ฉันไม่รู้ว่าตัวเองรอดพ้นช่วงบ่ายของวันนี้มาได้ยังไง
ตั้งแต่ก้าวเข้าบริษัทมาจนถึงตอนนี้ ฉันโดนกดดันสารพัด ทั้งจากไอรีนที่เดินป้วนเปี้ยนเหมือนแมวขี้อ้อนให้สุธาสงสาร ทั้งจากพนักงานบางคนที่มองฉันเหมือนเป็นตัวร้ายในละครน้ำเน่า และที่หนักสุดก็คือสุธาเอง ที่เอะอะอะไรก็หาเรื่องจับผิดฉันตลอดเวลา
โอ้โห นี่มันงานหรือสนามรบกันแน่วะ!?
ยิ่งเวลาผ่านไป ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ถ้าฉันเป็นแค่ตัวเอง คนอย่างฉันไม่มีทางทนเรื่องไร้สาระแบบนี้แน่ ฉันจะเดินออกจากบริษัทนี้ไปเดี๋ยวนี้เลย!
แต่เดี๋ยวก่อน…
ทันทีที่ฉันคิดจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วสะบัดก้นออกจากที่นั่ง คำพูดของกอหญ้าก็ดังขึ้นมาในหัว
“คุณหนูลินนาเป็นคนขอเข้ามาทำงานเองนะคะ”
ฉันนิ่งค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ
ฉันเนี่ยนะ? ฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไม่เคยเอ่ยปากสักนิด
แต่ตอนนี้…ฉันคือ ลินนา ในโลกนี้ ต่อให้เป็นการตัดสินใจของเจ้าของร่างเดิม ฉันก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบมันไปด้วยสินะ?
ให้ตายเถอะ! แค่เดินข้ามถนนฉันยังต้องมารับกรรมขนาดนี้เลยเหรอ!?
ฉันถอนหายใจอย่างปลงตก ก่อนจะยอมทนอยู่ไปจนถึงเวลาเลิกงาน
แต่ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลา 17:30 น. ฉันก็ไม่รีรออีกต่อไป!
ฉันเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าอย่างไว คว้าของจำเป็นติดมือ แล้วรีบวิ่งออกจากบริษัทราวกับโดนสาปให้ต้องหนีเอาชีวิตรอด
พนักงานคนอื่นมองฉันด้วยสายตางงๆ คงคิดว่าฉันเป็นบ้าหรืออะไรสักอย่าง
จะบ้าก็ช่างสิ! ฉันแค่ไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียวแล้ว!
แต่มีสายตาคู่หนึ่งที่ไม่ได้แค่จับจ้องฉันด้วยความสงสัยธรรมดา
สุธา
เขายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของตัวเอง สายตาคมกริบมองตามฉันไป ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ขอโทษเถอะ ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!
ฉันรีบพุ่งออกจากบริษัทให้ไวที่สุด ก่อนที่ใครจะหาเรื่องลากฉันกลับไปอีก!
สุธายืนกอดอกอยู่หน้าห้องทำงาน มองตามแผ่นหลังของลินนาที่รีบวิ่งออกจากบริษัทไป ราวกับกำลังหนีตายจากอะไรสักอย่าง
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้ ลินนาเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโส เอาแต่ใจ และทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจ ไม่ว่าจะแกล้งไอรีน พูดจาแดกดันคนอื่น หรือแม้กระทั่งพยายามบงการชีวิตเขา
แต่ช่วงหลังๆ มานี้ เธอกลับเหมือนกลายเป็นคนละคน
เธอไม่ได้ตื๊อเขาเหมือนเคย ไม่ได้ตามตอแย หรือวางอำนาจใส่พนักงานคนอื่น แต่กลับทำตัวเหมือนคนที่ถูกบังคับให้มาอยู่ที่นี่แทน
มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ
สุธาขมวดคิ้วแน่น เมื่อนึกถึงคำพูดของลินนาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ฉันไม่ได้ทำ”
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
เขาไม่ใช่คนโง่ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงมากนัก แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างลินนาจะอยู่ๆ มาบอกว่าจำอะไรไม่ได้แค่เพราะรู้สึกผิด
เธอแค่แสร้งทำ
เธอคงแค่พยายามทำเป็นลืมเรื่องที่ตัวเองก่อขึ้นมา เพื่อให้พ้นผิดเท่านั้น
สุธาแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน เขาจะไม่ปล่อยให้เธอใช้แผนนี้ได้ผลหรอก
ถ้าคิดว่าแกล้งทำเป็นลืมแล้วจะรอด เธอคิดผิดแล้วลินนา…
ทันทีที่ถึงบ้าน ฉันก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับโยนกระเป๋าถือไปอีกทาง
“โอ้ย! วันนี้มันวันบ้าอะไรกันเนี่ย!” ฉันบ่นกระปอดกระแปด พลางถอดรองเท้าส้นสูงออกอย่างรวดเร็ว
กอหญ้ายืนมองฉันด้วยสีหน้าปลงๆ ก่อนจะยื่นแก้วน้ำเย็นให้ “ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณหนู”
ฉันรับแก้วน้ำมาดื่มรวดเดียวหมด แล้วรีบระบายความอัดอั้นต่อ
“เย็นไม่ได้แล้วกอหญ้า! นายสุรา—เอ้ย! สุธานั่น ใช้งานฉันยิ่งกว่าทาส! ฉันต้องนั่งทำเอกสารจนหัวหมุน ไหนจะต้องรับมือกับลูกค้าจอมเรื่องมากอีก นี่ถ้าฉันไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อน คงตายไปแล้วแน่ๆ!”
ฉันพูดแล้วก็ถอนหายใจแรงๆ อีกที วันนี้มันหนักหนาสาหัสจริงๆ!
กอหญ้ายิ้มบางๆ ก่อนจะพูดปลอบใจ “คุณหนูเก่งมากนะคะ ที่ผ่านมาได้ขนาดนี้”
ฉันหันไปมองสาวใช้คนสนิท พลางส่ายหน้าเบาๆ “ถ้าฉันไม่มีเธอนะกอหญ้า ฉันไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วจริงๆ พ่อแม่ฉันก็ไม่มี…”
ทันทีที่พูดจบ ฉันก็ชะงักไปเองโดยอัตโนมัติ
…เดี๋ยวนะ
ฉันเพิ่งพูดว่าอะไรออกไปนะ?
กอหญ้าเองก็ตาโตขึ้นมาทันที ก่อนจะถามกลับด้วยความตกใจ “คุณหนูพูดอะไรคะ? ทำไมถึงบอกว่าคุณท่านไม่อยู่แล้ว?”
ฉันหันขวับไปมองเธอทันที “ก็พ่อแม่ฉันตายไปตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ?”
กอหญ้าถึงกับหน้าเหวอ “มะ…ไม่ใช่นะคะ คุณท่านยังอยู่ดีค่ะ แค่ไปเที่ยวต่างประเทศ…”
“หา!?” ฉันลุกพรวดขึ้นจากโซฟา ตื่นตระหนกยิ่งกว่าตอนโดนรถชนตายซะอีก!
อะไรนะ!? พ่อแม่ของลินนายังมีชีวิตอยู่!?
ฉันแทบอยากจะร้องไห้จริงๆ…
พ่อแม่ของลินนายังอยู่… พ่อแม่ของฉันยังอยู่…
ความรู้สึกมันจุกแน่นขึ้นมาทันที ฉันคิดถึงพ่อแม่เหลือเกิน อยากกอดพวกเขาสักครั้ง อยากได้ยินเสียงพวกเขาพูดกับฉันอีกครั้ง
แต่…พวกเขาจะยังเหมือนเดิมไหม? จะยังรักฉันอยู่หรือเปล่า?
ฉันสะบัดความคิดวกวนในหัวออกไป แล้วหันไปคว้ามือกอหญ้าด้วยความร้อนรน
“กอหญ้า! โทรหาพ่อแม่ฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
กอหญ้าชะงักไปเล็กน้อย มองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ “เอ่อ…คุณหนูหมายถึง คุณท่านเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! โทรหาพวกเขาเดี๋ยวนี้ ฉันอยากคุยด้วย อยากได้ยินเสียงพวกเขา!” ฉันเร่งเร้าอย่างใจร้อน
แต่แทนที่กอหญ้าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอกลับขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหนูลืมไปแล้วเหรอคะ…ว่าเราติดต่อคุณท่านยังไง?”
ฉันชะงักไปทันที
“…หา?”
กอหญ้ากระพริบตาปริบๆ มองฉันอย่างสับสน “คุณหนูลืมเบอร์โทรคุณท่านไปแล้วเหรอคะ?”
ฉันเบิกตากว้าง “เอ่อ…”
ให้ตายสิ! ฉันไม่รู้เบอร์พ่อแม่ของลินนาเลย!
ในหัวฉันตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ของร่างนี้เลยแม้แต่นิดเดียว!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกล่ะเนี่ย!?
มือของฉันเย็นเฉียบ ขณะที่กอหญ้ากดโทรศัพท์โทรหาพ่อกับแม่แทนฉัน
เสียงรอสายดังขึ้นเป็นจังหวะ ฉันกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
พวกเขาจะรับไหม… พวกเขาจะพูดกับฉันว่าอะไร… พวกเขาจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า?
ติ๊ด
เสียงปลายสายดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงทุ้มของชายวัยกลางคนที่ฉันคุ้นเคยดี
“ลินนา? มีอะไรหรือเปล่า?”
น้ำตาของฉันเอ่อขึ้นมาในทันที แค่ได้ยินเสียง ฉันก็แทบจะกลั้นอารมณ์ไม่อยู่
พ่อ… พ่อของฉัน…
ก่อนที่ฉันจะทันพูดอะไร เสียงของผู้หญิงอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ลูกโทรมาหาแม่เหรอ!? ลินนา เป็นอะไรหรือเปล่าลูก!?”
แม่…
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า สองมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น
เสียงของพวกเขา… มันยังเหมือนเดิมเลย
แม้จะเป็นพ่อแม่ของลินนาในโลกนี้ แต่สำหรับฉันแล้ว… พวกเขาคือพ่อแม่ของฉันเหมือนกัน
“พ่อ… แม่…” ฉันพยายามพูดออกมา แม้เสียงจะสั่นเครือ “หนูคิดถึงพ่อกับแม่มาก…”
ปลายสายเงียบไปทันที
ราวกับเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ
ฉันสูดหายใจลึก แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
“รักพ่อกับแม่มากนะคะ…”
“!!!”
เสียงหายใจสะดุดดังมาจากปลายสาย
พ่อกับแม่ของฉัน… ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ก่อนที่พ่อจะกระแอมเบาๆ เหมือนพยายามกลบเกลื่อนความตกใจ
“เอ่อ… ลินนา ลูก…”
แม่เองก็ดูเหมือนจะช็อกไปแล้วจริงๆ ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“ลูกสาวแม่… ไม่เคยพูดแบบนี้กับเรามาก่อนเลยนะ…”
ฉันชะงักไปเล็กน้อย…
ไม่เคยพูดเหรอ? ลินนาในโลกนี้… ไม่เคยบอกรักพ่อแม่ของเธอเลยงั้นเหรอ?
แล้วฉันที่เป็น ‘ลินนา’ คนใหม่ล่ะ…?
แม้ฉันจะไม่ใช่เธอ แต่ฉันรู้ดีว่า… ต่อจากนี้ไป พ่อแม่ของลินนา ก็คือพ่อแม่ของฉันด้วยเหมือนกัน
และฉันจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาต้องเสียใจอีกแล้ว…