17.25 น.
"โมกลับก่อนนะคะ"
"กลับดีๆล่ะ เอ้าขนมเค้ก"
"ขอบคุณฮะคุณลุง!"
ฉันยิ้มให้ผู้จัดการพร้อมก้มหัวให้เขาเมื่อเขายื่นถุงขนมเค้กมาให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังจับมือฉันอยู่ โนริยิ้มกว้างพร้อมเอื้อมมือขึ้นรับถุงขนมจากมือผู้จัดการร้านฉันอย่างตื่นเต้น
"ขอโทษที่รบกวนอีกแล้วนะคะ"
"ไม่ป็นไรหรอกให้โนริรอที่โรงรียนมันอันตรายดูสิขนาดเด็กออกมายังไม่รู้กันเลย"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
ผู้จัดการพยักหน้าอีกครั้งฉันจึงเดินออกมาจากร้านที่ฉันทำงานพิเศษพร้อมกับโนริที่กำลังเดินกระโดดไปมาพร้อมกับมองเค้กในกล่องด้วยความดีใจ ฉันเอื้อมมือไปจับมือเล็กก่อนจะเตือนให้โนริมองถนนก่อนที่เราจะรีบวิ่งเพื่อขึ้นรถเมล์ที่กำลังจอดอยู่ที่ป้าย ฉันพาโนริมานั่งในที่นั่งเบาะก่อนก่อนจะหันมองโนริด้วยสายตาดุๆ
"ไหนบอกพี่หน่อยซิว่าทำไมถึงกล้าออกจากโรงเรียนแบบนี้?"
"หื้มม"
"ไม่ต้องเลยโนริ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่ามันอันตรายถ้าเราโดนจับไปพี่จะทำยังไง"
ฉันมองโนริด้วยสายตาจริงจังแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะไม่ใส่อารมณ์เวลาดุโนริ ปกติเวลาฉันดุฉันจะคุยและเตือนไปด้วยเพราะอย่างน้อยโนริก็จะได้ไม่รู้สึกกลัวและร้องไห้อีก
"ก็โนริไม่อยากนอนครูจะบังคับให้ผมนอนถ้าไม่มีใครไปรับ มี๊ก็ทำงานอ่ะแต่ๆๆแต่ริรู้ว่าริต้องมาหามี๊ยังไง" โนริรีบพูดผิดๆถูกๆทันทีขณะที่ดวงตาก็เบิกกว้างไปด้วยเมื่อเห็นว่าฉันมองอย่างไม่เชื่ออยู่ เด็กน้อยอยู่มือชี้โรงเรียนตัวเองที่รถเพิ่งผ่านก่อนจะหันมองมาที่ฉัน "เนี้ยใกล้ๆกันเองมี๊ให้ไหม?"
"ถ้ามีอีกพี่จะโกรธจริงๆนะโนริ"
"ไรง่า..." โนริยู้ปากก่อนจะมองฉันอีกครั้ง "กะได้ๆริสัญญา เอานิ้วก้อยมา"
ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยป้อมๆของโนริอย่างพอใจ โนริยิ้มก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิและหันมาทางฉันเต็มตัว
"พี่เหมเท่ห์มากเลยเนาะมี๊ เขามาช่วยริแล้วก็พามาส่งด้วยรถเขาแท้มากกกเหมือนรถของกัปตันอเมริกาเลยย"
โนริเริ่มโม้เรื่องของพี่เหมของเขาอีกแล้วหลังจากที่คุยให้พนักงานในร้านฟังไปแล้วครั้งนึง ดูแล้วโนริคงชอบคุณเหมอะไรนั้นมากจริงๆแล้วล่ะซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรและรู้สึกขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยพาน้องมาส่งให้ถึงร้าน อีกอย่างเขาก็เป็นลูกค้าประจำของร้านด้วย...มากี่ครั้งเขาก็สั่งเมนูเดิมๆฉันยังจำวันแรกที่เขามาสั่งได้อยู่เลย
'ลาเต้ปั่นเพิ่มหวานแต่ไม่ต้องหวานมาก'
ตอนนั้นพนักงานทั้งร้านงงหมดและมันคงเป็นโชคของฉัน(?)ที่วันนั้นเป็นวันทำงานของตัวเอง ฉันทำงานพิเศษเป็นบาริสต้าน่ะและวันนั้นฉันเลยต้องทำแม้จะงงหน่อยๆแต่เขาก็ดูโอเคนะ มันตรงตามที่เขาต้องการไหมไม่รู้แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมากินเรื่อยๆ
"นี่ๆวันนี้มี๊โทรมาไหมฮะ?"
"ตอนนี้ยังน่ะแต่เดี๋ยวก็โทรมาแหละแต่โนริต้องไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
โนริรีบพยักหน้าทันทีก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะรีบวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่ลืมที่จะหันไปทักทายคุณป้าเจ้าของตึกที่แบ่งห้องให้เราเช่าอยู่ อันที่จริงฉันอยากอยู่หอพักนะแต่กฎเยอะแถมค่าใช้จ่ายก็มากฉันเลยมาหาที่พักแถวโรงเรียนโนริแทน ฉันเดินตามโนริจนขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าที่เป็นชั้นของตัวเองขณะที่โนริก็ขึ้นมาถึงและเปิดประตูเข้าบ้านไปก่อนแล้ว
"เหมือนฝนจะตกเลยแฮะ"
ฉันมองไปที่ท้องฟ้าที่กำลังครึ้มก่อนจะเอาของตัวเองเข้าไปเก็บในบ้านและเดินออกมาเก็บผ้าเข้ามาพับจนเรียบร้อยฉันจึงทำอาหารต่อก่อนจะสอนการบ้านโนริจนเสร็จพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ตัวเองที่ดังขึ้น โนริที่กำลังนั่งระบายสีอยู่รีบวิ่งมาหาฉันทันทีพร้อมๆกับฉันที่กดรับสายวิดิโอที่ต่อมาจากทางไกล
"มี๊!!"
(โนริเป็นไงบ้างลูก)
"โนริคิดถึงมี๊ฮะ!"
ฉันกับพี่สาวหัวเราะออกมาพร้อมกันทันทีที่โนริตอบแม่ตัวเองอย่างไม่ตรงคำถาม ฉันจึงยื่นโทรศัพท์ให้โนริได้คุยและเห็นหน้าแม่ตัวเองชัดๆเพื่อให้เขาหายคิดถึง เธอเป็นทั้งพี่สาวของฉันและเป็นแม่ของโนริน่ะและเธอจะคอลมาหาแบบนี้อาทิตย์ล่ะครั้งซึ่งไม่แปลกที่โนริจะตั้งตารอที่จะคุยกับแม่ตัวเอง
พี่สาวฉันเธอไปทำงานที่ต่างประเทศนี่ก็จะครบสองปีแล้วมั่งที่ไปส่วนเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก..เราไม่มีเงินและพี่สาวฉันก็เลิกกับแฟนและแฟนของเขาก็ทิ้งหนี้ให้อีกกองโตปล่อยให้พี่รับอยู่คนเดียวพี่จึงต้องไปทำงานกับคนรู้จักที่นู้นซึ่งแรกๆก็หนักหน่อยเพราะยังปรับอะไรไม่ได้แต่ตอนนี้ฉันเลิกห่วงแล้วอย่างน้อยพี่ก็ยังสามารถคอลมาหาโนริได้
"มี๊ฮะมีอยากคุยด้วย"
โนริว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันหลังจากที่เขาคุยกับแม่ตัวเองมานานเกือบสามสิบนาทีฉันจึงเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากน้องและขยี้ผมโนริเบาๆ
(บอกกี่ครั้งแล้วครับโนริว่าให้เรียกพี่โมว่าพี่)
"ไม่เป็นไรค่ะพี่โนริคงชินแล้วล่ะ"
(เฮ้อเดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามีลูกน่ะสิโม)
ฉันยิ้มให้พี่บางๆและไม่ตอบอะไรเพราะชินแล้ว คือบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นที่มองมาหรอกฉันเลิกสนใจคำพูดพวกนั้นมานานมากแล้ว
(แล้วเป็นไงเงินพอใช้ไหม?)
"พอใช้ค่ะโมเพิ่งได้เงินวีคนี้"
(แล้วค่าเทอมล่ะ)
"โมได้ทุนไงพี่น้ำ พี่ลืมใช่ไหมเนี้ย"
(โอ้ยย โทษทีพี่ลืมสงสัยจะทำงานหนักไปหน่อย)
"พักผ่อนบ้างสิคะ"
(จ้าๆ เธอก็เหมือนกันอย่าห่วงแต่โนริ)
"ไม่ห่วงไม่ได้หรอกลูกพี่นี่นักผจญภัยอันดับหนึ่งเลยแหละ"
ฉันตอบพี่ขำๆก่อนที่เราจะคุยกันต่ออีกนิดหน่อยพี่จึงขอตัวไปทำงานเพราะถึงเวลาที่ต้องออกจากบ้านแล้วและฉันก็ต้องเตรียมชุดให้โนริใส่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ดีหน่อยที่โนริจัดกระเป๋าเป็นแล้วเลยไม่ต้องห่วงเท่าไหร่นัก
"ฝันดีนะโนริหวังว่าพรุ่งนี้จะรอพี่ไปรับโอเคนะ??"
"โอเคฮะ!"
เสียงเล็กตอบกลับมาเสียงดังก่อนที่ฉันจะหอมแก้มเจ้าตัวยุ่งเบาๆและห่มผ้าให้โนริหลังจากเล่านิทานให้เขาฟังไปแล้วหนึ่งเรื่องเหมือนทุกวัน ส่วนมากโนริมักจะชอบให้อ่านนิทานแนวผจญภัยล่ะแล้วคือฉันไม่แปลกใจเลยที่น้องฉันกล้าที่จะเดินมาหาถึงร้านเหมือนวันนี้ ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนของโนริและเดินมาที่ห้องตัวเอง
ฉันใช้เวลาหลังจากที่ส่งโนริเข้านอนในการอ่านหนังสือต่ออีกหน่อยก่อนจะเช็คข้อความต่างๆซึ่งส่วนมากก็ไม่มีอะไรมากนอกจากแชทกลุ่มที่พวกเพื่อนๆคุยกันมีบ้างที่เป็นกลุ่มไลน์ใหญ่ของคณะที่มีประเด็นนู้นนี่มาคุยบ่อยๆแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบเท่าไหร่หรอกเพราะไม่รู้จะคุยอะไรอีกอย่างฉันก็รู้จักคนน้อยด้วย และวันนี้ก็เหมือนทุกวันที่ฉันทำอะไรเดิมๆจนถึงเวลาเข้านอนซึ่งวันต่อๆไปมันก็เป็นแบบนี้เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ...
23.15 น.
"ไอ้เหี้ยเหม!"
"ไม่แหกปากสักวันหมาที่บ้านมึงจะตายหรอวะ?"
"ไม่เอาไม่แช่งหมากู!"
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะถอดหูฟังออกและหมุนเก้าอี้หันไปหาคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาในห้องผมอย่างถือวิสาสะ ไอ้คนหน้าด้านที่รู้รหัสห้องผมมีตัวเดียวและไอ้นั้นคือไอ้เชี้ยดิวผมมองเพื่อนตัวสูงของตัวเองก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ว่ามันจะพูดอะไร
"งานกูยังไม่เสร็จ"
"มึงทำงานเชี้ยไรกูเห็นวันๆเอาแต่หน้าแช่หน้าคอม??"
"กูเรียนกราฟิกมึงจะให้กูอยู่หน้าตู้เย็นรึไง?"
"คือกูก็เรียนเหมือนมึงป่ะ?"
"งั้นมึงต้องรู้ว่ากูไม่ว่างสิ"
"รู้" มันตอบพร้อมทำหน้ากวนตีน "รู้ว่าโปรเจคมึงกำลังล่มและมึงจะได้แดกเอฟ!"
"เวร"
ผมตีนยันไอ้ดิวให้ออกห่างจากโต๊ะคอมตัวเองทันทีที่มันกำลังเสนอหน้ามาดูหน้าจอผมที่ตอนนี้มันว่างเปล่าไม่มีงานเหมือนที่มันว่า ซึ่งมันก็จริงโปรเจคผมกำลังจะล่มและเอฟกำลังมาเยือนหากผมไม่มีอานิเมะดีๆสักเรื่องไปส่งอาจารย์
"อะไรหนักหนาวะก็แค่อานิเมะสั้นๆแค่นี้ไม่ทำให้อัจฉริยะอย่างมึงเครียดได้หรอกน่า"
"กูเครียดนะ"
"โถ่เหมมม"
"มึงไปเถอะกูไม่อยากแดก"
"ใครจะหารกะกูถ้ามึงไม่ไป"
"มึงต้องบอกว่าใครจะแบกมึงถ้ากูไม่ไปดีกว่าไหม?"
ผมถามเสียงเรียบพร้อมกับหมุนเก้าอี้หันมาที่จอคอมตัวเองอีกครั้ง มือผมเอื้อมไปหยิบดินสอมาร่างนั้นร่างนี่ไปเรื่อยๆอย่างเซ็งๆเพราะไม่ว่าจะร่างยังไงมันก็ไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่างสักที
"เออๆงั้นถ้ามึงเปลี่ยนใจตามมาได้ที่เดิม"
"วันหลังโทรมานะไม่ต้องเสนอหน้ามาถึงนี่"
"กูโทรแล้วครับพ่อมึงปิดเครื่องพวกนั้นเลยให้กูมาดูว่ามึงตายแล้วรึยัง"
"อ่า กูยังไม่ตายแค่ใกล้"
"เคกูไปแดกเหล้าล่ะ"
ไอ้ดิวว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผมโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูให้เสร็จสรรพปล่อยให้ผมอยู่กับกองกระดาษที่ไร้ชีวิตต่อไป และผมคิดว่าต่อไปผมคงจะไร้ชีวิตเหมือนกันหากในหัวยังไม่มีอะไรที่จะร่างแบบออกมา...ผมไม่อยากทำงานให้เสร็จเพียงเพราะต้องส่งอาจารย์แต่ผมอยากทำงานให้ดีไปเลยแต่แม่ง...ช่วงนี้โคตรไม่มีแรงบันดาลใจ
"น่าเบื่อ"
ผมหยิบซองบุหรี่ก่อนจะเดินออกมาที่ระเบียงห้องตัวเองและจุดบุหรี่สูบขณะที่สายตาก็จ้องมองไปที่ท้องฟ้ามืดมนตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ทำไมชีวิตมันน่าเบื่อขนาดนี้วะรึผมเรียนผิดที่ผิดทางไปหน่อย...ปีหนึ่งก็สนุกนะแต่ตอนนี้เริ่มเบื่อ เบื่อแม่งทุกอย่าง
"..."
ฟึ้บ..
นิ้วที่กำลังจะคีบบุหรี่ขึ้นสูบชะงักอยู่กับที่ทันทีที่จู่ๆในหัวก็มีความคิดนึงเข้ามาในหัว ผมรีบบี๋บุหรี่ทิ้งก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องและวาดรูปตามที่ในหัวคิดซึ่งไม่นานก็ได้รูปเด็กน้อยที่กำลังถูกเด็กที่โตกว่ารุมแย่งกระเป๋า ถึงแม้น้ำตาจะไหลเพราะความกลัวแต่มือก็จับสายกระเป๋าไว้แน่น...
"โนริ"
แปลก...ผมจำชื่อคนได้ว่ะ ริมฝีปากผมเหยียดยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมือ เขาเป็นเด็กที่ผมช่วยไว้เมื่อตอนเย็นและเด็กคนนี้โคตรจะพูดมากจนน่ารำคาญแต่แปลกจริงๆที่ผมจำโนริได้แล้วก็โมจิแม่ของเด็กนั้น ผมเป็นลูกค้าประจำของเธอ...จะว่าไงดีล่ะเธอทำลาเต้ได้ตรงตามที่ผมชอบผมจำหน้าเธอได้แม่นแต่ตกใจหน่อยๆตรงที่เธอมีลูกแล้วนี่แหละ
วันต่อมา
13.35 น.
"มาช้าแบบนี้มึงไม่ต้องมา"
"ให้กูนั่งก่อนค่อยด่าไม่ได้ไง จารมองกูล่ะเนี้ย"
ผมตอบไอ้ดิวทันทีที่เดินเข้ามาถึงเก้าอี้ที่มันจองให้ขณะที่ตอนนี้อาจารย์ก็กำลังสอนอยู่ คือที่ผมไม่รีบเพราะมันเป็นห้องเรียนรวมและไม่ใช่วิชาเอกส่วนมากอาจารย์จะเช็คชื่อท้ายคาบน่ะ
"เป็นไงงานมึงถึงไหนล่ะ?"
หลังจากที่เรียนไปซักพักไอ้ดิวก็หันมาถามผมขณะที่มันกำลังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ไปด้วย ผมยักไหล่
"กำลังเริ่ม"
"แรงบันดาลใจมึงมาล่ะว่างั้น?"
"กูคิดว่านะ"
"แต่กูยังไม่เริ่มเลยว่ะ"
"เรื่องมึงสิ งานเดี่ยวไม่ใช่งานกลุ่ม"
"ไม่คิดจะช่วยกูบ้าง?"
"เสียเวลา"
ผมตอบไอ้ดิวเสียงเรียบก่อนที่พวกเราจะเงียบเพราะสาวโต๊ะข้างหน้าหันมามอง พวกผมคงจะพูดกันดังไปจนรบกวนพวกเธอแหละแต่อย่างว่าเพราะคลาสนี้เป็นวิชาเลือกจึงมีคนจากหลายคณะมาเรียนด้วยอย่างน้อยมันก็ไม่น่าเบื่อ เอกผมผู้หญิงนับคนได้เลยมั่งเรียวคิ้วผมขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเหลือบมองไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่เพิ่งหันมองมาที่ผมเมื่อกี้นี้
"มึงจะเล่นเขาหรอวะนี่ก็มองจัง"
"มึงรู้จักโมจิไหม?"
"ห๊ะ!?" ไอ้ดิวหรี่ตาเมื่อผมเอียงตัวไปกระซิบถามมันเพราะกลัวว่าเธอหรือเพื่อนเธอที่นั่งอยู่ด้านหน้าจะได้ยิน "มึงรู้จัก?"
"สัสนี่ ก็ถ้ากูรู้จักกูจะถามมึงไหม?"
"ก็เห็นมึงรู้จักชื่อ"
"รู้จักแต่ชื่อ"
"ก็นึกว่ามึงจะจีบ อย่าเลยแม่งมีลูกแล้ว"
"...มีลูกแล้วมันเป็นไรวะกูงง?"
ผมถามจากใจจริงและโคตรจะงง คือเธอแค่มีลูกแล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้จะจีบผมแค่อยากคุยอะไรสักหน่อย
"นี่จะจีบจริงจัง?" ผมถอนหายใจออกมาเบาๆและเอียงตัวหนีแต่ไอ้ดิวถึงไว้ก่อน "โมจิอยู่เอกเคมีมีคนบอกกูว่ามีลูกแล้วแต่สามีนี่ไม่แน่ใจรู้สึกจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่เธอน่ารักนะอันนี้ต้องชม.."
"หุปปาก อยากรู้แค่เรียนเอกไหนแค่นั้นแหละ"
ผมขยับมานั่งตามเดิมทันทีทิ้งให้ไอ้ดิวนั่งงงในดงนักศึกษาต่อไปอย่างไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม ให้มันเข้าใจแบบนั้นแหละเพราะผมขี้เกียจพูด ผมเหลือบมองไปที่เธออีกครั้งก่อนจะเห็นว่าโมจิกำลังมองมาอยู่เธอผงกหัวและยิ้มให้ผมนิดๆก่อนจะหันไปเรียนต่อ
14.35 น.
"กูกลับก่อน"
"คืนนี้แดกเหล้านะ"
"เออๆ"
ผมรับคำไอ้ดิวส่งๆก่อนจะรีบเดินไปที่จอดรถของตัวเองหลังจากเรียนเสร็จ ผมมองไปรอบๆโรงจอดรถก่อนจะขับรถออกมาเพราะในนี้ไม่มีคนที่ผมต้องการคุยเธอไม่มีรถขับแล้วกลับไงวะ หรือรถเมล์ผมขับรถตัวเองไปที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะพบว่าเธออยู่ที่นั้นจริงๆ
"โมจิ"
"..."
ร่างเพรียวที่ยืนค่อยรถเมล์อยู่ชะงักทันทีที่ผมขับรถมาจอดทียบป้ายที่เธอยืนขณะที่มีนักศักษาอีกราวๆสิบคนยืนอยู่ซึ่งพวกเขาก็ดูสนใจทันทีที่เห็นผมขับมาจอดแบบนี้ผมจึงถอดหมวกและลงจากรถไปยืนข้างๆเธอ
"เอ่อ มีอะไรรึป่าวคะ?"
"คุยธรรมดาก็ได้เราอายุเท่ากันนิ"
"...โอเค แล้วมีอะไรหรอ"
เธอมองมาที่ผมอย่างงงๆซึ่งผมก็มองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ
"เราอยากจะเจอลูกเธออีกน่ะ"
"ห๊ะ?"
"ลูกเธอไงโนริน่ะเราอยากเจอ"
"ทำไม?"
"จะว่าไงดี เหมือนลูกเธอเพิ่งจุดประกายอะไรสักอย่างในหัวเราน่ะ" โมจิเงียบไปทันทีที่ผมตอบแบบนั้นซึ่งมันก็เป็นคำตอบตามที่ผมคิดอ่ะ ผมไม่ถนัดพูดอะไรให้ใครเข้าใจด้วยสิ "จะไปรับโนริไหม ไปด้วยได้รึป่าว?"
"เอ่อ..."
"มาดิ ไม่ต้องกลัวไม่พาล้มหรอก"
ผมตอบโมจิอีกทีและเดินมายืนรอเธอที่บิ๊กไบค์ตัวเองเมื่อเธอไม่ยอมตอบอะไร โมจิมองผมอย่างทำอะไรไม่ถูกขณะที่ผมก็มองเธอเรามองกันนานนับนาทีจนรถเมล์ขับเข้ามาจอดนั้นทำให้โมจิต้องรีบตัดสินใจ เธอถอนหายใจเสียงดังก่อนจะยอมเดินมาที่ผมผมจึงเหยียดยิ้มนิดๆและยื่นหมวกตัวเองให้โมจิซึ่งเธอก็ยอมรับไว้
"ก็แค่นี้"