ปะทะคารม

1275 Words
แม่เลี้ยงบุปผาเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะพาลูกชายไปรู้จักกับหลานสาวของยายช่อเอื้องโดยไม่ดูเป็นการจงใจเท่าไหร่ เธอจึงไม่รอช้าที่จะเดินตามลูกชายลงมาจากบ้านไม้สักหลังใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น “แม่จะรีบไปไหนครับ” ทิศเหนือหันมาถามมารดาที่ดูรีบร้อนจนน่าตกใจ “แม่ว่าจะไปด้วย” “ไปไหนครับ” “ก็ไปบ้านตาสักไม่ใช่เหรอ แม่จะไปช่วยคุยด้วยไง” “ไม่เป็นไรครับแม่ผมคุยเองได้ บางทีตาแกอาจจะแค่อยากได้เงินเพิ่ม” พ่อเลี้ยงคิดว่าน่าจะเพราะเรื่องเงินเลยทำให้ตาสักแกไม่ยอมชายทั้งที่รับเงินไปบางส่วนแล้ว “ก็นั่นแหละ แม่จะได้ช่วยพูดให้ไง ลูกไม่รู้เหรอว่าแม่ของลูกน่ะโน้มน้าวใจคนเก่งมาแค่ไหน” “ผมรู้ แต่ผมไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อย” “ไม่เหนื่อยเลย รีบไปกันเถอะ” ยังไม่ถึงทันที่เขาจะห้ามมารดาก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับอย่างรวดเร็วทำให้พ่อเลี้ยงทิศเหนือจำต้องยอมให้มารดาตามไปที่บ้านตาสักด้วย “ตาแต่ใจแล้วเหรอว่าจะขายบ้านกับที่ดินให้หลายยายช่อเอื้องจริงๆ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถาม “ใช้สิพ่อเลี้ยง” “แล้วเรื่องที่เราตกลงกันไว้ล่ะ ตารับเงินผมไปแล้วครึ่งหนึ่งนะครับ” “เดี๋ยวตาคืนให้” “แต่ทำแบบนี้มันผิดสัญญานะครับ ผมมีสิทธิ์ปรับเงินตาได้เลยนะ” “แม้กระทั่งคนแก่ก็ยังจะปรับเงิน คุณไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะ” เสียงหวานที่แย้งขึ้นทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มหันไปมองเขาจ้องหญิงสาวที่เดินคู่มากับมารดาของเขาแทบไม่กะพริบตา แม่จะเจอผู้หญิงสวยๆ มาก็มากแต่เขารู้สึกว่านอกจากเธอคนนี้จะสวยแล้ว ยังมีเสน่ห์เอามากๆ ผิวเธอขาวแต่ไม่ซีดดูเป็นคนสุขภาพดี รูปร่างของสมส่วน เอวคอดสะโพกผาย หน้าอกขนาดพอเหมาะ ใบหน้ารูปไข่ ขนตายาวเป็นแพ คิ้วสวยเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ปากบางที่กำลังพูดอยู่นั่นยิ่งดึงดูดให้เขาไม่อยากละสายตา “แม่ว่าไม่ถึงขั้นต้องปรับเงินหรอกมั้งลูก” “แต่ตาสักผิดสัญญานะครับแม่” “เดี๋ยวแม่คุยเอง แต่ตอนนี้ลูกมารู้จักหลานสาวของยายช่อเอื้องก่อนดีกว่า” “หนูน้ำปิงจ๊ะที่ทิศเหนือ ลูกชายป้าเองจ้ะ” “สวัสดีค่ะคุณทิศเหนือ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้เพราะดูแล้วเขาคงอายุมากว่าเธออยู่หลายปี ทิศเหนือยกมือรับไว้ และพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่เพราะหยิ่งหรือไม่อยากรู้จัก แต่เพราะกำลังรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก “ผมได้ยินมาว่าคุณอยากจะซื้อที่กินกับบ้านของตาสักเหรอ” “ก็ประมาณนั้น” “บ้านคุณก็มีอยู่แล้ว จะซื้อไปอีกทำไม” “ก็เพราะที่ดินของตาสักอยู่ติดกับบ้านฉันไงล่ะ ฉันก็เลยอยากจะซื้อเก็บไว้” “แล้วตาสักอยากขายให้ใครละ” แม่เลี้ยงบุปผาถามชายสูงวัยที่เธอรู้จักมานาน ตาสักเจ้าของบ้านมีท่าทางอึดอัด บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านเดิมแต่เป็นบ้านของภรรยาซึ่งตอนนี้ตายไปแล้วและที่ต้องขายบ้านก็เพราะลูกชายจะมารับไปอยู่ด้วย “ถ้าตาอยากขายที่กินพร้อมบ้านก็บอกฉันตั้งแต่แรกสิ ไม่ใช่ว่าตกลงขายแค่บ้านแล้วมาเปลี่ยนใจทีหลัง” พ่อเลี้ยงทำเสียงตำหนิเพราะตาสักทำให้งานของเขาล่าช้า “ตอนแรกฉันก็คิดจะเก็บที่ดินไว้ แต่คิดไปคิดมาก็คงไม่มีลูกหลานคนไหนกลับมาอยู่หรอก พอดีหนูน้ำปิงเธอถามฉันก็เลยอยากขายทั้งสองอย่าง” “หนูน้ำปิงจ๊ะ ป้าขอถามหนูตรงๆ นะ ว่าที่อยากซื้อเพราะอยากได้ที่จริงๆ หรือแค่อยากช่วยตาสักซื้อเก็บไว้กันแน่” “หนูอยากช่วยตาสักให้ได้ขายพร้อมๆ กันค่ะ” มนสิชารู้จากตาสักว่าเขากำลังขายบ้านซึ่งสร้างด้วยไม้สัก ถึงแม้ขนาดจะหลังไม่ใหญ่มากแต่ก็ได้ราคาถึงสามแสนบาท และพอเธอถามต่อว่าขายแล้วที่กินจะเอาไปทำอะไร ตาสักก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาควรขายทั้งที่กินและบ้านพร้อมกัน การที่ตาสักบอกกับพ่อเลี้ยงไปว่าหญิงสาวจะซื้อที่ดินพร้อมก็เพราะอยากต่อรองกับพ่อเลี้ยง เนื่องจากที่ผ่านมาพ่อเลี้ยงทิศเหนือและแม่เลี้ยงบุปผานั้นจะซื้อแค่ตัวบ้านเท่านั้น ครอบครัวของพอเลี้ยงมีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และใช้ไม้สักเป็นส่วนประกอบ เขาจะใช้ไม้จากปางไม้ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย แต่เพราะช่วงหลังมานี้ไม่จากปางค่อนข้างมีน้อยและไม่สวยเท่าไม้เก่า อีกทั้งคนก็นิยมไม้เก่าซึ่งเป็นไม้ตามธรรมชาติ ทำให้เขาซื้อบ้านเก่าๆ ที่ส่วนใหญ่นั้นเจ้าของบ้านจะขายแล้วยกที่ดินเป็นมรดกให้กับลูกหลานซึ่งคนรุ่นใหม่บางครั้งก็ไม่นิยมบ้านไม้เหมือนแต่ก่อน “แล้วคุณจะซื้อบ้านพร้อมที่ดินของตาสักเท่าไหร่ล่ะ” ชายหนุ่มหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแอบชื่นชมเธออยู่ในใจแม้ว่าเธอจะตัวเล็กนิดเดียวแต่ก็มีท่าทางไม่กลัวอะไรในดวงตากลมโตคู่สวยนั้นเลยสักนิด “แล้วพ่อเลี้ยงคิดว่าฉันซื้อราคาเท่าไหร่เหรอคะ” เธอย้อนถามเขาเพราะจริงๆ แล้วตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับบ้านและที่ดินอะไรเลยแม้แต่น้อย พ่อเลี้ยงหนุ่มอ่านสายตาของเธอไม่ออกทั้งที่ปกติแล้วเป็นคนมองคนเก่ง แต่กับผู้หญิงที่ชื่อมนสิชานั้นเขามองไม่ออกเลยสักนิดว่าจริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะซื้อบ้านของตาสักจริงๆ หรือตั้งใจจะปั่นราคากันแน่ เรื่องเงินสำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถ้าหากเขาได้บ้านกับที่ดินของตาสักมาแล้วมันทำให้เขาชนะ พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ยินดีจะจ่ายเพราะการซื้อที่กินเก็บไว้ยังไงก็ไม่ขาดทุน “แล้วคุณคิดว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมล่ะ ไม้ของบ้านตาสักอย่างน้อยก็อายุไม่ต่ำกว่า 26 เพราะฉันเกิดมาฉันก็เห็นบ้านหลังนี้แล้ว” “26 ปีเลยเหรอ” พ่อเลี้ยงถามอย่างไม่แน่ใจ แต่ไม่ได้หมายถึงบ้านตาสักเพราะก่อนจะซื้อเขาก็สืบข้อมูลมาแล้ว แต่เขาหมายถึงเธอต่างหากที่ดูไม่น่าจะอายุถึง 26 ปี “ก็ใช่น่ะสิ แต่ตาสักอาจจะไม่รู้ว่าบ้านสร้างมานานแค่ไหนเพระาเป็นบ้านเมีย” หญิงสาวบอกข้อมูลเพิ่ม “แม่ว่าหนูน้ำปิงก็พูดถูกนะลูก ให้ราคาแกดีๆ หน่อย แม่เลี้ยงบุปผาเริ่มคล้อยตามมนสิชา “หึ หึ คุณให้ราคาตาสักเท่าไหร่ล่ะ” พ่อเลี้ยงหัวเราะแล้วถามต่อ “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ต่างคนต่างให้ราคาพิมพ์ในแอบนี้นะ” หญิงสาวเปิดแอปพลิเคชันเครื่องคิดเลขให้เขา “ได้สิ ยุติธรรมดี” พ่อเลี้ยงตอบตกลงและนึกสนุกที่ได้ทำอะไรแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD