ตัวซวย

1053 Words
โคมแดงถูกจุดขึ้นหน้าตำหนักซานซี เป็นสัญลักษณ์ว่าคืนนี้ท่านอ๋องจะร่วมหอกับพระชายา สาวใช้นางกำนัลต่างวิ่งวุ่นเตรียมการต้อนรับ สาส์นแผ่นเล็กที่ส่งมาจากตำหนักใหญ่เมื่อปลายยามเซินทำให้ซูลี่ยิ้มไม่ยอมหุบ นานเหลือเกินที่ไม่ได้กอดสวามี ชินหวางอ๋องฉู่เอี้ยนคงลืมว่ามีชายาเอกรออยู่ หลังงานอภิเษกตามพันธะสัญญาระหว่างแคว้น ซูลี่ถูกส่งตัวมารับใช้ท่านอ๋องในตำแหน่งชินหวางเฟย ตำแหน่งอันควรน่าภาคภูมิใจ แต่กลับเป็นเพียงตำแหน่งในนาม ชินหวางอ๋องหยามเหยียดนางว่าเป็นเพียงธิดาเผ่าทะเลทราย มิได้มีประโยชน์คู่ควรกับความยิ่งใหญ่แห่งชินหวาง การแต่งงานตามพันธะสัญญาเป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวระหว่างแคว้นไช่กับเผ่าทะเลทรายอาร์คาร์อันเกรียงไกร การแต่งงานที่ฝ่ายชายมิได้เต็มใจยอมรับ แม้ใช้ชีวิตร่วมกันผ่านไปถึงสามปี เวลามิได้ช่วยให้ความรักความผูกพันเพิ่มพูน มีแต่ลดน้อยถอยลงทุกขณะ เป็นเรื่องน่าแปลกที่คืนนี้ท่านอ๋องส่งสาส์นฝากองครักษ์มายังตำหนักเซียงเซียงอันเป็นเรือนนอนของชายาเอก...ในสาส์นเขียนเพียงว่า 'จะมาค้างด้วย' ร่างอวบอิ่มกลมกลึงในอาภรณ์บางเบานั่งรอที่เตียงกว้าง สตรีตำแหน่งชายาเอกมานั่งรอชินหวางอ๋องในห้องนอนตำหนักใหญ่ เวลาล่วงเลยเข้าสู่ปลายยามห้าย ยังไม่ปรากฎแม้เงาชินอ๋อง ซูลี่ผุดลุกผุดนั่งเดินไปเดินมา แม้สวามีมาหาน้อยครั้งจนตำหนักชายาเอกแทบเป็นตำหนักร้าง หนึ่งปีอาจมีโอกาสต้อนรับชินอ๋องไม่ถึงสิบครั้งเสียด้วยซ้ำ ครานี้เขาเรียกนางไปหา นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดยิ่งในรอบปี ความรักช่างแปลกประหลาด บางคนยอมรอคอยแม้รู้ว่าไม่คุ้มค่าก็ยังรอ เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นด้านนอก ซูลี่ใจเต้นกระหน่ำเมื่อได้ยินฝีเท้าของบุรุษที่ตนรอคอยเดินตรงมาทางหน้าตำหนัก ผัวะ! เสียงฝีเท้าถีบประตูเข้ามาอย่างแรง ชินหวางอ๋องยืนขวางประตูสองมือกำแน่นเข้าหากัน ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด "คารวะท่านอ๋องเพคะ" ซูลี่ยอบกายคารวะสวามี สาวใช้อีกหกคนก้มหน้ายอบกายคารวะอย่างเต็มพิธีการเช่นกัน "ออกไปให้หมด!" เสียงเข้มกร้าวกระด้าง ไล่สาวใช้นางกำนัลออกไปจากห้อง ทุกคนตื่นกลัวลนลานรีบวิ่งออกไปทันที มีเพียงซูลี่ยืนอยู่รองรับอารมณ์ชินหวางอ๋อง ชินหวางอ๋องฉู่เอี้ยนอายุยี่สิบหกปี เรือนกายกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเซียน คิ้วเข้มรูปดาบพาดเฉียงบนใบหน้าขมวดมุ่นเข้าหากัน ดวงตาคมกล้าจดจ้องบนใบหน้าซูลี่ รอยอารมณ์แวบผ่านแววตาดุดัน เป็นอารมณ์คับแค้นใจอย่างที่สุด ชายหนุ่มเดินปรี่เข้าหา กำมือใหญ่เข้ารอบคอซูลี่ เหวี่ยงนางกระเด็นไปบนพื้นหินอ่อนสีขาวขัดมัน พลั่ก! ร่างเล็กกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยง ซูลี่งุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งสับสนทั้งหวาดกลัวจนตัวสั่น "เกิดอะไรขึ้นเพคะ เหตุใดต้องทำกับหม่อมฉันเช่นนี้" "ยังจะมาถามอีกหรือ ฉู่เอี๋ยนจื่อน้องสาวของข้าตายแล้ว ตายในเผ่าทะเลทรายของพวกเจ้า" "หากหม่อมฉันทำสิ่งใดผิด ขอพระองค์บอกมาตามตรง หม่อมฉันยินดีรับโทษ แต่หากไม่บอกกล่าว ท่านอ๋องไม่มีสิทธิ์แตะต้อง" ซูลี่ถอยไปยืนอยู่ข้างเตียง ร่างสูงก้าวเข้าหา ง้างมือตบหน้าซูลี่ดังฉาด ใบหน้างดงามหันตามแรงตบ ซูลี่ล้มลงที่พื้น โลหิตสีแดงสดไหลกบปาก "เจ้ามันตัวซวย นำแต่ความโชคร้ายมาสู่ตำหนักอ๋อง" เสียงสวามีก่นด่าพระชายา "หม่อมฉันทำอะไรให้พระองค์ไม่พอใจ เรื่องสุดวิสัยบางเรื่องไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันเสียด้วยซ้ำ" ซูลี่หยัดกายขึ้นจากพื้น หยิบปิ่นปักผมทองคำออกจากมวยผมมาถือไว้ในมือ ผมยาวสยายนุ่มราวกับมุ่นไหมสยายลงเต็มหลังนาง "คิดจะสู้ข้ารึ นางแพศยา" "คนเช่นซูลี่มิอาจทนถูกรังแก" "ที่ข้าทำกับเจ้าถือว่าน้อยไป" "สามปีที่ตบแต่งเข้าตำหนัก ท่านไม่เคยเหลียวแลข้าแม้สักวัน เอาแต่ทุบตีทำร้าย ก่นด่าสารพัด" "ข้าไม่เคยรักเจ้า สตรีย่อมเป็นสมบัติของบุรุษ" "นั่นมันเป็นจารีตคร่ำคร่าของแคว้นท่าน มิใช่ของเผ่าทะเลทราย ชีวิตของผู้ใดย่อมเป็นของตนเอง" "แต่เจ้าแต่งให้ข้า จะอยู่จะตายย่อมขึ้นอยู่กับสวามี" "เสียแรงที่ข้าหลงรักท่าน ยอมตบแต่งเป็นชายาให้ท่าน หวังลม ๆ แล้ง ๆ กับความรักสวยหรู แต่สิ่งที่ข้าต้องพบเจอตลอดสามปีคือสิ่งตรงกันข้าม" "มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาเรียกร้อง" "หากพระองค์ไม่ต้องการหม่อมฉัน ก็จงปล่อยหม่อมฉันไป" ท่านอ๋องฉู่เอี้ยนพุ่งกายปราดเดียวถึงตัวซูลี่ มือหนากำเข้ารอบคอนางอีกครั้งแล้วออกแรงบีบยกร่างซูลี่ลอยขึ้น มือน้อยพยายามแกะมือสวามีออกจากลำคอ ซูลี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายปักปิ่นทองคำแหลมคมไปบนแขนชินหวางอ๋อง "สตรีน่าตาย ข้าจะฆ่าเจ้า" ซูลี่รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังฉากกั้นที่มุมห้อง "ออกมา!" เสียงกร้าวตวาดลั่น ซูลี่ตัวสั่นเทา ควานมือเข้าในลิ้นชักโต๊ะหยิบบางสิ่งออกมาถือไว้ "ข้าจะฆ่าเจ้า" เสียงคำรามต่ำพร้อมเสียงฝีเท้าเดินไล่มายังฉากกั้น ฟุ่บ! ซูลี่ทิ้งระเบิดควันลงพื้น ร่างน้อยคว้าชุดคลุมขึ้นมาสวม เร้นกายกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง เท้าเปลือยเปล่าสีชมพูเหยียบย่ำไปตามทางดินขรุขระ ซูลี่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต "ออกตามล่านาง! อย่าให้หนีไปได้" เสียงชินหวางอ๋องร้องสั่งการองครักษ์ออกล่าพระชายา ซูลี่วิ่งไปข้างหน้า น้ำตาไหลล้นจนมองไม่เห็นทาง ผู้ที่นางฝากชีวิตร่วมผูกผมกลับทำร้ายนางได้ลงคอ ซูลี่คิดเพียงต้องหนีให้พ้นจากตำหนักอ๋อง สถานที่อันมิอาจเรียกว่าบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD