ตอนที่ 6 ภายใต้รอยยิ้มคุณ

1620 Words
“ไม่รู้ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า” คนที่หาคำตอบไม่ได้แสร้งเปลี่ยนเรื่องทันที ทั้งที่ในหัวเอาแต่คิดวกวนถึงภาพเขาไม่หยุด แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาแสนสั้นที่ได้รู้จักกัน แต่ใครบางคนกลับทำให้เธอกล้าเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้เขาเข้ามา จนกลายเป็นว่าเขาเริ่มมีบทบาทในชีวิตเธอมากขึ้น “เขินเหรอ” น้ำอิงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วยสายตาจับผิด ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาที่เห็นว่าเพื่อนรักหน้าแดงนำไปก่อนแล้วเรียบร้อย “บ้า ไม่ได้เขินสักหน่อย” จันจ้าวบอกปัด พลางยกมือขึ้นจับแก้มนิ่มที่ร้อนผ่าว “พี่ชานเขาก็ดูเป็นคนดีอยู่หรอกนะ” “แกคิดว่างั้นเหรอ” “เขาก็ดูแลแกดีนี่ ฉันรู้สึกว่าแกมั่นใจขึ้นนะตอนได้ติวกับเขา” พูดจบจันจ้าวก็หลุบตาคิดตาม ยังจำได้อยู่เลยว่าวันแรกที่ได้เจอเขาเธอประหม่าแทบแย่ แต่พอได้รู้จักแล้วใกล้ชิดเขามากขึ้น มุมมองที่เคยเห็นก็เปลี่ยนไปเลย พี่ชานน่ะใจดีที่หนึ่ง.. ตั้งแต่ได้ลองเปิดใจอย่างไร้อคติ เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เอาใส่ใจเก่งมาก ทำให้คนที่เคยไม่มั่นใจในตัวเองอย่างเธอ เอาชนะความกลัวแล้วก็กล้าที่จะลองผิดลองถูกมากขึ้น “อย่าบอกนะว่าเพื่อนฉันกำลังมีความรัก” “ความรักอะไรเล่า พูดอะไรเนี่ย” “พี่ชานทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ใจดีแล้วก็อบอุ่น ไทป์แกเลยนี่” น้ำอิงที่เห็นว่าอีกฝ่ายเขินจนตัวแดงก็อดที่จะแซวไม่ได้ ถึงปากจะไม่เคยพูดออกมา แต่สายตาของจันจ้าวปกปิดความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย เหมือนจะโดนรุ่นพี่ตกอย่างจัง.. เจ้าของแก้มแดงที่กำลังอ้าปากจะปฏิเสธ ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อของชานชวินทร์ที่ถูกบันทึกไว้ว่าพี่ชานก็ปรากฏเด่นหราบนหน้าจอสี่เหลี่ยม ทำเอาน้ำอิงที่เหลือบสายตาไปเห็นปิดปากกรีดร้องในลำคอเลยทีเดียว “พี่ชานโทรมา” เธอดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ท่ามกลางหัวใจที่สั่นระรัว “รับเลย” “รับเหรอ” “ถ้าไม่รับ พี่เขาคงเสียใจแย่” น้ำอิงหยัดกายลุกขึ้นนั่งเท้าแขนมอง พลางเพยิดหน้าเชิงให้เธอกดรับ ก่อนจะยกมือขึ้นอุดหูทั้งสองข้างแล้วยิ้มเจื่อนพร้อมกับเคลื่อนตัวลงจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน จันจ้าวลอบถอนหายใจทิ้งด้วยความประหม่า ก่อนที่จะกดรับสายเขา พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู “ฮัลโหลค่ะพี่ชาน..” เธอกรอกเสียงลงไปตามสายอย่างระมัดระวัง (ทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมรับสายพี่ช้าจัง) “ก็ไม่ได้ทำอะไรนะคะ” (พี่คงไม่ได้สำคัญขนาดนั้นใช่มั้ยเนี่ย หือ) “พี่ชาน” (พี่ล้อเล่นน่ะ) ปลายสายพูดแกมหัวเราะอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก แต่ใจคนฟังดันเต้นแรงนำไปก่อนแล้ว จนต้องยกมือขึ้นแตะอกข้างซ้ายให้เลิกอ่อนไหวสักที “พี่ชานมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงโทรมาหาจ้าวได้” เธอถามออกไปเสียงค่อย (เหงา) “คะ” (เพื่อนพี่มันหนีไปมีสาวกันหมด ช่วงนี้เลยเหงา ไม่รู้จะโทรหาใครดี) สิ้นประโยคนั้นเสียงถอนหายใจจากเขาก็ดังตามมา ก่อนที่ความเงียบจะเข้าเกาะกุมทั้งคู่ เพราะคนที่ถือสายรออยู่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาหายเหงาเหมือนกัน (พี่โทรหาเธอได้มั้ย) “จ้าวก็รับสายพี่อยู่นี่ไง” ดวงตาคู่สวยชำเลืองมองน้ำอิงครู่หนึ่ง ก่อนจะขลึงตาดุคนที่ทำท่าล้อเลียนเธอที่ถือโทรศัพท์คุยกับชานชวินทร์อยู่ ถ้ามีแฟนจริงก็ไม่พ้นโดนเพื่อนล้ออยู่ดี.. (เรื่องวันนี้เธอไม่ได้เข้าใจพี่ผิดไปใช่มั้ย) “เรื่องอะไรเหรอคะ” (เรื่อง.. ผู้หญิงคนนั้น) เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดใจอะไรในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแล้วก็ตาม มีสิทธิ์รู้สึกมากกว่านี้ด้วยหรือไงกัน (เรื่องของพี่กับเขามันจบลงไปแล้ว ตอนนี้พี่ไม่ได้มีใคร) “แล้วพี่ชานบอกจ้าวทำไมคะ” (พี่แค่กลัวเธอเข้าใจผิด แล้วก็คิดว่าพี่ไม่จริงใจ) “จ้าวไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพี่ชานค่ะ พี่ชานไม่จำเป็นต้องบอกจ้าวก็ได้” เธอบอกไปตามตรง แต่ในใจก็แอบรู้สึกดีเหมือนกันที่เขาไม่ปล่อยให้ความคลุมเครือนี้ผ่านไป (หลังจากนี้พี่อยากให้เธอเป็นคนที่พี่บอกได้ทุกเรื่องนะ) “.....” (อย่ารู้สึกตัวช้านักล่ะ ไม่งั้นพี่จะไม่ทนรอแล้วนะครับ) ปลายสายหัวเราะเสียงค่อย ท่ามกลางเสียงหัวใจดวงน้อยที่เต้นล่ำไม่เป็นส่ำอยู่ในอก โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกคนเริ่มมีอิทธิพลกับใจตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ห้ามไว้ไม่อยู่แล้ว.. (ถ้างั้นไว้อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับ ฝันดีน้องจ้าว) “ฝันดีค่ะพี่ชาน แล้วเจอกันค่ะ” สิ้นเสียงเธอก็กดวางสาย พลางหอบหายใจเหนื่อยราวกับคนที่วิ่งสี่คูณร้อยมา ก่อนจะเลื่อนสายตามองน้ำอิงที่อมยิ้มกรุ้มกริ่มมาแต่ไกล “ไม่มีพี่ติวที่ไหนโทรหารุ่นน้องตอนดึกหรอกนะ” “พี่ชานเขาก็แค่เหงา” “ก็เลยคิดถึงแกเป็นคนแรกงั้นดิ” ยิ่งโดนแซวข้างแก้มขาวก็ยิ่งเห่อร้อนหนักมากกว่าเก่า เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเวลานึกถึงใบหน้าเขา “มันไม่เป็นไรนะจ้าวที่จะชอบใครสักคน” “จริงเหรอ” “อื้อ ความรักมันสวยงามเสมอแหละ” ในวันสอบรอบจริงวันสุดท้ายจันจ้าวเตรียมตัวเดินทางไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า เธอใช้เวลาในห้องสอบยาวนานจนวินาทีสุดท้าย เม็ดเหงื่อผุดพรายด้วยความวิตกกังวลปนประหม่า ขณะที่สายตาไล่อ่านโจทย์ข้อสอบจนตาลายไปหมด “เธอทำได้อยู่คนเก่ง” คนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองได้กำลังเต็มเปี่ยมจากติวเตอร์จำเป็น ตลอดระยะร่วมเดือนชานชวินทร์ทุ่มเทให้กับเธอหมดหน้าตัก อีกทั้งวันนี้เขายังอาสามานั่งเฝ้าเธอสอบตั้งแต่เช้า เป็นรุ่นพี่ที่บริการต้อนรับรุ่นน้องอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว จนกระทั่งปลายเท้าก้าวออกจากห้องสอบ คนที่วิญญาณแทบจะออกจากร่างก็เดินลงไปนั่งพักที่ด้านล่างของตึก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งซบไหล่น้ำอิงอย่างอ่อนแรง “โคตรยากเลยจ้าว” “อยากอ้วกเลยต่างหาก” “ไหวมั้ย” “ต้องไหว” น้ำอิงที่นั่งหน้าซีดไม่ต่างกันเอนศีรษะพิงหัวจันจ้าว พลางขยับสายตามองเจ้าของร่างสูงที่เดินกลับมาพร้อมน้ำสองแก้ว “เป็นไงบ้าง ทำกันได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะตรงหน้าทั้งคู่ “พอได้ค่ะ” จันจ้าวแย้มยิ้มแล้วรับน้ำจากมือเขามาดื่ม ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มเหยเกให้น้ำอิงที่ดูดน้ำด้วยความกระหาย จนได้ยินเสียงซู้ดหมดแก้ว “เดี๋ยวก็สำลักหรอกน้ำอิง” “นั่งสอบนานจนคอแห้งหมดแล้ว” ชานชวินทร์ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ในแววตาแพรวพราวราวกับเพชร ยามจดจ้องมองใบหน้าสวยหวานของจันจ้าวไม่วางตา พวงแก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ ริมฝีปากอมชมพูกำลังขบกัดหลอดดูดน้ำ แพขนตางอนช้อนสายตากวาดมองไปรอบบริเวณ โดยที่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าถูกชายหนุ่มจับจ้องอยู่ “ไปคาเฟ่แมวกันไหม พี่มีร้านแนะนำเราสองคนด้วยนะ” “คาเฟ่แมวเหรอคะ” “ใช่ สนใจมั้ย” พูดจบดวงตากลมโตก็เป็นประกายด้วยความสนใจ เหมือนแมวตัวน้อยที่พอมีไม้ตกเหยื่อมาล่อ แล้วก็พร้อมจะสั่นหางเข้ามาเล่นอยู่เสมอ “อิงไม่ว่างค่ะพี่ชาน แบบนี้พี่ก็ต้องไปกับจ้าวสองคนแล้วล่ะค่ะ” น้ำอิงแทรกขึ้นตัดบทสนทนา พลางโบ้ยมือแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเก็บอาการไม่อยู่ “น้ำอิง” “ฉันไม่ไหวแล้วจ้าว แกดูสภาพฉันตอนนี้ด้วย” “แต่แกชอบแมวมากไม่ใช่เหรอ” “งานนี้ขอผ่านจริงแก ฉันอยากกลับไปนอนที่ห้องมากกว่า” พอถูกปฏิเสธจันจ้าวก็มุ่ยริมฝีปากใส่อย่างแง่งอน ก่อนจะงุดหน้าลงจนคางเกือบชิดอก ฉับพลันร่างกายก็นิ่งค้างไปชั่วขณะ เมื่อมือหนายื่นมาเชยปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมองเขา ไม่พอแค่นั้นเขายังเปรยยิ้มบนมุมปาก แล้วใช้สายตาที่ล่อลวงขั้นสุดมองมา ทำเอาคนที่เผลอสบตาถึงกับตกลงไปในภวังค์สีหวาน “แล้วเธอยังอยากไปดูแมวกับพี่อยู่มั้ย” “พี่ชาน..” จันจ้าวกะพริบตาถี่ ๆ ด้วยความเขินอาย เธอจับมือเขาให้ผละออก ก่อนหันมองหน้าน้ำอิงที่อ้าปากค้างไปแล้วเรียบร้อย เขานี่เล่นกับใจเก่งเป็นบ้าเลย.. “ถ้างั้นพี่ยืมตัวเพื่อนเราหนึ่งวันนะน้ำอิง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD