16

1683 Words
“คุณแม่นั่งพักก่อนดีกว่าครับ มาเหนื่อยๆ ผมจะให้ขิงอุ้มหลานมาให้คุณแม่ดูแน่นอน” เตชัสบอกมารดาที่เดินนำเข้ามายังห้องรับแขก แต่ไม่ยอมนั่งลงเสียที ราวกับต้องการเห็นคนที่อยากเห็นเสียก่อน “ใครกันขิง” คุณธัญวดีถามขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วที่วาดมาเป็นอย่างดีย่นยู่เข้าหากัน ละสายตาจากการกวาดมองหาเด็กน้อยที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกฉัตรเทพ ปารารินเองก็เช่นกัน ดวงตาคู่กลมโตหันไปมองคนที่อยู่ในฐานะพี่ชายแต่อีกหน่อยเขาจะเป็นสามีในอนาคตของเธอ มารดาเลี้ยงเปรยกับเธอบ่อยครั้ง ว่าอยากให้เธออยู่ในฐานะลูกสะใภ้ ปารารินเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้ “ขิง ชื่อคุ้นๆ นะคะ” “ขิง ผู้ช่วยเลขานุการที่บริษัท พี่ให้ขิงมาเป็นพี่เลี้ยงของน้องปลาวาฬชั่วคราว เพราะเมื่อวานอย่างที่คุณแม่เห็น ลียาพาปลาวาฬมาแบบกะทันหัน ผมเลยหาคนเลี้ยงไม่ทัน ส่วนผมก็เลี้ยงเด็กไม่เป็น จะหวังให้ป้าอุ่นมาช่วยดูแลปลาวาฬระหว่างที่ผมกำลังหาพี่เลี้ยงให้ ป้าอุ่นแกก็ตกบันไดนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ผมเลยต้องขอให้ขิงเขามาช่วยดูแลปลาวาฬ” คุณธัญวดีหรี่ตามองลูกชายคนโตที่ตอนนี้เป็นทายาทคนเดียวของนางด้วยสายตาจับผิด นางเชื่อเรื่องที่เตชัสเลี้ยงเด็กไม่เป็น แต่ว่าก็อดเคลือบแคลงเรื่องความสัมพันธ์แบบอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ก็ชื่อเสียงเรื่องเจ้าชู้ของลูกชายหยอกเสียเมื่อไรกันล่ะ ก่อนหน้านี้ทั้งดารา นางแบบ พริตตี้ ต่างตามมาเฝ้าหน้าห้องทำงานเตชัสบ่อยๆ ทำไมนางจะไม่รู้ มีพักหลังมานี่ทำตัวดีหน่อย ไม่มีข่าวคาวเรื่องผู้หญิงมาเข้าหูนาง อีกอย่างคุณเอมอรมีผู้ช่วยเลขานุการตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมนางไม่เห็นรู้เรื่อง “แล้วไว้ใจได้แค่ไหนกันถึงได้พามาถึงเพนต์เฮาส์ เตบอกแม่ว่าเขาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ แล้วจะเลี้ยงเด็กได้เหรอ ไม่ใช่ว่าจ้องจะจับเตหรอกนะ” “คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ล่ะครับ ขิงเขาเคยทำงานเลี้ยงเด็กในเนอสเซอรีของเพื่อนผมมาก่อน และอีกอย่างขิงอุตส่าห์ช่วยผมเลี้ยงปลาวาฬ ถ้าไม่มีขิงสักคน ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะทำยังไง” “คุณแม่คะ พี่เตเขาพูดถูกนะคะ พี่เตจะหาคนเลี้ยงได้จากไหนในเวลาฉุกละหุกแบบนี้ คุณแม่อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยนะคะ” ปารารินบอกอย่างเอาใจ แม้ในใจจะไม่สบอารมณ์ที่ว่าที่สามีพาหญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาที่เพนต์เฮาส์ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาก็ตาม แต่เธอก็เรียนรู้ที่จะนิ่งเงียบ และแสร้งทำตัวน่ารักให้คุณธัญวดีเอ็นดู ดีกว่าทำตัวฉลาดอวดรู้ “ริน เรามันอ่อนต่อโลก ตามคนไม่ทันหรอกลูก แม่ว่าเราอยู่เฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวที่เหลือแม่จัดการเอง” ปารารินลอบยิ้มที่มุมปาก ผิดจากที่คิดเสียที่ไหน เพราะคุณธัญวดีไม่เคยมองใครในแง่ดี แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มลงทันทีเพราะสายตาคมของเตชัสที่มองมาอย่างรู้ทัน คนในบ้านที่ฉลาดที่สุดก็คือพี่เตชัส ว่าที่สามีของเธอนี่แหละ “เตจะไปอุ้มเด็กมา หรือจะให้แม่ไปเอง” เสียงจับผิดของมารดาทำให้เตชัสหันไปมอง พลางถอนใจเฮือก “ผมจะบอกให้ขิงพาออกมาเดี๋ยวนี้ครับ” ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องนอน ทว่ายังไม่ทันไปถึงประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน ขวัญดาวอุ้มเจ้าปลาวาฬยักษ์ออกมาพอดี “คุณเต” “ขิงมาพอดี คุณแม่ของผมมา ขิงพาปลาวาฬไปให้ท่านดูหน่อย ท่านอยากเห็นหน้าหลาน” เตชัสบอก ขวัญดาวเกิดอาการขาแข็งขึ้นมาในทันที คนในบริษัทเขาลือกันให้ทั่วว่าแม่ท่านประธานหวงลูกชายมาก ไม่รู้ว่ามารดาของเตชัสจะคิดอย่างไรที่เห็นเธอมาเลี้ยงหลานของท่านที่เพนต์เฮาส์ของเตชัสแบบนี้ แต่เธอก็บอกตัวเองว่าทำตามหน้าที่เลขาฯ และอีกอย่างก็สงสารเด็กด้วย แอ้ แอ้ เจ้าปลาวาฬน้อยแต่ตัวไม่น้อยร้องขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังกินไม่อิ่ม แต่ว่าขวัญดาวก็ต้องพาไปรับแขกก่อน เพราะเป็นแขกสำคัญเสียด้วย “ปลาวาฬเป็นอะไรหรือเปล่าขิง” เตชัสยื่นหน้าเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นปลาวาฬร้องไห้ ส่งเสียงอ้อแอ้ ชะเง้อเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง “แกคงยังไม่อิ่มน่ะค่ะ ท่าทางจะกินเก่งมาก” “พาไปให้คุณแม่ดูก่อน แล้วขิงค่อยป้อนซุปให้แกได้ไหม” “ได้ค่ะ แต่เด็กต้องเร็วหน่อย เพราะเด็กเวลาหิวเขาจะอารมณ์เสียและอาจจะอาละวาด” เตชัสกลืนน้ำลายลงคอ หลานกับย่าท่าทางจะเอาแต่ใจพอๆ กัน “ถ้าไม่พาไปหาคุณแม่ตอนนี้ ท่านคงอาละวาดผมเหมือนกัน เอาเถอะ ให้คุณแม่เห็นหน้าหลานก่อน แล้วผมค่อยให้ขิงพาแกไปกินซุปต่อ” เตชัสสรุป เพราะรู้นิสัยมารดาดี ถ้าหากไม่พาหลานไปหา มารดาต้องคิดว่าเขาหลบซ่อน ปิดบังอีกแน่ๆ แค่เรื่องที่ฉัตรเทพไม่บอกความจริงเรื่องซุกลูกกับเมีย มารดาเขายังโมโหไม่หาย แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะคนก็ตายไปแล้ว ขวัญดาวอุ้มพ่อหนูน้อยหน้าตาขี้เล่นและยิ้มเก่งออกมาท่ามกลางสายตาที่อ่านไม่ออกของคนมาใหม่ ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงสัญญาณดังหน้าประตู แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะมัวแต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ปลาวาฬที่สนุกกับการเอาเท้ากระทุ้งน้ำให้น้ำมันกระเซ็นใส่หน้าคนอาบ จากนั้นเด็กน้อยก็หัวเราะชอบใจ เธอจึงไม่ได้สนใจว่าใครมา และตอนนี้ขวัญดาวก็รู้ว่าสายตาคนมาใหม่ทั้งสองที่มองมานั้นไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย “คุณแม่ครับนี่ละครับ น้องปลาวาฬ ลูกของเจ้าฉัตร” เตชัสรับมาแล้วส่งไปให้มารดา เจ้าปลาวาฬเอียงคอมองไปรอบๆ มองคนโน้นที คนนี้ที พลางเป่าน้ำลายโชว์ “เจ้าปลาวาฬ นี่คุณย่าของเราไง” ร่างเล็กในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักพร้อมส่งเสียงทักทาย ทำให้คุณธัญวดีดึงสายตากลับมาจากการจับจ้องมองร่างบอบบางของผู้ช่วยเลขานุการสาวที่สวยสะดุดตา ดวงตาผู้ผ่านประสบการณ์มามากมองออกทันทีว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้ดึงดูดผู้ชายได้ดี ไม่แคล้วลูกชายนางก็ชอบอีกฝ่ายด้วย “แอ้ แอ้” คุณธัญวดีเบิกตากว้างมองเด็กน้อยในอ้อมแขน แวบแรกที่เห็นก็นึกถึงใบหน้าลูกชายที่จากไปทันที “เหมือนมาก เหมือนตาฉัตรตอนเล็กๆ เลย ต่างกันก็ตรงรูปร่าง” “เหมือนพี่ฉัตรมากเลยนะคะคุณแม่” ปารารินรีบปราดเข้าไปเสริมอย่างรู้จังหวะ “ผมว่าไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลา เบ้าหน้าของเจ้าหนุ่มน้อยนี่ก็บอกอยู่แล้วว่าลูกของเจ้าฉัตรล้านเปอร์เซ็นต์” คุณธัญวดีถอนใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าเสียลูกชายไปแต่กลับได้หลานมาแทน “อืม ไม่ต้องตรวจก็ได้ แม่ก็คิดแบบนั้น แล้วแม่ของเจ้าหนูเป็นใครกัน เตรู้ไหม” “ผมถามจากลียา เห็นว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ฉัตรแอบรักมานาน ผมกำลังติดต่อครอบครัวของแม่ปลาวาฬอยู่ครับ เพื่อทำเรื่องขอรับรองปลาวาฬเป็นลูกผมแทน” “เรื่องใหญ่ทีเดียว ทางนั้นเขารู้หรือยังว่ามีหลานชายอีกคนเข้ามาเป็นสมาชิก” “น่าจะทราบแล้วครับ เพราะแม่ปลาวาฬเสียตั้งแต่ตอนคลอด บ้านทางนู้นคงรู้ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาตกลงกับเจ้าฉัตรไว้ยังไงแค่นั้น” “โถ น่าสงสาร” คุณธัญวดีครางออกมา ใจอ่อนยวบ และไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น ยังส่งนิ้วไปเกลี่ยแก้มยุ้ยๆ ของปลาวาฬยักษ์เบาๆ “ตัวแค่นี้ก็ต้องเสียพ่อเสียแม่ไปแล้ว ย่ากับลุงจะดูแลหลานเองนะจ๊ะ” เจ้าหนุ่มน้อยพอได้ยินเสียงนุ่มที่เต็มไปด้วยความรักก็ยิ้มร่า และเพราะยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนจึงจ้องเขม็งกลายเป็นว่าย่าหลานจ้องตากันอยู่นาน คุณธัญวดีอมยิ้ม เพราะดวงตาใสซื่อที่มองนางช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน แถมยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่ไม่หยุด “เอิ๊กๆ” ไม่รู้ว่าปลาวาฬขำอะไร แต่คนสูงวัยที่อยากมีหลาน จากที่ตั้งอคติว่าแม่เด็กเป็นใครก็ไม่รู้ แต่พอเห็นหน้าเจ้าหนูหน้าตาดีถูกใจ แล้วยังมีเค้าลูกชายนาง ทำให้คุณย่านึกถูกใจ ถูกชะตา เปลี่ยนท่าทีอยากมีหลานขึ้นมาทันที “อารมณ์ดีจริงๆ นะเรา ชื่อปลาวาฬหรือ นี่ย่าวดีเองนะครับ” “ดูท่าปลาวาฬก็เป็นงานไม่น้อยเลย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” “แอ้ แอ้” “อยู่เป็นจริงๆ นะเจ้าปลาวาฬ” เตชัสพูดอย่างยินดี เห็นว่าหลานอยู่เป็นแบบนี้ก็สบายใจ “ชื่อปลาวาฬหรือคะ ชื่อน่ารักน่าฟัดจริงๆ ด้วยค่ะ” ปารารินรีบเออออบ้าง แต่ว่าเตชัสไม่สนใจ หันไปยิ้มให้กับหลานชาย และส่งสายตาวับวาวให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ปารารินเม้มปากไม่พอใจ เพราะเตชัสไม่สนใจเธอเลย เอาแต่มองแม่สาวที่วานให้มาช่วยดูแลหลาน ขณะที่สายตาของขวัญดาวมองไปที่พ่อหนุ่มน้อยตลอดเวลา โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาใครลอบมองอยู่บ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD