ตอนที่11 เธอเป็นทุกข์ เขากลับสุขกับชีวิต

2000 Words
จิณห์วราเดินกลับเข้ามาในบ้าน ฝ่ามือยังปาดเช็ดน้ำตาที่ไม่ทันแห้งจากคำพูดของชาวบ้านเมื่อตะกี้ออกตลอดทางที่เดินมา เธอเหนื่อย เหนื่อยจนไม่แน่ใจว่าหัวใจยังเหลืออะไรให้เจ็บอีกแล้วไหม ทันทีที่เดินเข้าห้องนอนเก่าโทรม ๆ มาได้ เธอก็รีบวางกระเป๋าลง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมาเลื่อนดูหน้าฟีดโดยไม่ตั้งใจ หวังแค่ว่าจะดูอะไรที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง แต่ทันทีที่ภาพข่าวปรากฏอยู่ตรงหน้า หัวใจก็เหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะอีกครั้ง ‘ลภัสวัฒน์ ศิวกรไพศาล นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอม เข้าพิธีหมั้นกับกวินทิตา ทายาทเจ้าของโรงแรมชื่อดังแล้ว!’ ภาพของเขายืนยิ้มข้างผู้หญิงในชุดหมั้นแบรนด์ดังหรู ถูกแชร์จนเต็มหน้าจอ เขาดูหล่อ สุขุมและมีความสุขกับชีวิตมากในเวลานี้ จิณห์วรามองภาพนั้นนิ่ง ๆ มือบางเริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนน้ำตาที่มันเพิ่งแห้งเหือดไปได้ไม่ถึงนาที ค่อย ๆ ไหลอาบแก้มลงมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ราวกับจะพยายามกลั้นความรู้สึกที่มีเอาไว้ไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เห็น แต่มันกลับทำไม่ได้เลย เพราะเขาคือพ่อของลูก คือคนที่เคยบอกให้เธอไปเอาลูกออกและเธอก็โกหกเขาว่าเอาออกไปแล้ว วันนี้เขากำลังมีความสุข วันนี้เขากำลังมีชีวิตใหม่ มีคนที่เพียบพร้อมยืนอยู่เคียงข้าง ส่วนเธอกลับต้องใช้ชีวิตแบกรับกับคำครหาว่าท้องไม่มีพ่อ ต้องยืนท่ามกลางสายตาที่ตัดสินว่าเธอผิดบาป ต้องทนฟังคำพูดที่เหยียบย่ำหัวใจ ในขณะที่เขากำลังหัวเราะยิ้มร่าและมีอนาคตครอบครัวที่สวยงามต่างจากเธอมากเหลือเกิน… จิณห์วราทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง มือกุมหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันอย่างหวงแหน น้ำตาหยดลงบนฝ่ามือหยดแล้วหยดเล่า ชีวิตของเธอที่เลือกแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่ควรจะร้องไห้เสียใจกับมันอีก “แม่ขอโทษนะลูก แม่อยากให้หนูเกิดมาในโลกที่ดีกว่านี้ แต่แม่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่พ่อของหนูก็ไม่ได้ต้องการเรา” ประโยคนั้นจุกอยู่กลางอก เธอซบหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง ร้องไห้ออกมาให้กับชีวิตที่มันไม่เคยได้ดั่งใจเธอเลยสักอย่าง เพราะมันไม่ใช่แค่ความเสียใจที่เขาไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น แต่มันคือการที่เธอต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียวตลอดมา ประตูห้องนอนถูกเปิดออกเบา ๆ ยายจันทร์เดินเข้ามาโดยไม่ได้พูดอะไรเหมือนเคย แค่นั่งลงข้างกายกับหลานสาวอย่างช้า ๆ มือเหี่ยวย่นเอื้อมมากอบกุมมือของหลานสาวเอาไว้เหมือนเดิม “เป็นอะไรอีกล่ะลูก ร้องไห้อีกแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครว่าอะไรให้อีกหรือเปล่าฮะ” ใบหน้าสวยหวานที่ดูเศร้าหันไปมองยายทั้งน้ำตาที่ล้นเอ่ออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดยายเอาไว้แน่น ๆ เหมือนกับหาที่พักพิงใจให้กับวันที่แสนจะหนักหนากับชีวิตอีกวัน “มันก็มีคนพูดเหมือนเดิมนั่นแหละจ้ะยาย แต่วันนี้หนูตอบโต้กลับไปแล้ว เรื่องนั้นมันไม่ได้ทำให้หนูเสียใจมากไปกว่าพ่อของลูกในท้องหนู เขากำลังยิ้มมีความสุขอยู่กับผู้หญิงที่คู่ควรกับเขา เขาหมั้นกันแล้วจ้ะยาย อีกไม่นานเขาก็คงแต่งงานกัน สร้างครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกัน เขาสองคนดูเหมาะสมกันมากเลยยาย” น้ำเสียงที่สั่นเครือตอบกลับ ทำให้ยายสงสารหลานสาวจับใจ “เขาจะยิ้มก็ให้เขายิ้มไปเถอะลูก อย่าไปร้องไห้เพียงแค่เขาไม่เลือกเราเลย เอ็งยังมียายนะ ยังมีลูกในท้องที่รอจะยิ้มให้เอ็งอยู่ทุกวัน” คำพูดของยายจันทร์ไม่ได้ลบความเจ็บออกไปจากใจของจิณห์วราได้ แต่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าอย่างน้อยเธอก็ยังเหลือคนที่รักเธอจริง ๆ อยู่บ้างในชีวิตนี้ อ้อมแขนที่เหี่ยวย่นก็ยังคอยโอบกอด คอยปลอบประโลม แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกับชีวิตเสมอได้เสมอ แล้วเธอจะไปสนใจกับผู้ชายอย่างเขาอีกทำไมกันนะ คิดได้เพียงเท่านั้นจิณห์วราก็ยิ่งกอดตอบยายจันทร์แน่นมากขึ้นกว่าเดิมอีก กรุงเทพมหานคร ภายในห้องพักรับรองส่วนตัวของโรงแรมหรู บรรยากาศที่เงียบสนิท มีเพียงเสียงแอร์เย็น ๆ ที่พัดโชยเบา ๆ ลภัสวัฒน์นั่งอยู่บนโซฟาหนัง เสื้อสูทยังไม่ถอดออกเลยด้วยซ้ำ เนกไทถูกคลายออกจากคอเพียงเล็กน้อย มือถือถูกวางคว่ำไว้บนโต๊ะเบื้องหน้า เขาเอนหลังพิงพนักของโซฟาอย่างรู้สึกเหนื่อย ฝ่ามือยกขึ้นกดขมับของตัวเองไปมาเบา ๆ เพื่อคลายความตึงเครียดที่มีอยู่ในหัวเวลานี้ พิธีหมั้นเมื่อครู่จบลงด้วยรอยยิ้มของทุกคน ครอบครัวฝ่ายหญิงดูจะพอใจเป็นอย่างมาก กวินทิตาดูงดงามและวางตัวดีสมกับฐานะ แต่หัวใจของเขากลับไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่างที่มองเห็นแสงไฟของเมืองใหญ่เบื้องล่าง ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “เธอจะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอจีน่า” มันเป็นคำถามที่เขาถามตัวเองซ้ำ ๆ มาหลายเดือนและก็ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมาเลยสักครั้งเดียว “อยู่กับฉันมาตั้งหลายปี ไม่เคยพูด ไม่เคยบ่นอะไรเลย ทำงานก็เก่ง ดูแลทุกอย่างดีมาก แล้วอยู่ดี ๆ ก็หายไปแบบนี้เลย ตั้งแต่เธอลาออก เธอรู้ไหมว่าชีวิตฉันวุ่นวายมากขนาดไหน ใครมันก็ไม่รู้ใจ ทำงานไม่ได้ดั่งใจฉันเหมือนเธอสักคนเลย หึหึหึ” เสียงหัวเราะหึหึในลำคอก็ดังให้ได้ยินอีกครั้ง รอยยิ้มจากริมฝีปากหนาคล้ายจะยิ้มเยาะให้กับชีวิตของตัวเองในตอนนี้เสียมากกว่า “ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอก็แค่เลขา ไม่มีค่าอะไรกับชีวิตฉันเลยสักนิด แต่ทำไมฉันยังไม่เลิกนึกถึงเธอเลยนะจีน่า” ฝ่ามือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เลื่อนดูชื่อในรายชื่อผู้ติดต่อ ปรากฏชื่อของ ‘จีน่า’ ยังอยู่ตรงนั้นไม่เคยถูกลบหายไปไหน แต่เขาก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้ในทุกช่องทางเลยเหมือนกัน เธอตัดขาดเขาทั้งที่เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าจิณห์วรารักเขามากแค่ไหน “เธอหายไปเหมือนตายจากขนาดนี้ เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ ใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน หรือว่า...มีใครดูแลเธอแทนฉันไปแล้วหรือเปล่า?” คำสุดท้ายที่หลุดออกจากปากมาเบา ๆ พร้อมกับแววตาที่ไหววูบ เขาพูดออกมาไม่ได้ว่ามันรู้สึกแบบไหน ร่างสูงเดินกลับไปนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง มองจ้องไปยังเบอร์โทรของอดีตเลขาสาวเหมือนเดิม “ทำไมฉันถึงยังคิดถึงเธออยู่ ทำไมจีน่า ทำไมฮะ” แสงจากมือถือสะท้อนภาพใบหน้าของตัวเองปรากฏให้ได้เห็น ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ทำไมชีวิตมันถึงไม่มีความสุขอย่างที่คิดเอาไว้เลยสักวัน ลภัสวัฒน์เอนหลังพิงโซฟาเหมือนเดิมดวงตาคมยังคงจ้องมองจอมือถือที่หน้าจอดำมืด แต่ความทรงจำวันนั้นกลับไหลย้อนมาให้นึกถึงได้อีกครั้งอย่างลืมไม่ลง เขาจำได้แม่นว่าในวันที่เธอยื่นใบลาออก น้ำเสียงของเธอยังนุ่มน่าฟัง สุภาพเหมือนทุกครั้ง ไม่มีการอ้อนวอนขอร้อง ไม่มีคำต่อว่าใด ๆ ไม่ว่าวันนั้นเขาจะพูดจาร้าย ๆ ใส่เธอมากมายก็ตาม เขาให้เงินหนึ่งล้านเธอในวันนั้น โดยไม่คิดเลยว่าเงินก้อนนั้นคือการฟาดหัวผู้หญิงคนหนึ่ง เพื่อให้เธอหายไปจากชีวิตเขาตลอดไป ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าเลขาคนหนึ่งจะสำคัญอะไรนักหนา แค่ลูกที่ไม่พร้อมมีและจะเก็บไว้ทำไม แต่วันนี้เขากลับไม่สามารถลืมภาพที่เธอทำเมินเฉยใส่เขาได้เลยสักวัน “ใช่สินะเธอมีเงินล้านแล้วนี่ เธอก็คงจะใช้ชีวิตมีความสุขโดยไม่ต้องนึกถึงฉันเลย เธอคงโกรธฉันแหละที่ฉันบอกให้เธอไปเอาเด็กออก แต่ทำไมฉันถึงยังรู้สึกเหมือนเสียอะไรบางอย่างที่มันไม่ควรเสียไปอยู่เลยนะจีน่า เธอทำอะไรกับฉันไว้ยัยบ้าเอ้ย!” เสียงบ่นปนต่อว่าเบา ๆ ก็ดังขึ้น มันควรจะเป็นวันที่เขามีความสุขและรู้สึกดีกับชีวิต ทำไมเขากลับไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุข แต่ยังคิดถึงอดีตที่เขาเคยทำให้หายไปจากชีวิตได้ไม่เคยลืม 21:00 น. ทางด้านจิณห์วรา กลางดึกของคืนเดียวกัน ภายในห้องนอนเก่า ๆ ที่มีเพียงพัดลมตัวเก่าและแสงจากดวงจันทร์สาดส่องจากนอกหน้าต่างห้อง ความเงียบของบรรยากาศยามค่ำคืนของหมูบ้านชนบท เสียงหมาเห่าหมาหอนดังแว่วให้ได้ยินตลอดเวลา ทุกคนเข้านอนกันแต่หัวค่ำ พลอยทำให้บ้านของยายจันทร์ก็ต้องดับไฟเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ทันสองทุ่มเลย ร่างของคุณแม่ตั้งครรภ์นอนตะแคงอยู่บนฟูกบาง ๆ ที่ปูบนพื้นไม้ ภาพรอยยิ้มของเขาที่เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตของเธอ ยังคงอยู่ในความคิดถึงไม่เคยจางหาย แม้พยายามจะไม่นึกถึงแต่มันก็อดไม่ได้ทุกครั้งเลย ภาพข่าวงานหมั้นที่เกิดขึ้นของเขาในวันนี้ ยิ่งตามหลอกหลอนจนสลัดทิ้งออกจากหัวไปไม่ได้ ก่อนที่จิณห์วราจะค่อย ๆ วางมือลงลูบวนที่หน้าท้องของตัวเองเบา ๆ สัมผัสลูกน้อยผ่านผ้าห่มที่คลุมหน้าท้องเอาไว้ น้ำตาร่วงหล่นลงเงียบ ๆ ไม่มีเสียงสะอื้น “แม่อาจจะไม่มีอะไรเลยนะลูก ไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีแม้แต่พ่อของลูกให้ลูกได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม แต่แม่สัญญาว่าแม่จะรักลูกสุดหัวใจนะคะคนเก่ง สู้ไปด้วยกันนะลูก เราจะผ่านทุกปัญหาในชีวิตไปด้วยกันให้ได้” ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง ฝ่ามือเรียวยังลูบวนหน้าท้องตัวเองซ้ำ ๆ เหมือนต้องการย้ำเตือนใจว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ ที่ยังรักเธออยู่และจะเป็นความสุขเดียว ของขวัญจากเขา...ผู้ชายใจร้ายคนนั้นที่เธอเคยรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง “ต่อไปนี้ เราจะไม่เสียน้ำตาเพราะเขาอีก เขาเป็นแค่อดีตที่ไม่ควรค่าให้จดจำ แต่ลูกของแม่จะเป็นอนาคตที่แม่จะปกป้องให้ดีที่สุดแม่สัญญา” ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหน้าอก ค่อย ๆ เอนตัวลงนอนอย่างเหงาใจ “พรุ่งนี้จะเป็นวันใหม่ที่แม่จะไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่อ่อนแออีกต่อไป” เหมือนเป็นคำสัญญากับลูกน้อยก่อนที่จะนอนหลับไปในค่ำคืนนี้ บอกกับตัวเองให้เข้มแข็งและก้าวผ่านทุกอย่างไปให้ได้เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD