เข้ารังศัตรู

1733 Words
ตอนที่ 4 ณ คฤหาสน์หรูของ..ลูเซียโน คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูงนอกเมืองมิลาน ราวกับปราสาทโบราณของกรุงโรม เมื่อรถตู้คันหรูของเมญาดาเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ลวดลายวิจิตรบรรจงที่เปิดออกโดยบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำสนิทสองนาย ไฟสปอตไลท์ส่องสว่างจับจ้องไปยังรถยนต์คันงามที่แล่นเข้าไปจอดอย่างนุ่มนวลบนลานกว้างอันโอ่อ่าราวกับลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ทันทีที่รถจอดสนิท บานประตูฝั่งผู้โดยสารก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วโดยบอดี้การ์ดอีกนายที่ยืนรออยู่แล้ว ญาดาลงจากรถด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย ในขณะที่ชัชชนน์ก้าวตามลงมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจกับความหรูหราที่เขาได้สัมผัส และแล้วร่างสูงใหญ่ของลูเซียโนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าบันไดทางขึ้นของคฤหาสน์หลังงาม แสงไฟจากโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ส่องสว่างลอดออกมา ทำให้เห็นใบหน้าคมเข้มที่ฉายแววตกใจอย่างชัดเจนเมื่อเห็นลูกสาวในสภาพที่ดูไม่ค่อยดีนัก เขาก้าวลงบันไดมาด้วยท่าทีรีบร้อน ราวกับพญาอินทรีที่โผลงมาจากยอดเขาเพื่อปกป้องลูกน้อย “ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหมญาดา?” ลูเซียโน เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยความห่วงใย ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวพิเคราะห์ร่างบอบบางของลูกสาวอย่างถี่ถ้วน น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นเครือเพียงเล็กน้อย ทว่าแฝงไว้ด้วยความกังวลลึก ๆ ที่ฉายชัดบนใบหน้ากร้านโลกของเขา ก่อนจะหันมาจับจ้องมองชัชชนน์ ด้วยสายตาที่ประเมินอย่างละเอียด “ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยลูกสาวของผมไว้” น้ำเสียงของลูเซียโนแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้น ทว่านัยน์ตายังคงตรึงอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า “ด้วยความยินดีครับ” ชัชชนน์ ตอบด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม เยือกเย็นแต่ไม่แข็งกระด้าง ราวกับขุนเขาที่สงบนิ่ง ทว่าภายในกลับซ่อนไว้ซึ่งความแค้น ลูเซียโนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเอื้ออารี “ผมขอตอบแทนน้ำใจของคุณด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง” พร้อมกันนั้น เขาก็ผายมือไปยังซองสีน้ำตาลหนาที่ลูกน้องคนสนิทเตรียมพร้อมถือมาจากภายในคฤหาสน์อันโอ่อ่า ทว่า..ชัชชนน์กลับปฏิเสธอย่างหนักแน่นด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ที่ผมช่วย ผมมิได้ปรารถนาสิ่งใดตอบแทนเลยครับท่าน ผมยินดีที่ได้ช่วยเหลือคุณญาดาด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ” ถ้อยคำนั้นเอง กลับก่อให้เกิดความปลาบปลื้มในหัวใจดวงน้อยๆ ของเมญาดาที่ยืนเคียงข้าง ราวกับดอกไม้ที่ได้รับน้ำค้างยามเช้า เธอรู้สึกอบอุ่นในอกและประทับใจในความสง่างามแห่งจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง “รับไว้เถิดน่า” ลูเซียโนคะยั้นคะยอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ผมช่วยด้วยใจ มิได้หวังในสิ่งตอบแทนจริง ๆ ครับ” ชัชชนน์ ปฏิเสธอีกครั้ง ดวงตาคมกริบสบตาลูเซียโนอย่างแน่วแน่ ลูเซียโนพยักหน้าช้าๆ แววตาฉายความชื่นชมในความมีน้ำใจของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ “ถ้าเช่นนั้น...คุณสนใจจะมาร่วมงานที่บริษัทของผมมั้ย? ผมกำลังมองหาคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ไว้ใจได้มาช่วยงานอยู่พอดี เห็นลูกสาวผมเล่าว่าคุณจบวิศวะมาใช่มั้ย?” ดวงตาคมกริบของชัชชนน์เปล่งประกายวูบหนึ่ง ราวกับเห็นแสงแห่งรุ่งอรุณ ทว่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว นี่คือห้วงเวลาที่เขาเฝ้ารอคอย โอกาสอันล้ำค่าที่จะได้เข้าใกล้ลูเซียโน และสืบสาวราวเรื่องเบาะแสแห่งอดีตอันขมขื่นของบิดา “ผมยินดีรับข้อเสนอของท่านครับ” ชัชชนน์ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบมั่นคง ราวกับผืนน้ำทะเลที่สงบนิ่งก่อนพายุจะมา ทว่าภายในดวงตาคมกริบกลับฉายแววแห่งความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ราวกับนักรบที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่สมรภูมิรบโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด หลังจากนั้น กลุ่มบอดี้การ์ดก็ทำตามคำสั่งของลูเซียโน โดยการขับรถยนต์หรูไปส่งชัชชนน์ยังจุดหมายตามที่เขาต้องการ เขาไม่ประสงค์จะเปิดเผยที่พักอาศัยที่แท้จริง จึงให้กลุ่มบอดี้การ์ดจอดรถเพียงแค่หน้าร้านกาแฟก่อนหน้านี้ ราวกับไม่ต้องการทิ้งร่องรอยที่ไม่นำไปสู่รังของตนเอง หลายวัน...ต่อมา หลังจากบทสนทนาผ่านแอปพลิเคชันแชทไลน์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องระหว่าง ชัชชนน์ และ เมญาดา วันนี้ชัชชนน์ก็ถือโอกาสอันดีแวะมายังคฤหาสน์หรูอีกครั้ง ราวกับต้องการสานสัมพันธ์กับหญิงสาวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทว่าในอีกนัยหนึ่ง เขากลับมาเพื่อย้ำถึงข้อเสนอของบิดาเธอที่เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายใต้ท่าทีสุภาพและรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคายนั้น กลับซ่อนไว้ซึ่งเป้าหมายอื่นที่แอบแฝงอยู่เบื้องลึก หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจปฏิเสธงานเดิมไปแล้ว โอกาสที่ลูเซียโนหยิบยื่นมาจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สืบเรื่องของบิดา พอเขาบอกเรื่องนี้กับเมญาดา เธอก็ดีใจมากและรีบพาเขาไปพบกับผู้เป็นบิดาทันที ลูเซียโน นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานหนังตัวใหญ่ มองหน้าชัชชนน์ด้วยสายตาที่คมกริบราวกับใบมีด แววตาของเขาประเมินชัชชนน์อย่างพิจารณา ราวกับเสือร้ายที่กำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเหยื่อ แม้ในใจจะรู้สึกขอบคุณที่ชายหนุ่มผู้นี้เคยช่วยเหลือลูกสาวของเขาไว้จากอันตราย แต่สัญชาตญาณบางอย่างที่สั่งสมมาตลอดชีวิตกลับกระซิบเตือนให้เขาต้องระวังภัยที่อาจแฝงมาในคราบของมิตร “ครั้งก่อนผมก็ลืมถามคุณไปเลย เห็นลูกสาวผมบอกว่าคุณมาจากเมืองไทยรึ” ลูเซียโนเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ “ครับท่าน ผมตั้งใจมาทำงานที่นี่ แต่พอดีช่วงนี้เป็นช่วงรองาน” ชัชชนน์ตอบด้วยท่าทีนอบน้อม ดวงตาคมกริบสบตาลูเซียโนอย่างไม่หลบเลี่ยง แต่ก็ไม่ได้แสดงความท้าทายใดๆ ออกมา “แหม่...ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง” ลูเซียโน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ซึ่งความนัยบางอย่าง พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานหนังตัวใหญ่ของเขาอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะผายมือเชิญให้ชัชชนน์เดินตามออกจากห้องทำงาน ราวกับต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้บทสนทนาบางอย่างไปถึงหูของลูกสาว ดวงตาคมกริบฉายแววเศร้าสร้อยอย่างที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนัก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยออกมา “ภรรยาของผม...แม่ของญาดา...เค้าก็เป็นคนไทยเหมือนคุณ แต่เสียดายที่เธอจากไปตั้งแต่ญาดายังเล็กๆ ...” น้ำเสียงของมาเฟียสูงวัยแผ่วเบา ราวกับหวนรำลึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวด เขาถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความอาลัย “หลังจากที่แม่ของญาดาเสียไป...ก็มีแค่ ชลธิชา...น้องสาวของเธอ...ที่คอยดูแลลูกสาวผมมาโดยตลอด...เธอเสียสละความสุขส่วนตัว...ทุ่มเททุกอย่างเพื่อหลานสาวคนนี้...” ลูเซียโนทอดสายตาไปยังชลธิชาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณและความผูกพันที่หยั่งรากลึก “อ่อ ครับ” ชัชชนน์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “อันที่จริงคุณควรจะรับเงินจากผม จะได้เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในช่วงนี้?” ลูเซียโน เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นชลธิชาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมกริบของมาเฟียสูงวัยจับจ้องไปยังชายหนุ่มตรงหน้า ราวกับต้องการอ่านความคิดในใจของเขา “อย่าเลยครับท่าน ผมเพียงแค่ทำในสิ่งที่ผมสมควรจะทำ ก็เท่านั้นเองครับ” ชัชชนน์ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น ดวงตาคมกริบสบตาลูเซียโนอย่างตรงไปตรงมา “ชลธิชา นี่คุณชัชชนน์ หนุ่มไทยที่ช่วยญาดาเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน” ลูเซียโน แนะนำเมื่อน้องสาวภรรยาเดินเข้ามาถึงบริเวณที่เขายืนคุยกับชัชชนน์ ชลธิชา เหลือบมองชัชชนน์เพียงแค่แวบเดียว ดวงตาคมกริบก็ฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนออกมาเสียแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มมุมปากจะฝืนยิ้มให้เขาเพียงเล็กน้อย “ยินดีที่ได้รู้จัก!!” น้ำเสียงของเธอเย็นชาจนสัมผัสได้ “เช่นกันครับ...” ชัชชนน์เอ่ยตอบอย่างมีมารยาท แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาจากหญิงตรงหน้า “ญาดาได้เวลาทานยาแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะพี่” ชลธิชากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตัดบท ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปหาหลานสาว โดยไม่รอให้ชัชชนน์ได้กล่าวอะไรต่อ ท่าทีของเธอราวกับต้องการกีดกันชัชชนน์ออกจากญาดาอย่างชัดเจน ดวงตาที่มองไปยังหลานสาวที่กำลังเดินเข้ามาบริเวณนั้นมันเต็มไปด้วยความหวงแหน แต่แววตาที่หันกลับมามองชัชชนน์เพียงเสี้ยววินาทีนั้น กลับเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองลึกๆ ชลธิชารีบจูงมือหลานสาวไปที่อื่นทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เมญาดาได้เดินไปหาบิดาและชัชชนน์ที่ยืนคุยกัน “ญาดาจ๊ะ..ถึงเวลาทานยาแล้วล่ะ” ชลธิชาเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับการออกคำสั่ง แต่เมื่อเห็นหลานสาวมีทีท่าจะไม่ฟัง น้าสาวจึงเอ่ยเสียงเข้ม “ญาดา!!! ตามน้ามาเร็ว” เธอรีบจูงแขนหลานสาวไปตามทางอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าญาดาจะหลุดมือไปหาชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น ดวงตาที่มองหลานสาวเต็มไปด้วยความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาที่หันกลับมามองชัชชนน์อีกครั้ง กลับแข็งกระด้างและแฝงไปด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างลึกซึ้ง ชลธิชารีบพาหลานสาวออกไปที่อื่นทันที ราวกับต้องการสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นระหว่างหลานสาวกับชัชชนน์ โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เดินเข้าไปหาชัชชนน์ที่ยืนคุยกับบิดาเลยแม้แต่น้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD