ส่วนภามไม่ได้ทิ้งตัวลงไปนอนข้าง ๆ กับกีรกาน แต่เลือกที่จะจ้องหน้าของเจ้าหล่อนแทน มือสั่น ๆ ของกีรกานยกขึ้นแล้วผลักอกแกร่งหวังให้เขาออกไปจากตัว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ภามขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“ออกไปจากตัวของกั้งนะ แล้วถ้าพอใจก็หย่าให้กั้งด้วย”
ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงรอยยิ้มที่บาดหัวใจดวงน้อยเพียงเท่านั้น เพราะเห็นว่าภามมีรอยยิ้ม ทำให้คิดไปได้ว่าเขายิ้มเยาะที่เธอนั้นง่าย
“ถ้าฉันอยากจะหย่าเมื่อไหร่แล้วจะบอก” เขาว่าคล้ายเสียงกลั้วหัวเราะ และน้ำเสียงมันก็ดูเหยียดหยามและดูแคลนเสียจริง ก่อนจะขยับไปจากตัวของคนร่างบางแล้วไปคว้ากางเกงพร้อมกับเสื้อขึ้นมาสวมใส่ กีรกานก็รวบผ้าห่มขึ้นมาปิดคลุมร่างกาย สองมือกำแน่นนึกอยากจะฆ่าตัวเองที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก
ก่อนที่ภามจะเปิดประตูเพื่อออกจากห้องไป ไม่วายหันไปมองกีรกานอีกหนึ่งครั้ง
เพียงประตูบานนั้นปิดลง น้ำตามันก็หยดแหมะลงมาจากหางตา ความเจ็บช้ำมันวิ่งมาทะลุทะลวงร่างกายจนตอนนี้หากเปรียบมันเหมือนกันมีด ร่างกายของเธอคงจะพรุนไม่เหลือชิ้นดี
กีรกานไม่เคยคิดเลยว่าภามจะร้ายถึงขนาดนี้ เขายังจะคิดรั้งเธอไว้เพื่ออะไร ในเมื่อเขาเองก็อยากจะปล่อยมือจากเธอแล้วไปหาสรัลชนาใจจะขาด ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่คิดจะพาสรัลชนาไปเหยียบย่ำหัวใจเธอถึงที่ไร่
หรือยังจะต้องการทรมานให้เจ็บปวดอีก เขาไม่รู้เลยหรือว่าสามปีที่ผ่านมา ความเย็นชาไร้หัวใจของเขามันทำให้หัวใจเธอทรมานเกินครึ่งดวงไปแล้ว หากเขายังต้องการแก้แค้นกันอีก เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานหัวใจดวงนี้คงจะหยุดเต้นเพราะทนความปวดร้าวไม่ไหว
บทที่ 5
ยิ่งเจ็บช้ำ
“ทำไมถึงมาบ้านฉันได้”
ขวัญเกล้าร้องถามทันทีที่อย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีใครเดินเข้ามาในบ้านของตนเองเพราะจำได้ว่าอีกฝ่ายเคยประกาศกร้าวว่าจะไม่มาอีก
“มาตกลงเรื่องหย่าแทนหลานชายฉัน ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่เหยียบมาที่นี่หรอก” แขกผู้มาใหม่เชิดหน้าขึ้นตอบแถมน้ำเสียงก็ห้วนกระด้าง ก่อนจะแอบมองด้วยสายตาคั่งแค้น
บุคคลที่พูดก็คือ เขมจิรา ยายของภาม ซึ่งเรื่องบาดหมางที่ทำให้สองครอบครัวแตกหักกันก็คือการตายของทั้งบิดาและมารดาของภามนั่นเอง จึงทำให้ผู้ที่เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ ระหว่างเขมจิราและขวัญเกล้ามองหน้ากันไม่ติด และคนที่เลือกจะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนก็คือเขมจิราแถมในใจยังมีแต่ความจงเกลียดจังชังเท่านั้นที่มอบให้
ยามได้รับรู้ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายมาเหยียบที่นี่ ก็ทำให้ดวงตาของขวัญเกล้าวาววับและหันไปมองต้นเรื่อง “อยากจะแต่งจนตัวสั่นขนาดนั้นเลยหรือแม่สอง”
“สอง…”
สรัลชนาถึงกับอ้ำอึ้งไม่รู้ว่าจะโต้ตอบไปว่าอย่างไร ในเมื่อเรื่องที่พูดก็คือเรื่องจริง เธออยากจะได้ภามมาครอบครองและไม่คิดจะทิ้งโอกาสนี้ไปแน่ ทั้งชีวิตมีเพียงผู้ชายคนนี้คนเดียวที่อยู่ในสายตา
“ใช่ ฉันอยากให้หลานแต่งงานกับคนของฉัน ไปบอกแม่นั่นลงมาคุย ฉันจะได้จัดการ อยากได้เงินเท่าไรก็ว่ามา”
สรัลชนาคือเด็กที่เธออุปการะมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กเพราะถูกชะตาและสงสาร ที่สำคัญกัลยกรก็เอ็นดูสรัลชนามากเช่นกัน ลูกสาวเธอรักใคร เธอก็รักด้วย โดยบ้านเด็กกำพร้าที่สรัลชนาเคยอยู่ก็อยู่ใต้ความช่วยเหลือของกัลยกร
“ก่อนเธอจะมาคุยกับคนของฉัน ฉันว่าเธอไปคุยกับหลานรักของเธอก่อนเสียดีกว่า เพราะตาภามมาประกาศปาว ๆ ว่าไม่หย่า”
ไม่ใช่แค่ไม่ประกาศว่าไม่หย่า แต่อย่านึกว่าหล่อนไม่รู้ไม่เห็นการมาของภามในคืนนั้น เธอเห็นชัดเจนว่าไอ้หลานตัวดีออกมาจากห้องนอนของกีรกาน เธออยากจะเอาไม้มาตีกบาลเสียด้วยซ้ำ
หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยจะแสดงความเป็นสามี แต่พอมาตอนนี้กลับมาแสดงมัน ภามไม่ต่างจากหมาหวงก้างเลยสักนิด
“ฉันมีวิธีทำให้ตาภามหย่าได้ ฉันต้องการได้รับคำยืนยันจากแม่นั่นว่าจะหย่า”