หวามรสสุรา

1187 Words
ณ หอแดง ภัตตาคารขึ้นชื่อเรื่องงานแสดงศิลป์ หนิงเซียนหยา นายหญิงน้อยสกุลหนิงเป็นผู้ริเริ่มกิจการหอแดงตั้งแต่อายุเพียงสิบสองปี นางเป็นสตรีผู้มีความคิดเกินวัย อาจเป็นเพราะเติบโตมากับบุรุษที่โตกว่าเป็นสิบปีอย่างเฟิ่งซีและเฟิ่งถง สองแฝดเป็นพี่ชาย เพื่อน อาจารย์ บ่าวรับใช้ หรือแม้แต่เป็นม้าให้นางขี่เมื่อครั้งยังเด็ก ความผูกพันในฐานะใดมิอาจเรียกขานแต่ทั้งสามสนิทสนมกันอย่างแน่นแฟ้น เมื่อนายหญิงน้อยพ้นวัยปักปิ่น คุณชายใหญ่จวนสกุลเฉินนามว่า เฉินเสี่ยวตงนำแม่สื่อมาสู่ขอนายหญิงน้อยสกุลหนิงตามคำสั่งเสียของบรรพบุรุษ เฉินเสี่ยวตงมีตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้าย บริหารจัดการเรื่องเสบียงส่งให้กองทัพ เขามีทั้งอำนาจบารมีและที่สำคัญมีสาส์นสั่งเสียจากบรรพบุรุษอยู่ในมือ มันคือคำสั่งให้นายหญิงน้อยหนิงเซียนหยาตบแต่งเป็นฮูหยินเอกจวนสกุลเฉิน ดั่งโลกถล่ม ดั่งดวงใจถูกบีบรัดให้แหลกลาญ สองบุรุษต่างรู้สึกเหมือนถูกควักดวงใจไปสับเป็นหมื่นชิ้นให้สุนัขกิน พวกเขาเป็นคนแบกนางขึ้นเกี้ยวในฐานะพี่ชาย มองดูนางแต่งออกจากจวนไปเป็นฮูหยินเสนาบดี บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มยินดีทั้งน้ำตา เหนือกว่ารักคือการปล่อยไปอย่างยินดี นางมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ยินยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี ผู้นำสกุลหนิงนามว่าหนิงอันเผิง ท่านอาของหนิงเซียนหยาได้ทัดทานเรื่องการแต่งงาน หากนางไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง ส่วนข้อตกลงเรื่องการค้าระหว่างสองตระกูลเพียงจบสิ้นกัน โดยมีเหมืองทองคำในเมืองซางซุยเป็นเดิมพัน สกุลหนิงกับสกุลเฉินแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง แต่หากฝ่ายใดผิดสัญญาแต่งงานต้องยกเหมืองทองคำในเมืองซางซุยให้อีกฝ่ายเพื่อชดเชย สัญญาเหมืองทองอาจสร้างความเสียหายให้สกุลหนิงอย่างมหาศาล แต่หากเทียบกับการทำร้ายจิตใจหลานสาวเพียงคนเดียว หรือบังคับให้นางแต่งงานโดยไม่ยินยอม ผู้นำสกุลหนิงยอมเสียเหมืองทองคำดีกว่าให้หลานสาวเสียใจ แม้ผู้เป็นอาทัดทาน แต่หนิงเซียนหยาก็แต่งตามสาส์นระบุความประสงค์เชื่อมความสัมพันธ์ของสองตระกูล เหตุผลหนึ่งคือนางพึงใจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ด้วยลมปากบุรุษสัญญาว่าจะรักนางเพียงผู้เดียวมิมีสตรีใดอื่นให้นางต้องหมองใจ เฉินเสี่ยวตงสง่างามเฉลียวฉลาดหาใดเปรียบ เขาได้พบนางเพียงครั้งเดียวก่อนแต่งงาน แม้เพียงครั้งเดียวก็ทำให้หนิงเซียนหยาตกหลุมรัก ตกปากรับคำยอมเป็นฮูหยินสกุลเฉิน ห้าปีผ่านไป อีกไม่กี่เดือนหนิงเซียนหยาจะอายุเต็มยี่สิบปี มิรู้ว่าทุกข์หรือสุขเพียงใดนางมิเคยปริปาก สตรีแต่งงานแล้วดั่งน้ำสาดออกจากเรือน เฟิ่งซีกับเฟิ่งถงดูแลกิจการการค้าหลายอย่างช่วยผู้นำสกุลหนิง หนึ่งในนั้นคือกิจการหอแดงของนายหญิงน้อย พวกเขามีโอกาสได้พบนางเพียงผ่าน ๆ พบแต่มิได้คุยกันมากนักด้วยว่านางแต่งงานออกเรือนแล้ว ไม่อยากทำตัวสนิทสนมออกนอกหน้าจนเป็นที่ครหา ค่ำคืนเงียบดึกสงัด แขกเหรื่อกลับไปจากหอแดงจนเกือบหมดแล้ว ดวงตาคมกล้าสื่อความหมายว่าเป็นห่วงนาง สองแฝดต่างมองหน้ากันเมื่อเห็นท่าทีราวกับไร้วิญญาณของสตรีตรงหน้า นางคงสะเทือนใจไม่น้อย หนิงเซียนหยาเดินเข้าประตูไปที่ห้องของนาง บุรุษฝาแฝดเดินตามไปหน้าห้อง “อยากดื่มหรือไม่” เฟิ่งซีเคาะประตู “พวกข้าจะดื่มเป็นเพื่อน” เฟิ่งถงเอ่ยขึ้น รอคำตอบรับของนาง "เข้ามาเถิด ข้าอยากมีเพื่อนดื่มอยู่พอดี" นางตอบออกมาจากในห้อง ทั้งสองเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหิ้วไหสุราในมือคนละไห "กะจะมอมเหล้าข้าเลยรึ นั่นนำมาดื่มกินหรือนำมาอาบ" นางยิ้ม "ทุกสิ่งดั่งใจเจ้าปรารถนา" "พวกพี่รู้ว่าเจ้าเสียใจ" เฟิ่งซีเอ่ยขึ้น ยามอยู่กันเพียงสามคน สรรพนามแทนตัวกลับกลายเป็นพี่กับน้องหญิงอย่างเช่นวันวาน "ผู้ใดทำให้น้องหญิงหลั่งน้ำตา ข้าจะสังหารมัน" เฟิ่งถงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาขบกรามเข้าด้วยกันจนเป็นสันนูน "รักมิอาจบังคับจิตใจ" "นางสาวใช้แพศยามันดีกว่าเจ้าตรงที่ใด" เฟิ่งซีกระแทกไหสุราลงบนโต๊ะ มือหนาหยิบกาสุราทำจากหยกขาวมาเทสุราใส่ให้นาง ส่วนเขาเทสุราในไหลงคอ "หรือเจ้าอยากสังหารเสนาบดี" เฟิ่งถงกล่าวทีเล่นทีจริง "ทำได้หรือ?" นางเลิกคิ้ว เทสุราในกาลงจอกแล้วยกขึ้นจิบ "หากเป็นความประสงค์ของเจ้า พวกพี่ไม่เคยขัด" "ข้าเพียงอยากไปดูให้เห็นด้วยตาในสิ่งที่ข้าสงสัย" นางถอนหายใจ "สามีของเจ้าสัญญาว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว" "สัญญาจากปากบุรุษไม่เคยมีอยู่จริง" นางกระดกสุราเข้าปากหลายจอกติดกัน "ก็มิใช่ทุกคนหรอกน้องหญิง" "แล้วพวกท่านเล่า" "พวกพี่จงรักและภักดีแต่เพียงเจ้า" "ในฐานะใด" นางเอ่ยถาม สายตาคาดคั้นอย่างจริงจัง คู่แฝดก้มหน้าไม่ยอมตอบเพราะรู้ว่าตนเองมีสถานะใด แม้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างบุตรชายสกุลหนิง แต่พวกเขาก็เป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น "ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าพวกท่านรักข้า" ร่างบอบบางอรชรดื่มสุราเข้าไปมากมาย เมื่อสุราออกฤทธิ์ ทำให้เรือนร่างอวบอิ่มร้อนผ่าวทั่วร่างจนต้องถอดเสื้อนอกออก "สวมเสื้อเสียเดี๋ยวนี้" เฟิ่งซีกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นเรือนร่างเย้ายวนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงอาภรณ์สีขาวโปร่งเบาด้านใน บางเบาเสียจนแทบไม่ปกปิด สามคนนั่งลงรับประทานอาหารพร้อมกัน มีเพียงเสียงเงียบกับเสียงเทสุราสลับกันเป็นระยะ "คืนนี้ต้องใช้แรงอีกมาก" นางหัวเราะ มิรู้ว่าสื่อความสิ่งใด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ บรรยากาศในห้องช่างเป็นใจให้ทำกิจกรรมกระชับรัก เมื่อสุราเข้าปาก อารมณ์ปรารถนาในกายนางเริ่มพลุ้งพล่านขึ้นมา สายตาจ้องมองสองบุรุษอย่างโลมเลีย ทั้งสองสบตานาง ใบหน้าร้อนผ่าวเช่นกันเมื่อเห็นสายตาวาบหวามสื่อความอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด ยิ่งนางเห็นภาพสังวาสร้อนฉ่าของสามีตนกับสาวใช้แพศยา หนิงเซียนหยามีอารมณ์ไม่น้อย นางรู้สึกถึงความฉ่ำชื้นกลางกาย แต่บุรุษตรงหน้ากลับมีศักดิ์และความสนิทสนมอย่างพี่ชาย แต่กามกระสันใดเล่าจะหยุดยั้งไหว เมื่อสุรามิอาจล้างใจ นางอาจต้องใช้เรือนกายบุรุษอื่นเยียวยา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD