IV โลกที่ไม่คุ้นเคย

1924 Words
ก่อนที่จะออกไปทำภารกิจเจนัสได้จัดการเคลียร์เรื่องสำคัญ ๆ ที่จำเป็นพร้อมทั้งเตรียมยาไปหลายชนิดเผื่อกรณีฉุกเฉินรวมทั้งจัดการข้าวของที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ด้วย “ห้องก็สะอาดแล้ว เหลือแค่อย่างเดียวแล้วสินะ” เธอหันมองโหลปลาทองที่เลี้ยงไว้ด้วยความหนักใจ จะเอามันไปด้วยก็คงไม่ได้แต่จะให้ทิ้งไว้ก็กลัวไม่มีคนดูแลมันอีก “เอาไงดีล่ะวินด์ เวล” เจ้าปลาทองที่มีสีและขนาดผิดจากปลาทองทั่วไปว่ายน้ำวนไปมา พวกมันคือปลาที่หลุดรอดออกมาจากห้องทดลองของดิสโทเปียที่เธอเผอิญไปเจอเลยเก็บมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน มันทำท่าเหมือนจะสื่อสารกับเจนัสแต่เธอจะไปเข้าใจภาษาของปลาได้ไงกัน “เฮ้ วินด์นายจะแกล้งเวลไม่ได้นะ! เจนัสคว้าโหลปลาทองมาเขย่าเล็กน้อยเพื่อแยกทั้งสองออกจากกัน เจ้าปลาสีดำชื่อว่าวินด์ทั้งอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจ ส่วนตัวสีขาวชื่อว่าเวลนิสัยขี้กลัวและยอมวินด์ตลอด “เวลนายต้องสู้กลับเหมือนที่ลีออนสอนไว้สิ! เอ๊ะ! จริงด้วย! ลีออนไง!” เจนัสยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อนึกขึ้นได้ เธอจัดการป้อนอาหารเจ้าจอมซนทั้งสองก่อนจะเดินออกไปเพื่อจัดเสื้อผ้าบ้าง “ลีออนต้องดีใจแน่ ๆ เลยที่ได้เจอกับวินด์และเวลเพราะหมอนั่นชอบสัตว์นี่น่าา” เจนัสใช้เวลาในการเตรียมตัวสองวันถึงเริ่มเดินทางออกจากฐานอย่างเงียบเชียบ ภารกิจของเธอถือเป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่เจสเตอร์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ท่านผู้นำได้ทำการจัดที่พักพร้อมห้องทดลองขนาดย่อมไว้ให้กับเธอแล้ว สถานที่นั้นแทบไม่มีใครรู้เส้นทางและไม่มีตำแหน่งปรากฏบนแผนที่ด้วย “ทำภารกิจให้สำเร็จแล้วกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจนัส จำเอาไว้ว่าเธอเป็นคนที่มีค่ามาก อย่าให้ใครรู้และอย่าไว้ใจใครจนเกินไป” “ฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ” “ถ้าเกิดปัญหาอะไรเธอติดต่อไปหาเฟลิกซ์นะ เขารับภารกิจในเขตเดียวกับเธอน่าจะพอให้ความช่วยเหลือได้บ้าง” เฟลิกซ์เป็นหนึ่งในหัวหน้าองค์กรแบบเดียวกับเธอและเป็นคนที่เจนัสค่อนข้างกลัวและให้ความเคารพในระดับหนึ่ง เขามีความเป็นพี่ชายค่อนข้างสูง สุขุม รอบคอบและยังฉลาดอย่างหาใครเทียบไม่ติดอีกด้วย “ค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะคะ” เธอเดินไปขึ้นรถหรูที่มาจอดรออยู่โดยไม่ลืมสวมหน้ากากประจำตัวที่สั่งทำขึ้นมา วงแขนเรียวอุ้มโหลปลาทองสุดรักสุดโปรดเอาไว้แนบอก ใบหน้าสวยถูกปกคลุมไว้เกินครึ่งเหลือเพียงดวงตาสีแดงที่ฉายชัดถึงความมุ่งมั่น “รบกวนแวะที่นี่ให้ก่อนได้ไหมคะ ฉันต้องแวะไปทำธุระนิดหน่อย” “ครับ....” เจนัสส่งที่อยู่ของคลินิกลีออนให้กับคนขับรถ เธอจะแวะเอาปลาทองไปให้ลีออนที่คลินิกเลยเพราะถ้าให้โทรถามคงไม่ได้คำตอบแน่ ๆ โชคดีที่คลินิกของลีออนหาไม่ยากอย่างที่คิดเธอเดินเข้าไปด้านในตึกที่ชั้นล่างเป็นเป็นสถานพยาบาลพร้อมทั้งแจ้งพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่า ‘ฉันเป็นน้องสาวของลีออน พอดีเอาของขวัญมาเซอร์ไพรส์ห้องของเขาไปทางไหนคะ’ พนักงานที่เคาน์เตอร์ไม่ได้ถามอะไรต่อแต่ชี้ไปยังห้องทำงานของลีออน ร่างบางก้มหัวขอบคุณก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายบอก เธอสวมฮู้ดเพื่อปิดบังหูเลยทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นอมมนุษย์ “ฮู่วว ห้องใหญ่เหมือนกันนะลีออน” เจนัสวางโหลปลาลงบนโต๊ะทำงานพร้อมกับหยิบจดหมายที่เตรียมไว้มาวางไว้ข้าง ๆ ก่อนจะรีบออกไป เธอยังต้องไปทำภารกิจและนี่ก็เลยเวลามาพอสมควรแล้วด้วย “ไว้เจอกันนะ วินด์ เวล อย่าดื้อกับลีออนล่ะ” การเดินทางกินเวลาไปหลายชั่วโมง ระหว่างทางเธอต้องเปลี่ยนรถถึง 5 ครั้งและไม่มีใครรู้จุดหมายเลยแม้แต่คนเดียว วิวรายทางเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เธอลงจากรถ ตึกที่ไม่คุ้นตาและกลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งไปทั่ว “ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย.....” สภาพเมืองที่เธอได้พบเจอแตกต่างจากรูปที่เคยเห็นเป็นอย่างมาก ความเสื่อมทรามมีให้พบอยู่ทั่วไปจนกลายเป็นความชินชาของคนที่พบเจอภาพเหล่านั้น ทั้งเหล่าโจรที่วิ่งราวโดยไม่สนกฎหมาย ทั้งชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายเด็กสาวตัวเล็ก ๆ และไร้ซึ่งหนทางหนีหรือแม้กระทั่งการฆ่ากันก็มีให้พบเจออยู่เกลื่อนท้องถนน “มันคือเรื่องปกติเมืองเวสเปอร์ครับ กฎหมายไม่มีประโยชน์สำหรับที่นี่” คนขับรถอธิบายให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ท่านผู้นำกำชับเขามาเป็นการส่วนตัวว่าให้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกแก่เธอเท่าที่จะทำได้ “คนที่ฉันต้องไปเจอเขาอยู่ที่นี่งั้นเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะในประวัติบอกว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจพอตัว งั้นการที่เขามาอยู่ที่นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย “เปล่าครับ แต่เขาลี้ภัยมาที่นี่เพราะคนที่ลอบสังหารรู้แล้วว่าเขายังไม่ตาย” รถหรูเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ตามถนนที่ทอดยาวไร้จุดจบท่ามกลางสวยตาหิวกระหายที่จับจ้องมาราวกับจะกลืนรถเข้าไปทั้งคัน “คนพวกนั้นเหมือนจะหมายตารถเรานะคะ” “ใช่ครับ เพราะงั้นผมจะเร่งความเร็วสักหน่อยคุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” “ค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า” ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดรถหรูก็วิ่งฉิวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ฝุ่นควันตลบจนมองไม่เห็นท้ายรถด้วยซ้ำ “กลิ่นนี้มัน....” ชายปริศนาที่นั่งอยู่บนซากตึกหันหน้าไปตามกลิ่นหอม ๆ ที่ลอยมาตามสายลมพลางสูดเข้าไปจนเต็มปอด ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะลุกยืนเต็มความสูง “เจอตัวแล้วดวงดาวของผม~” เพียงพริบตาเดียวเขาก็ทะยานไปตามตึกที่พังเสียหายเพราะสงครามเมื่อนานมาแล้ว จมูกโด่งสูดกลิ่นที่เฝ้ารอคอยมาตลอด 20 ปีพลางมุ่งหน้าตามไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ใบหูสีดำขยับเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งความเร็วขึ้นกะทันหัน เจ้าของกลิ่นที่เขาเฝ้าตามหาอยู่ในรถคันนั้นมันมุ่งหน้าออกไปยังนอกเมืองแล้วหายไปในเงามืดของป่าไม้ “คิดถึงจังเลย พี่เจนัส....” ความเร็วของรถยนต์นั้นไม่อาจเทียบพละกำลังเหนือมนุษย์ของเขาได้เพียงไม่นานเขาก็ตามมาประชิดแล้ว ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้ลงมืออย่างที่ใจคิดเพราะต้องการรู้จุดหมายปลายทางของเธอ ถึงเวลานั้นค่อยไปเอาตัวเธอมาก็ยังไม่สาย..... »»»««« ท่ามกลางภูเขาที่โดดเดี่ยวไร้วี่แววของมนุษย์อาศัยอยู่กลับมีบ้านตั้งตระหง่านอยู่หนึ่งหลัง มีคนคุ้มกันมากหน้าหลายตากำลังทำหน้าที่คอยสอดส่องเพื่อรักษาความปลอดภัย รถหรูที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันแล่นเข้ามาจอดอย่างคุ้นชินก่อนที่คนขับรถจะลงมาเปิดประตูให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถ “เชิญครับ คุณเจนัส” ร่างบางขยับหน้ากากคู่ใจให้เข้าที่พร้อมกับก้าวลงรถอย่างมั่นคง เส้นผมสีทองพลิ้วไหวไปตามแรงขยับทำให้หลายคนหันไปสนใจผู้ที่มาเยือนอย่างเธอ ดวงตาสีแดงกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจก่อนจะเดินตามคนขับรถเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง “ผมคิดว่าคุณคงอ่านข้อมูลมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะ” เธอตอบรับคนขับรถที่ไม่ยอมแม้กระทั่งจะบอกชื่อกับเธอ เขาให้เหตุผลว่าตัวตนของเขาถือเป็นความลับและไม่อาจบอกชื่อได้ “งั้นผมจะเสริมในส่วนที่ขาดให้แล้วกันนะครับ” ร่างสูงเดินนำมาหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่ง บอดี้การ์ดที่คุ้มกับก้มหัวทำความเคารพก่อนจะเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม ในห้องนอนกว้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดพร้อมกับหมอและพยาบาลอีกหลายชีวิต ทุกคนหันมามองเจนัสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย มนุษย์ครึ่งสัตว์แบบเธอไม่ใช่ว่าจะหาดูได้ง่าย ๆ จึงไม่แปลกที่จะตกเป็นเป้าสายตาก่อนที่คนข้าง ๆ เธอจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน “ทุกคนออกไปก่อน” หมอและพยาบาลหลายชีวิตวางทุกอย่างในมือลงและออกไปข้างนอกตามคำสั่ง บนเตียงกว้างมีร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังนอนหายใจรวยริน “ชื่อของเขาคือ คาลเตอร์ เอลเซอร์แวน คุณอาจไม่รู้จักสักเท่าไหร่แต่เขาคือว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป....” ใบหน้าที่ดูเหมือนจะชราเกินกว่าประวัติทำให้เจนัสขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ในไฟล์ที่ได้รับมาบอกว่าเขาอายุแค่ 40 ต้น ๆ เอง “เกิดอะไรขึ้นกับเขาคะ?” “เขาถูกลอบโจมตีจากบางอย่างที่เรายังระบุไม่ได้และผลของมันก็ทำให้เขากลายเป็นชายวัย 70 อย่างที่เห็นพร้อมกับ.....” เขาเปิดเสื้อของคาลเตอร์ออกเผยให้เห็นรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ที่ดูไม่เหมือนรอยของสัตว์ มันพาดผ่านไหปลาร้าลงมาและยาวลงไปจนถึงเอว” “พระเจ้า....เขารอดมาได้ยังไงคะ” บาดแผลรุนแรงและยากมากที่จะรักษาด้วยการแพทย์ทั่วไป นี่สินะคือสาเหตุที่เธอต้องมาด้วยตัวเองเพราะเอาเข้าจริงเจนัสก็ไม่มั่นใจเลยว่าพลังของเธอจะช่วยได้ มันไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากมนุษย์หรือสัตว์และถ้าให้เดามันต้องเป็นฝีมือของดิสโทเปียแน่ ๆ “เรายื้อชีวิตเขาด้วยทุกวิธีเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ที่เหลือคงต้องรบกวนคุณ” “ฉันจะพยายามนะคะ” เขาออกไปจากห้องปล่อยทิ้งให้เจนัสอยู่ตามลำพังกับคนเจ็บ มือเรียวถอดหน้ากากออกและเริ่มลงมือรักษาโดยเริ่มจากการสมานแผลที่หน้าอกเป็นอันดับแรก มือบางแตะลงอย่างแผ่วเบาบนหน้าอกที่เหวอะหวะและเต็มไปด้วยเลือด ร่างของชายตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความเจ็บที่แล่นขึ้นมาตามบาดแผล “อดทนนะคะ ฉันจะช่วยคุณเท่าที่จะทำได้” รอยกรงเล็บเริ่มสมานกันช้า ๆ ไปทีล่ะนิด เพราะมันลึกและค่อนข้างใหญ่ทำให้เจนัสไม่สามารถรักษาทั้งหมดได้ในคราวเดียว เธอทำการรักษาไปได้แค่ 1 ใน 4 ของบาดแผลก็แทบทำเอาหมดแรงแล้ว “เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย....” เธอถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยสีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นกว่าตอนแรกอย่างเทียบไม่ติดแม้จะยังมีบาดแผลหลงเหลืออยู่มากก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD