Ep.1
Ep.1
Janjao talk.
08.30 น.
"คุณพ่อคะ"
"หืม ว่าไง จะไปไหนแต่เช้าล่ะเรา" พ่อวางแก้วกาแฟ ละสายตาจากแท็บเล็ตที่ท่านชอบอ่านข่าวเป็นประจำขึ้นมามองฉันที่เอ่ยเรียก
"จันทร์เจ้านัดเพื่อนเอาไว้น่ะค่ะ" ฉันเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาข้างๆ ท่าน
"แต่เช้าเลยเหรอ" พ่อถามต่ออย่างสงสัย
"ค่ะ พอดีเพื่อนจันทร์เจ้าเพิ่งกลับมาจาก LA ก็เลยนัดเจอกันตอนเช้า เพราะตอนบ่ายเพื่อนมีธุระต่อ"
"เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย"
"ผู้หญิงค่ะ" ฉันยิ้มตอบท่านจนตาหยี ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรที่โดนถามเยอะแบบนี้ จริงๆ เรียกว่าชินดีกว่า เพราะตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ และเริ่มไปไหนมาไหนคนเดียว พ่อมักจะถามฉันแบบนี้ประจำ
คือพ่อหวงฉันมาก ไม่ว่าจะทำอะไร หรือจะไปไหน ก็ต้องบอกก่อนเสมอ ถ้าท่านว่างก็จะเป็นคนไปรับไปส่งฉันด้วยตัวเองตลอด แต่ถ้าไม่ว่างก็จะมีคนของท่านคอยไปรับไปส่งฉันแทน
อ้อ! แต่เห็นพ่อฉันหวงแบบนี้ ฉันก็เที่ยวกลางคืนได้นะ ที่เที่ยวได้ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะพ่อฉันเป็นเจ้าของผับ และฉันก็เที่ยวได้แค่ผับของพ่อเท่านั้น ที่อื่นท่านห้ามไปเด็ดขาด!
"วันนี้พ่อไม่ว่างด้วยสิ..."
"ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์เจ้าไปเองได้ค่ะ"
"เดี๋ยวพ่อให้ลุกผักไปส่งละกัน แล้วก็ให้อยู่รอรับด้วยเลย" ลุกผักคือคนขับรถบ้านฉันค่ะ
"เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ"
"ความหวงลูกสาวนี่ไม่เคยเป็นเลยนะ" เสียงแม่แซวพ่อมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาหอมแก้มพ่อแล้วนั่งลงข้างๆ อีกฝั่ง
เห็นภาพนี้แล้วฉันก็ได้แต่นั่งยิ้มให้กับท่านทั้งสอง ฉันยิ้มได้ไม่นานแม่ก็หันมาถามฉัน
"ว่าแต่จะไปไหนเหรอคะลูกสาว"
"ไปหาแตงโมค่ะ แตงโมกลับมาจาก LA แล้วนะคะ" ฉันบอกคุณแม่ไป แตงโมคือเพื่อนสนิทฉันเองค่ะ เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมจนถึงมหา’ ลัย และพอเรียนจบแตงโมก็ได้ทุนรัฐบาลไปเรียนต่อโทที่อเมริกาแบบฟรีๆ จริงๆฉันก็ได้เหมือนกันนะคะ แต่พ่อไม่ให้ไป
"จริงเหรอลูก แบบนี้ก็แสดงว่าเรียนจบแล้วสิ" แม่ถามกลับมาอย่างตื่นเต้นทันที เพราะก่อนที่แตงโมมาที่บ้านฉันประจำ แล้วก็มักจะเป็นจาเม้าท์กับแม่ฉันนี่แหละล่ะ เลยทำให้แม่ค่อนข้างที่จะสนิทกับแตงโม
"ก็เห็นบอกว่าจบแล้วนะคะ"
"ยังไงชวนแตงโมมากินข้าวที่บ้านเราบ้างนะลูก เดี๋ยวแม่จะจัดปาร์ตี้ฉลองให้"
"ไม่ใช่ว่าเธออยากปาร์ตี้เองเหรอ" คุณพ่อถามคุณแม่เสียงเรียบ แต่ก็แฝงความดุลงไปด้วย
"แหมคิง ก็นานๆ ทีมั้ย"
ไม่อยากจะแฉแม่ตัวเอง แต่เมื่อก่อนแม่ของฉันนี่ที่หนึ่งเลยละ เรื่องปาร์ตี้เนี่ย ฉันได้ยินเพื่อนคุณแม่เล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเมื่อก่อนแม่ฉันเป็น 'เจ้าแม่แห่งวงการปาร์ตี้'
"=_=" คุณพ่อส่ายหน้าให้คุณแม่เล็กน้อยเหมือนปลงๆ
"ชิ! ว่าแต่คุณลูกสาวคะ" แม่ทำเสียงใส่คุณพ่อเล็กน้อย แล้วกลับมาสนใจฉันอีกครั้ง
"คะคุณแม่"
"ปีนี้เราก็จะยี่สิบห้าปีแล้วน้า"
ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบห้าปีแล้ว เรียนจบโทแล้ว และตอนนี้กำลังต่อปริญญาเอกอยู่
ฉันมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับพ่อที่วางแท็บเล็ตในมือลง แล้วมองแม่ด้วยแววตาดุ...โดยที่แม่ฉันไม่ทันได้สังเกตเห็น แม่ฉันมองหน้าฉันยิ้มๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า
"ไม่มีหนุ่มๆ มาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักบ้างเหรอคะ" และพอคุณแม่พูดจบ ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร คุณพ่อก็เรียกชื่อคุณแม่ขึ้นมาเสียงแข็งซะก่อน
"เนย"
"หือ ?"
"ลูกสาวคนเดียวฉันเลี้ยงได้"
"ก็รู้ว่าเลี้ยงได้ แต่ลูกเราโตแล้วนะคิง ควรมีแฟนได้แล้ว นายจะให้ลูกอยู่เป็นโสดไปตลอดเลยรึไง" คุณแม่พูดต่ออย่างไม่ยอมแพ้ เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อกับแม่ฉันคุยกันเรื่องนี้ มีหลายครั้งที่พูดกัน ท่านทั้งสองถึงขั้นทะเลาะกันก็มี...
"..." คุณพ่อมองคุณแม่ด้วยสายตาแข็งๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร บ่งบอกได้ว่าท่านกำลังไม่พอใจที่แม่พูดเป็นอย่างมาก ฉันที่เห็นท่าไม่ดีก็เลยต้องพูดขึ้นมา เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้
"เอ่อ...จริงๆ จันทร์เจ้าก็ไม่อยากมีแฟนหรอกค่ะ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว" พูดจบฉันก็โผล่เข้ากอดซบเอาใจคุณพ่อที่ยังทำหน้าตึงใส่คุณแม่อยู่
"เนี่ย! เราก็เอาแต่ยอมพ่อแบบนี้ไงจันทร์เจ้า พ่อบอกพ่อว่าอะไรก็ไม่เคยเถียง พ่อเราถึงไม่รู้ไงว่าเราต้องการอะไร ต้องการมีชีวิตแบนไหน" แม่บ่นและมองฉันดุๆ ซึ่งฉันก็เป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ นั่นแหละ ไม่ว่าพ่อจะพูดหรือบอกอะไร ฉันไม่เคยขัดท่านเลย ทำตามที่ท่านบอกตลอด
"ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณแม่ จันทร์เจ้าคิดว่าสิ่งที่คุณพ่อเลือกให้คือสิ่งดีที่สุดแล้ว"
"ดีที่สุดก็จริง แต่มันถูกใจเราเหรอ"
คำตอบคือไม่...บางทีฉันก็อยากมีชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็นบ้าง
แต่ก็ช่างเถอะ
"นัดเพื่อนไว้กี่โมงจันทร์เจ้า ไปหาเพื่อนได้แล้วเดี๋ยวเพื่อนรอ" พ่อถามและบอกฉันเสียงนิ่ง ฉันจึงค่อยผละตัวออกมาแล้วยืนขึ้น ยกมือไหว้ท่านทั้งสอง และขอตัวออกมาขึ้นรถที่ลุกผักจอดรอที่หน้าบ้านแล้ว
ทางด้านพ่อกับแม่
"..."
"คิง นายทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ลูกเราก็คน มีความรู้สึกเหมือนกัน" เนยยังคงถกเถียงกับสามีเรื่องของลูกสาวตัวเองต่อ
"..." คิงนั่งนิ่งและมองภรรยาตัวเองเงียบๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่คิดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาคงทำใจลำบาก หากลูกสาวสุดที่รักต้องไปอยู่ในความดูแลของคนอื่น และที่ผ่านมาคนที่จะเข้ามาหาจันทร์เจ้า เขาก็เห็นว่ายังไม่มีใครเหมาะที่จะดูแลลูกสาวเขาได้เลยสักคน
"เป็นเพราะฉันไม่ยอมมีคนที่สองให้นายใช่มั้ยคิง นายถึงได้หวงลูกมากขนาดนี้ เพราะเรามีลูกคนเดียวใช่มั้ย" จะว่ามีส่วนก็คงใช่ เพราะเขามีแค่ลูกสาวคนเดียว ความรัก ความสนใจเลยตกอยู่ที่คนคนเดียว แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขาหวงลูกสาวจนถึงขั้นหนักแบบนี้
"แล้วเธอคิดว่าใครหน้าไหนจะดูแลลูกสาวเราได้ดีพอ" เขาเป็นผู้ชาย เคยเที่ยว เคยสนุกกับผู้หญิงมาก่อน เขาก็เลยรู้ว่าผู้ชายส่วนมากที่เข้าหาผู้หญิง มันต้องการอะไร น้อยคนมากที่เข้ามาแรกๆ แล้วจะจริงใจ เขาเลยกลัวลูกสาวเขาโดนคนพวกนั้นหลอก
"เรื่องนี้ฉันว่าเราควรให้ลูกเลือกเองนะคิง ไม่ดีพอสำหรับนายแต่อาจจะดีพอสำหรับลูกก็ได้ เลิกส่งคนไปกันคนที่เข้าหาลูกเราได้แล้ว"
ใช่ ที่ผ่านมาภรรยาเขารู้หมด ว่าเขาทำอะไรบ้าง ผู้ชายคนไหนที่จะเข้าไปจีบลูกสาวเขาเชิงชู้สาว เขาก็จะให้คนไปจัดการออกทั้งหมด
"กว่าจะเจอคนที่ดีพอ แล้วถ้าระหว่างนั้นลูกโดนคนพวกนั้นหลอกล่ะ เธอลืมละหรอเนยว่าเธอเคยเจออะไรมา" คิงมองหน้าภรรยาตัวเองนิ่ง ส่วนเนยก็ชะงักไปพักหนึ่ง เพราะเธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในเหตุการณ์ที่เธอเจอตอนนั้น ถ้าไม่ใช่คิงคนที่เป็นสามีของเธอในตอนนี้ มันก็คงจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ
เธอนิ่งไปสักพักสุดท้ายก็พูดต่อ "...กะ...ก็ใช่ แต่ก็ใช่ว่าลูกจะเจอเหมือนฉันนี่"
"แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เจอ ?"
"เฮ้อ คิง แล้วแบบนี้ลูกจะมีแฟนหรือมีคนรักเหมือนคนอื่นๆ ได้ยังไง"
"ก็ไม่ต้องมี..."
"คิง..."
"..."