที่ตักเผื่อหทัยชนกมาเลยทีเดียว เมื่อกลับมาถึงที่โต๊ะ หญิงสาวก็ลงมาถึงพอดี
“ทำไมลงมาเร็วจัง”
“เฟิร์นไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นนะคะ”
“กินข้าวเถอะจ้ะ”
หญิงสาวไม่ได้ตอบรับอะไร เธอหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเขา เพราะฝั่งตรงข้ามมีดนัยนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเฟิร์น”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณดิน”
“เดี๋ยววันนี้ผมแจ้งพนักงานให้นะครับ อาจจะได้มีการเปิดห้องพักใหม่ ยังไงผมว่าคุณเฟิร์นย้ายของทั้งหมดมาไว้ที่ห้องนายก่อนก็ดีนะครับ”
“ค่ะ”
หลังจากที่ลงมือจัดการอาหารตรงหน้าจนเสร็จ พวกเขาก็ไปรวมตัวกันเพื่อทำตามโปรแกรมที่ลิสต์รายการกันเอาไว้ แต่ด้วยความที่หญิงสาวเป็นนักแสดงที่กำลังดัง เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีหทัยชนกรวมอยู่ในทริปนี้ด้วย จึงเป็นที่ฮือฮาของพนักงานในบริษัทไม่น้อย
“แอบตื่นเต้นนะคะเนี่ย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอคะคนดัง”
“ไม่เหมือนกันนะคะ”
วชิรวิษยิ้มเอ็นดู เมื่อเห็นหญิงสาวจับมือเขาเอาไว้แล้วขยับมายืนซ้อนหลังเขา ชายหนุ่มพูดคุยกับพนักงานดูแลในส่วนของรายการเที่ยวประจำวันอีกเล็กน้อย ก็พาหญิงสาวไปขึ้นรถเพื่อรอให้คนอื่นๆพร้อมในการออกเดินทาง
“เราจะไปที่ไหนกันคะ” หญิงสาวถามเขาหลังจากที่ขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครับ”
“พวกเขาจะเห็นด้วยเหรอคะ”
“เพราะเราอนุญาตให้พาครอบครัวมาด้วย หลายคนเลยพาลูกหลานมา พี่จัดโปรแกรมเอาไว้เผื่อเด็กๆน่ะครับ”
“อ๋อ ค่ะ”
“โปรแกรมเราไม่เยอะหรอกจ้ะ นอกโปรแกรมเราปล่อยเวลาอิสระ เผื่อใครอยากเล่นน้ำหรือไปไหน มีแค่เวลาอาหารที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเท่านั้นจ้ะ”
“รอบคอบจังเลยนะคะ”
“ชมหรือประชดพี่คะ คนสวย”
“ชมสิคะ”
“ครบแล้วครับ”
หลังจากพูดคุยเล่นกันอยู่สักพัก ดนัยก็เปิดประตูรถขึ้นมานั่งพร้อมกับรายงานเสียงดังฟังชัด ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะสั่งให้ออกรถเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่ต้องการ
เมื่อเดินทางมาถึงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พนักงานแต่ละคนจะได้รับตั๋วเท่ากับจำนวนคนที่พามาด้วย ก่อนที่พวกเขาจะได้รับเวลานัดพบรวมตัวกันในเวลาหลังจากนี้ 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้ไปที่อื่นต่อ
“ไปกันเลยไหม”
“ค่ะ”
วชิรวิษผายมือให้หญิงสาวเดินนำออกไป ก่อนที่เขาจะก้าวเดินตามหลังเธอ ดนัยมองภาพตรงหน้าแล้วชะงักไป เขาค่อยๆเดินช้าลงแล้วแยกตัวออกไป
สองหนุ่มสาวเดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองพวกเขาด้วยความชื่นชม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงสมาร์ท กับหญิงสาวนักแสดงแถวหน้าดีกรีนางเอก ยามที่เดินไปด้วยกันมันเหมือนพวกเขากำลังดูซีรี่ส์รักวัยรุ่นอยู่
“เริ่มหิวแล้วค่ะ แถวนี้มีอะไรขายพอให้รองท้องไหมคะ”
“หืม เพิ่งทานก่อนออกมาจากโรงแรมไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็ใช่แหละค่ะ”
“ไม่ต้องคุมอาหารเหรอ”
“ไม่ขนาดนั้นค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเราเดินไปที่ทางออกเร็วหน่อยไหม พี่ว่าน่าจะมีของขายอยู่นะ”
“ค่ะ”
หทัยชนกเดินไปต่อได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันมาจับมือของชายหนุ่มที่เดินตามหลังให้เดินไปด้วยกัน
“ทำไมต้องเดินตามหลังด้วยล่ะคะ เดินไปพร้อมกันดีกว่าค่ะ”
วชิรวิษมองหญิงสาวด้วยแววตาอบอุ่น เขารู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่หญิงสาวยังเด็กจนปัจจุบัน เขามักจะคอยเดินตามหลัง ให้เธอเดินนำหน้าเขาอยู่หนึ่งก้าวเสมอ เพื่อที่เขาจะได้มองเห็นเธอได้ชัดเจนและคอยระวังให้เธอ
แต่ในวันนี้เขาได้รู้แล้วว่าหทัยชนกรับรู้มาตลอดในสิ่งที่เขาทำ และเธอเองก็เป็นฝ่ายบอกให้เขาขยับขึ้นมาเดินไปพร้อมกัน
“โตแล้วนะเรา” ชายหนุ่มพูดคำที่แฝงนัยยะออกไปเพื่อรอดูว่าหญิงสาวจะรู้ความหมายหรือไม่
“โตนานแล้วค่ะ” หทัยชนกเองก็ตอบนัยยะนั้นไปเช่นกัน
“จ้ะ”
สองคนเดินจับมือไปด้วยกันจนถึงทางออก เมื่อออกมาด้านนอกก็เห็นมีรถเข็นขายของอยู่ไม่กี่คัน แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีของกินเล่นให้หญิงสาวได้กินรองท้อง
“เราแยกไปไหม เฟิร์นอยากไปไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีที่อยากไปค่ะ เฟิร์นไม่รู้ว่าที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง”
“อืม.....งั้นไปวัดบนเขาไหม แต่ทางไปจะน่ากลัวนิดหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ ไม่ไปพร้อมพวกเขา ไม่เป็นอะไรเหรอคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ เราแค่ไปก่อนพวกเขา พวกเขาจะไปตามโปรแกรมในวันอื่น แต่ก็ต้องถามความสมัครใจของพวกเขาด้วยว่าอยากไปไหม เพราะถึงจะสวยแต่ก็อันตราย”
หทัยชนกไม่ตอบอะไร เธอปล่อยให้เขาเป็นผู้นำ ไม่ว่าเขาจะพาไปที่ไหน ถ้าเธอเห็นว่ามันไม่ได้อันตรายต่อตัวเธอและเขา เธอก็พร้อมจะไปกับเขา
หลังจากเที่ยวสถานที่ต่างๆ และแวะไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารก่อนกลับเข้ามายังที่พัก ทั้งคู่ก็ต้องพบว่าทางโรงแรมไม่สามารถเปิดห้องพักใหม่ให้กับพวกเขาได้เพราะตอนนี้ไม่มีห้องไหนว่าง ถึงจะไม่ใช่ช่วงเทศกาล แต่ด้วยความที่เป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยว จึงทำให้ที่พักที่นี่เต็มตลอด
“ทำยังไงดีคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปนอนกับเจ้าดินก็ได้ เฟิร์นก็อยู่ห้องนี้ไป”
“แต่พี่คิวไม่ชอบอยู่ร่วมกับใครไม่ใช่เหรอคะ”
“.....รู้ได้ยังไง” ชายหนุ่มแอบแปลกใจที่หญิงสาวรู้นิสัยของเขา
“เดาเอาค่ะ เฟิร์นไม่ได้เพิ่งรู้จักพี่นะ”
“แต่เฟิร์นก็นอนห้องพี่ได้นะ ลืมหรือเปล่า”
“ไม่เหมือนกันนี่คะ พี่คิวเองก็รู้”
“.....เฟิร์นรู้เหรอ”
“ค่ะ”
“.....แล้วทำไมไม่บอกพี่ ว่าเฟิร์นรู้”
“ก็พี่คิวไม่ถาม.....”
“ตัวแสบ”
หญิงสาวยิ้มทะเล้นใส่ชายหนุ่มที่ส่ายหน้ากับความขี้เล่นของเธอ ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้แก่ใจดีว่าเรื่องที่คุยหมายความว่าอย่างไร เพียงแต่ไม่มีใครพูดมันออกมา
“เอาล่ะ แล้วจะเอายังไง อีก 3 คืนที่เหลือนี้”
“แล้วแต่พี่คิวเลยค่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าแล้วแต่พี่”
“.....ค่ะ”
“งั้นก็ตามนั้น”
หทัยชนกหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มมีอาการมันเขี้ยวเธอ แต่เธอรู้ดีว่าเขาจะไม่เป็นอันตรายกับตัวเธอแน่นอน
เช้าวันต่อมา
“ฮัลโหล” มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายโดยที่ไม่ได้ดูว่าปลายสายคือใคร เพราะเขารู้ดีว่าถ้าโทรมาแต่เช้าแบบนี้จะมีอยู่แค่คนเดียว
‘นาย ทางพนักงานประชุมกันเมื่อคืน พวกเขาบอกว่าจะจัดโปรแกรมใหม่กันเอง ให้ต่างคนต่างเที่ยวได้เลย’
“ยังไง”
‘คงจะแบ่งสายกันไปนั่นแหละ ว่าทีมไหนอยากไปไหน แล้วแบ่งรถกันไป’
“อืม ตามใจ”
‘ครับ’
หลังจากดนัยวางสายไป ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงที่ยังนอนอยู่บนเตียงตั้งใจจะหลับต่อ แต่เมื่อพลิกตัวกลับมาก็ต้องสะดุ้งที่ไม่เห็นร่างบอบบางนอนอยู่อีกฝั่งของเตียง
“ตื่นเร็วจัง” พึมพำกับตัวเองยังไม่ทันพ้นนาที หญิงสาวก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ
วชิรวิษขยับกายนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง ดวงตาคมมองใบหน้าหวานที่ขาวใสแม้ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม
“คะ?”
“มานี่สิ”
หญิงสาวเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียงข้างๆเขาอย่างว่าง่าย ก่อนที่เธอจะปล่อยมือจากผ้าขนหนูผืนเล็ก เมื่อเจ้าของร่างสูงดึงมันไปถือแล้วเช็ดผมให้เธอ
“เราไม่ต้องรีบทำตามโปรแกรมแล้วล่ะ”
“ทำไมคะ”
“พวกเขาขอจัดโปรแกรมกันเองน่ะสิ”
“อ้าว.....”
“คงมีที่เที่ยวที่อยากไปล่ะมั้ง บางคนก็คงไม่ได้อยากเที่ยว เลยอยากจัดการแบ่งโปรมแกรมกันเอง”
“.....”
“เฟิร์นอยากไปไหนไหม”
“อยากไปนอนเล่นริมทะเลค่ะ”
“เอาไว้ตอนเย็นก็แล้วกัน แดดจะได้ไม่ร้อน”
“ค่ะ”
“หิวหรือยัง”
“นิดหน่อยค่ะ ยังเช้าอยู่เลยนี่คะ”
“งั้นรอพี่แป๊บนะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่เห็นว่าเส้นผมยาวสลวยเริ่มแห้งแล้ว ผ้าขนหนูผืนเล็กก็ถูกส่งคืนให้กับเจ้าของ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปโดยมีดวงตากลมโตมองตาม