ภายใต้หลุมโพรงดินชื้นแฉะ ซูลี่มองเถาวัลย์ระย้าโยงห้อยลงมาจากด้านบน ใบไม้ปิดปากหลุมแดดส่องลงมาได้เพียงแสงรำไร สองมือจับยึดเถาวัลย์ออกแรงดึงเพื่อทดสอบความทนทาน ปากหลุมแม้แลดูไม่ลึกมากแต่กลไกเหล็กบนปากหลุมทำให้ซูลี่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเปิดได้หรือไม่
น้ำตาร้อนผ่าวไหลรื้นขึ้นบนขอบตา พระชายาแห่งตำหนักอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึก บางคราชะตาคล้ายเล่นตลก แม้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ปานใดแต่ไร้ซึ่งความสุข ซูลี่เคยเรียกตนเองว่าพระชายาแห่งตำหนักร้างรัก คำกล่าวจากปากนางหาเกินจริงไม่ ชินหวางอ๋องไร้รักต่อนางอย่างแท้จริง เป็นเรื่องธรรมดาที่ชินหวางอ๋องดุด่าทำเหมือนนางเป็นสิ่งรองรับอารมณ์รองมือรองเท้า หรือไม่ก็ทำตัวห่างเหินเฉยชา
ซูลี่ดึงเถาวัลย์โหนตัวขึ้นด้านบนทีละน้อย ใช้มีดสั้นปักผนังโพรงดินแข็งหยัดกายเกาะด้ามมีดสั้นพร้อมกับดึงเถาวัลย์ดึงตัวขึ้นจากหลุมดักสัตว์ โพรงดินบางแห่งแข็ง บางแห่งแฉะจากแหล่งน้ำซึม
พรืด!! ร่างน้อยลื่นไถลดินลื่นลงมายืนที่เดิม อาภรณ์สีดำเริ่มเปียกชื้น ซ้ำยังเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แสงตะวันสาดส่องจากเบื้องบนเพียงริบหรี่เช่นเดียวกับความหวังของซูลี่
"ซูลี่..เจ้าจะมาตายในหลุมดักสัตว์ไม่ได้ ธิดาแห่งเผ่าทะเลทรายจะตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน"
เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้า สองมือปีนป่ายขึ้นบนเถาวัลย์อีกครั้ง ใช้มีดสั้นขุดหลุมดินสำหรับหยัดเท้าขึ้นเหยียบบนผนัง สองมือสองเท้าค่อยปีนป่ายขึ้นไปอย่างช้า ๆ ซูลี่เหลือบมองห่อผ้าบนไหล่ นางระวังรักษาเห็ดราชาหิมะเป็นอย่างดี หากรอดจากหลุมดักสัตว์ไปได้ หากได้ขายเห็ดยอดโอสถเต็มห่อผ้า นางคงมีเงินเดินทางจนพ้นเขตชายแดนอันห่างไกลกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนในเผ่าอาร์คาร์
"หนีหลุดรอดมาได้แล้วแท้ ๆ เหตุใตต้องดวงตกติดหลุมดักสัตว์ด้วย" ซูลี่ก่นด่าเทพแห่งโชคชะตาในใจ
ตั้งแต่นางเหยียบย่างเข้ามาแคว้นไช่ ไม่มีวันใดที่รู้สึกอบอุ่นใจและเป็นสุข แม้มีตำแหน่งสูงศักดิ์เป็นถึงชายาแห่งชินอ๋อง แต่ความโดดเดี่ยวอ้างว้างทำให้นางคิดถึงสถานที่อันเรียกว่าบ้าน การเดินทางไปยังเผ่าอาร์คาร์นอกด่านใช้เวลานานถึงสองเดือน เส้นทางห่างไกลเป็นพันลี้ หนทางยากลำบากกว่าจะพ้นเขตชายแดน ถึงกระนั้นซูลี่ยังอยากกลับบ้านมากกว่าต้องทนถูกชินอ๋องผู้เป็นสวามีทุบตีทำร้าย
เม็ดเหงื่อไหลซึมเต็มแผ่นหลังเมื่อต้องรวบรวมแรงทั้งหมดปีนขึ้นสู่ปากหลุม แขนเรียวเล็กสั่นสะท้าน แรงต้านหยัดกายบนด้ามมีดสั้นแทบหมดสิ้นแล้ว นางจึงใช้มือคว้าเถาวัลย์เส้นเหนียวมาผูกเอวไว้ แล้วนำมีดสั้นอีกอันหนึ่งขึ้นมาเขี่ยใบไม้บนปากหลุม
สิ่งที่ปกปิดอยู่ด้านบนคือไม้เนื้อแข็งมีกลไกเหล็กคล้ายสลักรูปฟันเฟือง ซูลี่ใช้ปลายมีดเขี่ยใบไม้ปกคุลมช่องแสงออก พอเห็นสลักฟันเฟืองอย่างเลือนลาง หากไม่รีบปลดสลักออกนางคงไม่ต่างจากสัตว์เคราะห์ร้าย อาจต้องติดกับดักของนายพรานตายอยู่ในหลุมอย่างหดหู่
มีดปลายแหลมสองอันกำลังงัดง้างกลไก ซูลี่ดึงปิ่นปักผมทำจากสำริดออกจากมวยผม แหย่ปิ่นปลายแหลมไปยังสลักตัวที่อยู่ใกล้แล้วใช้ปลายมีดง้างฟันเฟืองสลักแยกออกจากกัน
สตรีตัวเล็กเหงื่อแตกชุ่มไปทั้งร่าง อากาศในโพรงดินยิ่งอับชื้นทึบทึม ซูลี่บอกตนเองให้ใจเย็นลง ใช้สติแก้ปัญหาทุกสิ่งยามคับขัน ตะวันบ่ายคล้อยใกล้ถึงยามเซิน ซูลี่ยังงัดง้างกลไกอย่างขะมักเขม้นจนฟันเฟืองตัวหนึ่งเริ่มดีดออกจากสลัก
ร่างเล็กเหนื่อยจนท้อ ทั้งปวดเมื่อยแขน อีกทั้งกายนางยังผูกห้อยโหนอยู่กับเถาวัลย์ ใบหน้าเนื้อตัวเปื้อนโคลนแฉะจนไม่เหลือเค้าสตรีแสนงามล่มแคว้น สภาพมอมแมมยิ่งกว่าแมวจรในตรอกตลาด ปื้นโคลนเปรอะแก้มขาวนวลทั้งพวงแก้มทั้งจมูกดูน่าขบขันมอมแมมยิ่งนัก
ตำหนักซานซีวุ่นวายโกลาหล ชินหวางอ๋องอาละวาดตั้งแต่ยามสาย ปลายยามเซินแล้วยังไม่ยอมสงบสติอารมณ์ ในใจร้อนรนยิ่งกว่าเดิม
"เหตุใดยังหาไม่พบ" ฉู่เอี้ยนตวาดเหล่าองครักษ์
"พวกข้าหาจนทั่วแล้วยังไม่พบ แต่ด้านตะวันตกพบใบไม้ถูกเหยียบย่ำคล้ายกรุยทางเข้าไปในป่าดับตะวัน"
"ป่าดับตะวันอย่างนั้นรึ ป่านั่นเป็นเขตค่ายโจรมังกรทมิฬ"
"หัวหน้าองครักษ์เองยังไม่กล้าเข้าไปในเขตป่าของค่ายโจร"
"พวกเศษสวะไร้ประโยชน์เช่นค่ายโจรมังกรทมิฬจะน่ากลัวอันใด ข้าจะเข้าไปตามนางเอง"
องครักษ์กับทหารยามต่างทำหน้าเลิ่กลั่ก
"ทูลท่านอ๋อง ป่าที่ว่ายังไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาได้"
"แต่ซูลี่หนีเข้าไปในเขตค่ายโจร หากข้าขี้ขลาดไม่กล้าไปตามนางกลับมา เท่ากับชินอ๋องเช่นข้าเกรงกลัวพวกโจรถ่อย หากผู้ใดรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด พวกเจ้าไปนำม้าศึกกับอาวุธออกมา" ชินหวางอ๋องเกรี้ยวกราดกอปรกับฤทธิ์สุราในกระแสโลหิต
ชินหวางอ๋องพร้อมเหล่าทหารพร้อมด้วยองครักษ์ราวยี่สิบ ควบม้าเข้าในเขตป่าดับตะวัน บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบไร้แม้เสียงลมพัด
ชินหวางอ๋องแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำสนิท สวมเกราะอ่อนเตรียมพร้อมตั้งรับทุกการปะทะ เหล่าทหารอาวุธครบมือเตรียมกระชับอาวุธแน่นขึ้นเมื่อเข้าเขตป่าเงียบเชียบผิดปกติ
เสียงคล้ายเหล็กกระทบกันหลายครั้ง เสียงนั้นดังขึ้นบนพื้นอันมีใบไม้ปกคลุมอยู่ ชินหวางอ๋องขมวดคิ้ว ชักดาบทรงยาวโค้งออกจากฝักข้างเอว
"พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้"
เสียงเหล็กงัดกระทบกระทั่งกันหลายครา ใบไม้บนพื้นดินค่อย ๆ ถูกเขี่ยออกจากด้านล่าง มีดปลายแหลมแทรกขึ้นมาด้านบนปัดป่ายใบไม้จำนวนมากออกให้พ้นช่องแสง
เคร้ง! เสียงสลักฟันเฟืองหลุดออกจากกัน
"เปิดได้แล้ว เปิดได้เสียที" ซูลี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ
เรือนร่างอรชรรีบปีนป่ายขึ้นจากปากหลุม พร้อมกับสะพายห่อผ้าใส่เห็ดราชาหิมะบนไหล่ ซูลี่ตะกายขึ้นจากปากหลุม มือเรียวเล็กสองข้างจับคว้าผืนดินด้านบนแล้วค่อย ๆ หยัดแขนพาร่างขึ้นมา
หมับ!
มือหนาของบุรุษจับคว้าเข้ากับมือเรียวเล็กช่วยออกแรงดึงร่างซูลี่ขึ้นมายืนด้านบน
"ว๊าย" ซูลี่ร้องออกมาอย่างตกใจระคนดีใจเมื่อมีคนใจดีมาช่วยเหลือ
ดวงตากลมโตบนใบหน้าเปื้อนโคลนช้อนมองบุรุษเรือนร่างกำยำ ซูลี่ตกใจหน้าซีดเผือดเหมือนเห็นผี มือหยาบกร้านบีบมือนางแน่นเข้าจนรู้สึกเจ็บ
"พวกองครักษ์หาเจ้าไม่เจอเพราะแอบมาหลบในหลุมดักสัตว์รึ"
"ชิน..ชินหวางอ๋อง" ซูลี่ถอยกรูดไปด้านหลัง แต่ยังถูกมือใหญ่ยื้อไว้ การตกหลุมดักสัตว์นับว่าโชคร้าย แต่การหนีไม่พ้นชินอ๋องถือเป็นโชคร้ายกว่า
ชินหวางอ๋องฉู่เอี้ยนกระชากแขนซูลี่เข้าหาอ้อมกอด เขาแบกนางขึ้นบ่าทันทีเพื่อไปขึ้นม้ากลับตำหนักซานซี
"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" เสียงกระซิบข้างหูพระชายา
ซูลี่รู้สึกขนลุกซู่ เสียงนั้นฟังดูคล้ายเสียงแห่งมัจจุราช