"อย่าบีบให้ฉันต้องรังแกผู้หญิง"
เสียงทุ้มพูดลอดไรฟันด้วยความโมโห ไม่แปลกใจที่เพื่อนสนิทเขาควงเธอไปไหนมาไหนด้วยตั้งนาน แต่ทว่าความสัมพันธ์ไม่คืบหน้า เพราะดูเป็นผู้หญิงประหลาดแบบนี้นี่เอง
"ผู้ชายแบบพี่นี่น่าสนใจดีนะคะ ทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้ฉันอยากได้พี่ไปแล้วและก็ต้องได้ด้วย"
ใบเฟิร์นยังพูดยั่วอารมณ์เขาไม่หยุด เธอถนัดอยู่แล้วเรื่องปั่นประสาทคนอื่น ยิ่งเป็นผู้ชายความคิดสกปรกแบบเขาเธอยิ่งชอบ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะทนฟังได้สักกี่น้ำ
"อย่าร่านให้มากนะ"
"....."
"จะบอกอะไรให้เอาบุญ เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันก็เลือกนะ ผู้หญิงแบบเธอฉันไม่แหย่ให้เสียเวลาหรอก"
คนตัวเล็กอึ้งไปทันที โดนพูดตอกใส่หน้าจนหน้าชา ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะปากจัดได้ขนาดนี้
"แน่ใจเหรอคะ ว่าไม่อยากแหย่ ถ้าฉันนอนแบให้ ฉันว่าคนแบบพี่คงกลืนกินฉันไปทั้งตัว"
"ออกไปจากที่นี่!!! ก่อนที่ฉันจะให้คนของฉันมาลากเธอออกไป"
เสียงทุ้มตะโกนออกมาดังลั่นอย่างเหลืออด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบเธอมาก่อน"ขนาดพวกทำงานอย่างว่า ยังดูมีศักดิ์ศรีมากกว่าเธอเลย เธอมันทำตัวไร้ค่า ไร้ราคา"
รถหรูกระชากตัวออกจากจุดจอดทันที ทำให้คนตัวสูงที่ยืนเกาะกระจกกระเด็นไปอีกทาง คนขับอย่างใบเฟิร์นเหลือบมองกระจกด้านหลัง ก่อนจะยิ้มสะใจออกมา แต่ทว่าขับมาได้ไม่เท่าไหร่เธอก็ต้องขับเข้าจอดข้างทางและฟุบหน้ากับพวงมาลัยร้องไห้ออกมาทันที
"ฮึก ฮึก"
เธอพอจะรู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ชอบเธอขนาดนี้ เมื่อก่อนยังพอเข้าใจได้ว่าเพราะกลัวเธอจะไปแย่งพี่ฟรินท์มาจากพี่สาวของตัวเอง
แต่ในตอนนี้ที่พี่ฟรินท์แต่งงานมีลูกไปแล้ว และเธอก็ยอมรับทุกอย่าง ไม่ได้ไปคิดยื้อแย่งกลับมาและเธอก็ยอมรับได้มาตั้งแต่ก่อนที่เขาสองคนจะแต่งงานกันแล้วด้วย เพียงแค่ไม่ได้ไปป่าวประกาศให้ใครรู้แค่นั้นเอง
แต่ทำไมเขาถึงยังคิดแบบนั้นกับเธออยู่ ทำราวกับว่าเธอจะไปเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่แล้วอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดแบบนั้น ที่ร้องไห้ไม่ใช่แค่ความเสียใจ แต่เธอคับแค้นใจที่เขาตัดสินเธอโดยที่ยังไม่รู้จักเธอดีพอ
ครืด! ครืด!
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นระรัว จำได้ว่าก่อนหน้าไทเกอร์เป็นคนหยิบโทรศัพท์ของเธอไปเพื่อจะลบเบอร์ติดต่อของฟรินท์ แต่ทว่าไม่ทันได้มองว่าเขาเอาโทรศัพท์เธอวางไว้ตรงไหน ก่อนจะเหลือบไปเห็นตรงคอนโซลตรงหน้าเบาะข้างคนขับ
“ไม่ใช่เครื่องนี้นิ”เมื่อหยิบมาดูก็ไม่พบแจ้งเตือนหรือสายเรียกเข้าจากเครื่องของเธอ แต่ทว่ายังคงได้ยินเสียงสั่นอยู่ เลยมองหาที่มาของเสียงนั้น จนไปเจอแสงไฟจากหน้าจอตรงซอกเบาะรถ เมื่อหยิบมาดูมุมปากเล็กก็ยกขึ้นเพราะรูปหน้าจอเป็นรูปของเจ้าของสนามแข่งที่ด่าเธอเมื่อกี้นี้
เธอนั่งรอจนมีสายเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ถึงกดรับสาย“ฮัลโหล”
(ทำไมโทรศัพท์ฉันถึงไปอยู่ที่เธอ)
“พี่ทำตกไว้เองนะ ฉันไม่ได้ขโมยมาเสียหน่อย”
(แน่ใจเหรอ ไม่ใช่ว่าเป็นแผนของเธอหรอกใช่ไหม)
“ตอนแรกก็ไม่ใช่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจเป็นแผนการของฉันก็ได้ค่ะ”
(คิดไว้ไม่มีผิด)
“ถ้าอยากได้คืน พี่ต้องมีอะไรมาแลกนะคะ”
(เธอต้องการอะไร?)
ใบเฟิร์นยิ้มเยาะออกมา พอจะเข้าใจว่าโทรศัพท์คงสำคัญกับนักธุรกิจแบบเขามาก แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดเธอที่เขามาทำตกไว้ในรถและตอนนี้เธอก็ไม่อยากคืนเขาด้วย
"ยังคิดไม่ออกค่ะ ไว้คิดออกจะโทรไปบอกนะคะ"
(อย่ามาเล่นบ้า ๆ นะ เธอก็รู้ว่าโทรศัพท์สำคัญกับฉัน)
"ไม่มีตรงไหนที่ฉันล้อเล่นพี่เลยนะคะ ตอนนี้ฉันโคตรจริงจังเลย ที่บอกว่าไม่ว่างก็จริงจังเหมือนกัน"
เธอรู้ว่าตอนนี้เขาคงกำลังโกรธเธอมากแค่ไหน แต่เขาเป็นคนเริ่มเรื่องนี้มาก่อน เขาทำให้เธอเสียความรู้สึก ทำให้เธอหมดเวลาที่เธอจะได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว โดยไม่มีใครมาบังคับกะเกณฑ์อะไรในชีวิต
หากพ้นจากสนามแข่งไปแล้ว เธอก็ต้องกลับมาเป็นใบเฟิร์นลูกสาวที่แสนดีของคนเป็นแม่ ที่ต้องคอยทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่ว่าแม่จะหาผู้ชายมาให้เธอสักกี่คน เธอก็ต้องยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน โดยที่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกข้างในของเธอเลยแม้แต่น้อย
(ฉันให้เวลาเธอสิบนาที เอาโทรศัพท์มาคืนฉันเดี๋ยวนี้)
"ตกลงพี่จะเอายังไงกันแน่คะ เมื่อกี้พี่ไล่ให้ฉันออกจากสนามแข่งพี่และไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีก มาตอนนี้จะให้ฉันกลับไป อย่าทำตัวย้อนแย้งไปหน่อยเลยค่ะ"
(.....)
"ตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว ไว้เมื่อไหร่ว่างฉันจะเอาไปคืนนะคะ"
(นี่ทะ....)
เธอกดวางสายเขาไปทันที พร้อมกับกดปิดเครื่องไปด้วย เอามือลูบหน้าของตัวเองที่ยังเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา พลางถอนหายใจออกมา
ด้านไทเกอร์หลังจากที่อีกฝ่ายตัดสายไป เขาก็เดินไปเดินมาในห้องทำงาน หงุดหงิดงุ่นง่านที่ผู้หญิงคนนั้นทำแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าโทรศัพท์สำคัญกับเขาขนาดไหน แต่เธอก็ยังทำเหมือนเด็กเล่นขายของ กดโทรออกไปหลายครั้งแต่พบว่าเธอปิดเครื่องของเขาไปแล้ว
"เธอจะเอาแบบนี้กับฉันใช่ไหมใบเฟิร์น"
กรามหนาขบเข้าหากันแน่น ก่นด่าเธอในใจไม่หยุด ผู้หญิงคนนี้กำลังทำให้เขาหมดความอดทน เธอกดวางสายใส่เขาไม่พอ ยังกดปิดเครื่องไปด้วย ทำให้อารมณ์โกรธเขาตอนนี้พุ่งสูงขึ้นไปอีก
แกร๊ก!!!
เสียงเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เมื่อหันไปดูก็พบว่าเป็นฟรินท์ที่เดินผิวปากมีความสุข ช่างตรงข้ามกับอารมณ์เขาตอนนี้ จนขัดลูกหูลูกตาไปหมด"มึงมาทำไมตอนนี้?"
"อ้าว ถามแปลก ๆ กูก็มาดูเอกสารให้มึงไงว่ะ"
เห็นหน้ามันแล้วก็โมโห เพราะเด็กเก่ามันคนเดียวที่ทำให้เขาเป็นบ้าอยู่แบบนี้และเหมือนฟรินท์จะสังเกตุเห็นอาการไม่ปกติของเพื่อนสนิท
"เป็นไรว่ะ หน้ามึงเหมือนพร้อมจะฆ่าใครก็ได้ คงไม่ใช่กูหรอกนะ"
"....."
"มึงก็รู้กูต้องช่วยพี่สาวมึงดูแลลูก จะมาพาลโกรธกูไม่ได้นะ มึงเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องห่วงงานที่นี่ มึงทำได้สบายมาก"
เพราะคิดว่าเพื่อนไม่พอใจตัวเองที่พักนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาที่สนามแข่ง เลยพูดแก้ตัวเสียยืดยาว แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่พอใจอยู่
"นี่มึงโกรธกูจริงเหรอว่ะ?"
"ไม่ใช่มึง"
"แล้วใครทำให้เพื่อนกูหัวร้อนขนาดนี้ได้ว่ะ"
"มึงถามเพราะจะไปจัดการให้กูเหรอว่ะ"
ฟรินท์ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา"เปล่าว่ะ กูแค่อยากบอกว่าเก่งฉิบหายที่ทำให้มึงหัวร้อนได้"
"เพราะมึงนั่นแหละไอ้สัดฟรินท์ นั่งทำงานมึงไปเงียบ ๆ เลยนะ"
เขาเลิกสนใจเพื่อน ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เอาแต่คิดว่าจะทำยังไงให้เขาได้โทรศัพท์กลับคืนมา ป่านนี้ถ้าเธอไม่ปิดเครื่อง เขารับรองได้ว่าสายจะต้องไหม้แล้วแน่นอน
จะให้ถามเบอร์ติดต่อผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนเขาก็ไม่ได้ ไม่อยากให้มันนึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีก ตอนนี้คงมีทางเดียว คือเขาต้องรอให้เธอติดต่อมาหาเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่และต้องรออีกนานแค่ไหน
"พักนี้มึงเครียดเกินไปหรือเปล่าว่ะ ไอ้ธันโทรบอกกูมึงไปเมาผับมันทุกวัน"
"กูก็ไปแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วไหมว่ะ แล้วมันเสือกมาสงสัยอะไรกู"
"กูก็แค่..."ฟรินท์จ้องหน้าเพื่อนก่อนจะเอ่ยต่อ"กลัวมึงเหงา"
"สัดฟรินท์ กูจะสามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กที่จะให้มึงคิดแบบนี้นะโว้ย!!"