ต อ น ที่ 6
ไม่พอใจ
วัลดัสที่มองโรแซนพยายามลุกออกจากที่นอนอยู่หลายครั้งด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกจากที่นอนเดินไปอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนแกร่ง
“ขอบคุณค่ะ”
“นึกว่าจะอวดดีซะอีก”
“แซนไม่เคยอวดดีค่ะ”
“แล้วที่ไอ้พยายามลุกเมื่อกี้คืออะไร”
“ทำท่าไปงั้นแหละค่ะ แซนทำงานกับบอสมานาน แซนรู้ว่าเดี๋ยวบอสก็มาช่วยแซน เหมือนที่แซนมาทำงานวันแรกแล้วรองเท้ากัด บอสยังให้คนเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้เลยไม่ใช่เหรอคะ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนสั่งให้เอาไปให้”
“ก็วันต่อมาที่แซนใส่รองเท้าส้นสูง บอสเอาแต่มองเท้าแซนตลอดเวลาเลยนี่คะ ตอนแรกก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่เมื่อกี้นี้บอสยอมรับแล้วว่าเป็นคนสั่งให้คนเอาไปให้”
“...” วัลดัสเลือกที่จะเงียบเพราะรู้สึกอายลึกๆ ที่ถูกจับได้
“แถมยังมีตอนที่บอสให้คนเอาถุงน้ำร้อนไปให้ตอนแซนปวดประจำเดือนอีก แล้วก็...”
“พอ”
“หึ” โรแซนแค่นยิ้มด้วยความเอ็นดูถึงแม้หน้าตาของเขาจะดูเคร่งขรึม แต่ใบหูของเขากลับแดงฉ่าบ่งบอกว่าตอนนี้เขารู้สึกอายแค่ไหน “ขอบคุณที่เป็นเจ้านายที่ดีนะคะ ถ้าตอนนี้เราไม่ล้ำเส้นกันความสัมพันธ์ของพวกเราคงจะยาวกว่านี้”
“หมายความว่ายังไงของเธอ”
“ก็ถ้าบอสเบื่อเมื่อไหร่ แซนก็คงต้องออกจากงานด้วย”
“ทำไม”
“แซนไม่อยากคอยหาผู้หญิงให้บอสทั้งๆ ที่บอสพึ่งเขี่ยแซนทิ้งหรอกนะคะ แบบนั้นคงช้ำใจน่าดู แซนทำไม่ได้หรอกค่ะ” โรแซนตอบติดตลก ถึงแม้ในใจเธอจะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเมื่อคิดว่าสักวันวัลดัสก็ต้องทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน
วัลดัสไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเหมือนเคย เขาวางร่างบางลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า พร้อมกับหยิบแปรงสีฟันของเธอมาบีบยาสีฟันใส่ให้โดยที่เธอเพียงแค่นั่งมองการกระทำของเขาเงียบๆ เท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เธอเผลอใจเต้นแรงกับการกระทำของเขาไปโดยไม่รู้ตัว
“พูดมากปากเหม็น” วัลดัสบอกพร้อมกับยื่นแปรงสีฟันให้คนตัวเล็ก
“เหรอคะ” โรแซนตวัดขาเกี่ยวรัดเอวสอบเอาไว้ ก่อนจะยื่นหน้าไปแปรงฟันใกล้ๆ ใบหน้าคมคาย ที่มองมาที่เธอด้วยสายตาราบเรียบ ทำให้เธอไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ มองดีๆ เหมือนจะอ่อนโยน แต่ถ้าคิดแบบนั้น เธอคงจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป
“กล้าทำขนาดนี้แล้วเหรอ”
“นอกเวลางานนี่คะ”
“เคยเห็นผู้หญิงที่นอนกับฉันพูดกับฉันเกินห้าประโยคไหม”
“แล้วบอสเคยเห็นแซนกลัวบอสบ้างไหมคะ”
“หรือฉันต้องทำให้เธอกลัวฉันเหมือนผู้หญิงพวกนั้น”
“ถ้าบอสทำกับแซนเหมือนทำกับผู้หญิงพวกนั้น แซนก็จะไปจากบอสทันทีเหมือนกัน” โรแซนบอกขณะที่อมแปรงสีฟันเอาไว้ในปาก เพื่อหยุดพูดคุยกับเขา
“คิดว่าถ้าฉันไม่อนุญาตเธอจะได้ไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“แล้วบอสมีสิทธิ์อะไรมาห้ามแซนไม่ให้ไปจากบอสเหรอคะ ขนาดคนที่เคยเป็นแฟนแซนยังห้ามแซนไม่ได้เลย” โรแซนตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุดันที่จ้องมองมาที่เธอเลยแม้แต่น้อย
“เธอเคยมีแฟนด้วยงั้นเหรอ”
“ทำไมจะไม่เคยล่ะคะ”
“ทำอะไรกับพวกมันมาบ้าง”
“ทุกอย่างที่ทำกับบอสแซนก็เคยทำหมดนั่นแหละค่ะ แค่ไม่อนุญาตให้สอดใส่เฉยๆ เพราะแซนก็ขี้เบื่อเหมือนบอสนั่นแหละ”
“ต่อไปนี้ห้ามเธอเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอีก”
“แซนเจ็บ!” โรแซนบอกเสียงแข็ง เมื่อวัลดัสแสดงพฤติกรรมหยาบคายโดยการเลื่อนมือมาบีบปลายคางเธออย่างแรง
“อย่าท้าทายฉันนะโรแซน เธอรู้ว่าฉันใจดีกับเธอ แต่เธอก็ควรรู้ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงสกปรก”
“อย่ามาใช้กำลังกับแซนนะ!” โรแซนรวบรวมแรงปัดมือหนาออกด้วยแววตาโกรธเคือง มือเรียวยกขึ้นลูบปลายคางตัวเองเบาๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บ ร่างบางกระโดดลงจากเคาน์เตอร์หันไปทำความสะอาดช่องปากให้เรียบร้อย แล้วพยุงร่างบอบช้ำเดินออกไปด้วยความยากลำบาก
“อย่าเดินหนีฉันโรแซน” วัลดัสตามกลับมากระชากร่างบางให้หันไปคุยด้วยความไม่พอใจ
“ปล่อย” โรแซนบอกเสียงเรียบ โดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“พูดกับฉันก็มองหน้าฉัน”
“...” ประโยคของวัลดัสทำให้โรแซนเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไปแทน ทว่านั่นกลับยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับวัลดัสไม่น้อย
“อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดนะโรแซน”
“...”
“ได้!” ร่างบางถูกเหวี่ยงไปบนที่นอนอย่างแรงส่งผลให้ช่องทางรักที่อักเสบเป็นทุนเดิม แสบร้อนขึ้นมาในทันที
“อึก!” โรแซนนอนขดตัวด้วยความทรมาน เมื่อบาดแผลถูกกระทบจนสัมผัสได้ถึงอาการฉีกขาดจากแรงเหวี่ยงเมื่อครู่
“ฉันใจดีกับเธอไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอมาแข็งข้อใส่ฉันนะ”
“อะไรที่ว่าแข็งข้อเหรอคะ ไม่พอใจกับอดีตของแซนเหรอ ที่แซนนอนกับคนอื่น กอดคนอื่น จูบกับคนอื่น เคยอมของคนอื่นมาก่อน ถ้าแค่นี้เรียกสกปรก บอสที่เอาไม่ซ้ำหน้าต้องเรียกว่าอะไร”
“โรแซน!” วัลดัสก้าวเข้ามากระชากแขนคนตัวเล็กด้วยสายตาเดือดดาล
“อย่ามาหวงแซน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” โรแซนพยายามสะบัดแขนออกจากพันธนาการที่เริ่มบีบแรงขึ้นด้วยสีหน้าเหยเก “โอ๊ย! แซนเจ็บ!”
“เจ็บแล้วทำไมไม่จำ ทำไมต้องรั้นกับฉันตลอดเวลาฮะโรแซน”
“แซนก็เป็นพวกเจ็บแล้วจำค่ะ จะจำให้ขึ้นใจว่าบอสเป็นพวกเคยใช้ความรุนแรงกับแซน เคยมองแซนเป็นผู้หญิงสกปรก ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับแซนสิคะ เพราะแซนลบอดีตที่เคยผ่านมาไม่ได้หรอก ที่เคยนอนกับบอสก็เหมือนกัน สักวันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นอดีตอยู่ดี”
“ฉันแค่บอกไม่ให้เธอยุ่งกับผู้ชายคนอื่นมันยากมากเลยรึไง ทีเธอยังไม่ให้ฉันนอนกับผู้หญิงคนอื่นเลย”
“แซนปฏิเสธเหรอคะ บอสฟังคำตอบแซนไหม บอสมาใช้กำลังกับแซนเพราะไม่พอใจอดีตของแซน ทั้งที่ถ้าเปรียบเทียบแล้วบอสสกปรกกว่าแซนด้วยซ้ำ บอสใช้อำนาจของตัวเองกดขี่คนอื่นจนเคยชิน รู้สึกสูงกว่าคนอื่นมากเลยเหรอคะกับการใช้กำลังรังแกคนอื่นแบบนี้ ผู้หญิงพวกนั้นอาจจะยอมเป็นที่ระบายอารมณ์ของบอส แต่แซนไม่ยอม ไม่มีเหตุผลอะไรให้แซนจะต้องมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของบอส บอสจะเซ็กซ์จัด รุนแรงแซนไม่เคยว่า มันสามารถมองหยวนๆ เป็นรสนิยมทางเพศได้ แต่เมื่อกี้มันไม่ใช่ บอสไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายแซน”
วัลดัสนิ่งเงียบไป เขาไม่รู้เลยว่าเขากำลังกระทำการรุนแรงกับเธออยู่ คงเป็นเพราะเขาทำแบบนั้นจนเคยชินและไม่มีใครกล้าที่จะบอกกับเขาตรงๆ แบบนี้ วัลดัสค่อยๆ คลายมือออกจากต้นแขนเล็กจนเป็นอิสระในที่สุด ทำให้
โรแซนใช้มือผลักร่างเขาให้ออกห่าง แต่ตรงใจกลางความเป็นสาวของเธอก็เจ็บแสบเกินกว่าจะขยับไหว
“ขอดูหน่อย” วัลดัสเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับยื่นมือหมายจะแยกเรียวขาเล็กออก เพื่อดูบาดแผลตรงใจกลางความเป็นสาว
“อย่ามาแสนดีตอนนี้ แซนซึ้งไม่ลงหรอกค่ะ” โรแซนปัดมือหนาออกด้วยท่าทางรังเกียจ ทำให้วัลดัสรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงแค่ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเพื่อคลายความหงุดหงิด ตอนนี้โรแซนกำลังโกรธทำอะไรไปเธอก็คงไม่พอใจอยู่ดี
โรแซนพยายามข่มความเจ็บปวดจากช่องทางรักเอาไว้ เตรียมก้าวลงจากเตียงนอนอีกครั้งหลังจากนั่งพักบนเตียงนิ่งๆ อยู่นานพอสมควร โดยมี
วัลดัสนั่งมองเธออยู่อีกมุมของเตียงนอน ทว่าครั้งนี้เธอกลับเดินตรงไปที่กระเป๋าเดินทางของตัวเองแทน โดยมีวัลดัสมองการกระทำของเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ
“จะทำอะไร” วัลดัสเอ่ยถามเสียงแข็ง
“...” เธอเลือกที่จะหยิบเอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ทันได้ย้ายออกมาจากกระเป๋าหนึ่งชุด พร้อมกับเปลี่ยนมันเสร็จสรรพ โดยชุดอื่นๆ ก็ยังคงถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเดิม ก่อนที่มันจะมากระจายอยู่ที่พื้นในนาทีถัดมา เมื่อวัลดัสเดินตรงเข้ามาเทข้าวของในกระเป๋าเดินทางของเธอออก
“ฉันถามว่าทำอะไร”
“...” โรแซนนิ่งเงียบแทนการตอบปะทะอีกฝ่าย เพราะเธอมั่นใจว่าเธอได้พูดทุกอย่างออกไปชัดเจนหมดแล้ว
“โรแซน” วัลดัสเอ่ยเรียกชื่อเลขาสาวเสียงเข้มเมื่อเธอยังคงนั่งเก็บเสื้อผ้าที่เขาเหวี่ยงทิ้งก่อนหน้านี้เข้าไปในกระเป๋าเดินทางเหมือนเดิม ทำให้คราวนี้เขาต้องยกกระเป๋าเดินทางเหวี่ยงไปอีกฝั่งของห้องแทน
“...” โรแซนเงยหน้ามองการกระทำไร้มารยาทของวัลดัสเพียงนิด เธอลุกขึ้นยืนมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกโยนไปอีกฝั่งโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะหมุนตัวหันหลังไปยังประตูห้องนอนแทน
“เป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เราจำเป็นต้องใช้เหตุผลกับคนที่ใช้อารมณ์เหรอคะ” โรแซนยอมตอบกลับไป เมื่อวัลดัสเดินมายืนขวางทางเธอเอาไว้
“โกรธที่ฉันรุนแรงว่างั้น?”
“มันควรไหมล่ะคะ”
“...”
“ในสายตาบอสแซนคงเหมือนกับผู้หญิงที่บอสเคยนอนด้วย ถึงได้ทำกับแซนแบบนี้”
“...”
“แซนเปลี่ยนใจแล้วค่ะ แซนไม่อยากพ่วงสถานะนางบำเรอให้บอสแล้ว แซนจะกลับบ้านกรุณาหลีกทางด้วยค่ะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปจากฉัน”
“แซนก็บอกแล้วไงคะ ว่าบอสบังคับแซนไม่ได้”
“งั้นก็มาลองดูว่าเธอจะได้ออกไปจากที่นี่ไหม” วัลดัสบอกเสียงเรียบก่อนจะอุ้มร่างบางพาดบ่าไปที่ห้องแดง
“ปล่อยแซนนะ!” กำปั้นเล็กทุบลงบนแผ่นหลังแกร่งรัวๆ เมื่อถูกพันธนาการเอาไว้
ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนที่นอนสีแดงเพลิงภายในห้องอย่างไม่แรงมากนัก จากนั้นวัลดัสจึงเดินไปหยิบโซ่มาล่ามข้อเท้าเรียวแล้วล็อกเอาไว้กับเสาเตียง
“ปล่อยแซนเดี๋ยวนี้! แซนไม่ใช่นักโทษ!”
“สำนึกได้เมื่อไหร่ ค่อยเรียกฉันมาแก้ให้ก็แล้วกัน”
“แซนทำอะไรผิด ทำไมต้องสำนึก” ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่มาก แต่โรแซนก็ยังคงต่อกรกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“สำนึกว่าเธอเป็นของใคร เธอเป็นของฉันโรแซน เธอต้องอยู่กับฉันเท่านั้น” วัลดัสเดินเข้ามาพูดประชิดริมฝีปากอวบอิ่มด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
“ถ้าหมายถึงตัวก็เอาไปเถอะค่ะ ก็แซนขายให้คุณแล้วนี่คะ ตามสบาย แต่อย่าหวังว่าแซนจะให้อภัยกับสิ่งที่คุณทำกับแซนในวันนี้เลยนะคะ เพราะแซนไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่จะให้คุณล่ามโซ่เฆี่ยนตีได้ตามใจชอบ” โรแซนจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยแววตาแดงก่ำ เธอพยายามบีบน้ำตาแสดงเป็นตัวละครที่น่าสงสารให้อีกฝ่ายเห็น
“...” วัลดัสที่ดูเหมือนจะพึงพอใจกับการกระทำของตัวเองในตอนแรกชะงักไป เมื่อหยดน้ำตาใสๆ ไหลลงมาอาบแก้มนวล พร้อมกับประโยคตัดพ้อต่างๆ นานาที่พรั่งพรูออกมา
“ทำเลยสิคะ เอาให้พอใจ จะได้เลิกแล้วต่อกันสักที แซนไม่อยากทนเห็นตัวเองในสภาพนี้แล้ว” โรแซนยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตา เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่ได้อยากจะร้องไห้ ถึงแม้เธอจะตั้งใจบีบน้ำตาออกมาด้วยตัวเองก็ตาม
โรแซนพลิกตัวนอนหันไปอีกฝั่งโดยที่ข้อเท้ายังคงมีตรวนโซ่ล่ามเอาไว้ วัลดัสมองแผ่นหลังบางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้อง ไม่นานก็เดินกลับเข้ามาพร้อมครีมซุปถ้วยหนึ่ง
“มากินข้าว”
“...”
“ถ้าแก้โซ่ให้จะมากินไหม”
“...”
“ถ้าไม่ทำแบบวันนี้แล้วจะพอใจได้รึยัง”
“บอสทำไม่ได้หรอกค่ะ แซนก็แค่เลขาหน้าห้อง บอสจะทำอะไรกับแซนก็ได้อยู่แล้ว แซนสู้บอสไม่ได้หรอกค่ะ” โรแซนแสร้งตอบกลับด้วยประโยคตัดพ้อเพื่อลองใจมาเฟียหนุ่ม
แกร๊ก~
เสียงโซ่ตรวนถูกปลดออกพร้อมกับที่นอนด้านหลังร่างบางที่ยุบตัวลง เมื่อวัลดัสยอมปลดโซ่ให้เธอแล้วประคองร่างเธอให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหันไปหยิบถ้วยซุปมาป้อนให้คนตัวเล็กที่ยังคงแสดงละครอย่างต่อเนื่อง
มุมอ่อนไหวของหญิงสาวทำให้วัลดัสทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์กระอักกระอ่วนในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงตามใจเธอเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น
“กินข้าว” วัลดัสบอกเมื่อโรแซนไม่ยอมอ้าปากรับครีมซุปที่เขาตักให้เข้าปาก
“ปลดล็อกโซ่ทำไมคะ”
“แล้วเธอร้องไห้ทำไม”
“โดนกระทำเหมือนหมูเหมือนหมาต้องดีใจเหรอคะ โดนดูถูกทั้งการกระทำและคำพูด แซนต้องยิ้มรับไหมคะ” โรแซนประชดประชันเมื่อตัวเองเริ่มกลับมาเป็นต่ออีกครั้ง
“...”
“ปลดล็อกเพราะไม่อยากเห็นแซนร้องไห้เหรอคะ”
“ถ้าตอบว่าใช่จะกินได้รึยัง” คำตอบของวัลดัสทำให้โรแซนแอบยิ้มในใจ ก่อนจะพยายามบีบน้ำตาออกมาอีกครั้ง
“แซนกินไม่ลงหรอกค่ะ แซน...ฮึก...อยากกลับบ้าน” โรแซนแสร้งก้มหน้าก้มตาร้องไห้เพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
พรึ่บ!
“อื้อ!” ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ใบหน้าหวานก็ถูกช้อนขึ้น พร้อมไออุ่นจากริมฝีปากหนาที่ทาบทับลงมาบนกลีบปากอวบอิ่ม
วัลดัสบรรจงจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างละเมียดละไม ผิดจากทุกครั้งที่มักจะมอบแต่ความรุนแรงมาให้เธอเสมอ มือหนาเลื่อนสอดเข้าไปประคองศีรษะเล็กทุยอย่างเชื่องช้า ปลายลิ้นหนาค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปเกี่ยวพันปลายลิ้นเล็กอย่างอ่อนโยน ทำให้โรแซนเผลอไผลไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากเขา เธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ และตอบรับจูบของเขาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว วัลดัสค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมจ้องมองดวงตาแดงก่ำของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
ภายในห้องสีแดงเพลิงตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของทั้งสองคนที่สอดประสานกันเป็นระยะเท่านั้น