PART 05 | ก้าวแรกของการทำงาน

1311 Words
สองปีต่อมา หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีอิงรักก็ได้ทำงานบริษัทตามความฝันของตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักเล็กๆ คนเดียว เช้าไปทำงานตอนเย็นก็เลิกงานกลับห้อง ชีวิตของเธอวนเวียนอยู่แบบนี้เป็นประจำ เพื่อนๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปเติบโต มีเพียงเฟญ่าที่คอยพูดคุยและโทรหากันอยู่เป็นประจำ คอยอัพเดทชีวิตกันอยู่เรื่อยๆ แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาอิงรักเปลี่ยนที่ทำงานมาแล้วห้าบริษัท ถึงจะเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยแต่เธอก็ไม่เคยท้อ ตกงานก็แค่หางานใหม่ทำ ตราบใดที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจเธอก็ต้องสู้ต่อไป “พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ” หัวหน้าแผนกวัยกลางคนเดินมาบอกหญิงสาวที่โต๊ะทำงาน ทำเอาพนักงานคนอื่นๆ หันมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน “หมายความว่ายังไงคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยเอ่ยถามกลับด้วยท่าทางใสซื่อ พร้อมกับมองหัวหน้าแผนกด้วยความสงสัย เธอพึ่งจะมาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และเธอก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี ไม่เคยขาด ไม่เคยลา หรือมาสายเลยสักครั้ง “ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ” หัวหน้าแผนกยื่นซองจดหมายสีขาวให้กับหญิงสาว “แต่ว่า…” คำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ซองจดหมายสีขาวสะอาดตาถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่หัวหน้าแผนกจะเดินออกไป เฮ้อ~ หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เธอทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็ต้องหางานใหม่อีกแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็เก็บของใช้ส่วนตัวใส่ในกระเป๋า ก่อนจะเดินออกจากบริษัทไปด้วยความรู้สึกท้อแท้ หญิงสาวตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น เธอเติบโตมากับบ้านเด็กกำพร้าและได้ออกมาอยู่ห้องเช่าเล็กๆ ตามลำพังและทำงานรับจ้างตามร้านอาหารเล็กๆ โชคดีที่ได้ทุนเรียนต่อ แต่ก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองไปด้วย ความฝันของอิงรักก็คือการเรียนจบปริญญาตรีและได้ทำงานบริษัทใหญ่ๆ เงินเดือนสูงๆ ทำงานเข้าออกเป็นเวลา ได้พบเจอผู้คนมากมายมีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก เธอไม่ชอบทำงานบ้านและงานในครัว เพราะเป็นงานที่เธอรับจ้างทำมาตั้งแต่เด็ก เรียนจบถึงปริญญาตรีก็ขอแค่ได้ทำงานตามที่ฝันเอาไว้ก็พอ หลายๆ คนในที่ทำงานต่างก็บอกว่าที่เธอโดนไล่ออก เพราะเธอไปยุ่งกับสามีคนอื่น แต่เธอไม่เคยทำแบบที่ใครๆ พูดเลยสักครั้ง แต่เด็กใหม่อย่างเธอจะทำอะไรได้ เส้นสายก็ไม่มี จึงถูกไล่ออกและหางานใหม่ทำไปเรื่อยๆ แต่ก็หวังว่าสักวันเธอจะได้ทำงานดีๆ เงินเดือนสูงๆ และเป็นบริษัทที่มั่นคงไม่มีใครหาเรื่องหรือไล่เธอออกได้ “ต้องมีสักที่สิ” อิงรักเดินบ่นพึมพำหาที่สมัครงานไปเรื่อยแต่ก็ไม่มีที่ไหนเปิดรับเลยสักที่ “พรุ่งนี้ค่อยหาใหม่” หลังจากที่เดินมาเกือบสามชั่วโมงและท้องฟ้าตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว วันนี้เธอคงต้องกลับไปพักที่ห้องก่อนพรุ่งนี้ค่อยสู้กันใหม่ ร่างบางเดินเข้าห้องเช่าห้องเล็กๆ ที่เธออยู่มาตั้งแต่เรียนจบ ซึ่งเป็นห้องเช่าราคาถูกแต่เงินทำงานที่เธอได้มาก็แทบจะไม่พอจ่าย เพราะกว่าเธอจะหางานทำได้แต่ละครั้งเงินที่ได้มาก็ไม่พอใช้จ่ายอยู่ดี หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเล็กๆ ด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่เดินหาสมัครงานใหม่มาหลายชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีที่ไหนเปิดรับสมัครพนักงาน ก๊อก!! ก๊อก!! เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู “ค่าเช่าห้องจ๊ะ” ป้าเจ้าของห้องเช่าเดินมาเก็บค่าเช่าถึงที่ เพราะเธอค้างค่าเช่ามาสองเดือนแล้ว “นี่ค่ะ” อิงรักหยิบเงินออกจากซองที่ได้มาวันนี้จ่ายค่าเช่าห้องไปจนหมด เธอตั้งใจว่าจะเอาไปจ่ายพรุ่งนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรจะวันไหนเธอก็ต้องจ่ายอยู่ดี “ขอบใจจ๊ะ” ป้าเจ้าของห้องเช่ารับเงินพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป ครืด~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้อิงรักรีบปิดประตูห้องแล้ววิ่งตรงไปดูโทรศัพท์ทันที “เฟย์” หญิงสาวอ่านชื่อบนหน้าจอพร้อมความดีใจ เพราะในวันที่เธอเหนื่อยล้าและท้อแท้ก็ยังมีเฟญ่าโทรมาหา (ทำอะไรอยู่เหรอ) คนในสายถามขึ้นมาทันที “ไม่ได้ทำอะไร เฟย์มีอะไรหรือเปล่า” อิงรักพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อปกปิดความรู้สึกเหนื่อยล้าของตัวเองเอาไว้ (ไม่มีอะไรหรอกคิดถึงก็เลยโทรหา) เฟญ่ามักจะโทรหาอิงรักอยู่บ่อยๆ นอกจากคิดถึงแล้วก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอีกด้วย “คิดถึงเหมือนกัน” (แล้วงานที่ทำอยู่เป็นยังไงบ้าง) เฟญ่าเข้าเรื่องทันที เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาอิงรักเปลี่ยนงานบ่อยมาก “ก็เหมือนเดิมแหละ” (เหมือนเดิมนี่ดีหรือไม่ดี) “ก็หางานใหม่ทำเหมือนเดิม” (ล้อเล่นหรือเปล่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลยนะ) “เรื่องแบบนี้ใครเขาล้อเล่นกันล่ะ” (งั้นมาทำงานที่บ้านฉันไหม กำลังอยากได้พี่เลี้ยงพอดีเลย) เฟญ่าอยากจะให้อิงรักมาอยู่ด้วย “แล้วพี่เลี้ยงคนเก่าไปไหน” (พี่ยุจะลาออกสิ้นเดือนนี้แล้ว) “แต่ว่า…” อิงรักอยากจะทำงานในสายอาชีพที่เธอเรียนมามากกว่าที่จะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก (ไม่แต่หรอก เก็บของเตรียมตัวไว้เลยนะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปรับ) “ขอเวลาคิดดูก่อนไม่ได้เหรอ” (จะไปคิดทำไม มาอยู่กับฉันค่าที่พักก็ไม่ต้องจ่าย ได้เงินเดือนแถมอยู่ฟรีกินฟรีอีก) เฟญ่าไม่อยากให้อิงรักต้องลำบากไปหางานใหม่ทำ ถ้าหากเธอได้อิงรักมาเป็นพี่เลี้ยงให้ เธอคงจะสบายใจและหายห่วงเรื่องพี่เลี้ยงไปเลย “แต่ฉันไม่ถนัดเลี้ยงเด็กนะ อีกอย่างฉันก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนด้วย” อิงรักพยายามพูดจาปฏิเสธแบบอ้อมๆ ไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป (ไม่เป็นไรหรอก น้องเฟิร์สเป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย ส่วนเรื่องเงินเดือนฉันจะคุยกับพี่ฟาร์ให้) “เอ่อ…” (เงินเก็บจะหมดแล้วไม่ใช่เหรอ มาลองเป็นพี่เลี้ยงดูก่อน ฉันให้เงินเดือนสามหมื่นเลย ถ้าอิงไม่ชอบก็ค่อยหางานใหม่ทำก็ได้) “....” อิงรักถึงกับเงียบไปทันที ถึงจะไม่ใช่งานที่เธอชอบแต่เงินเดือนที่ได้นั้นน่าสนใจมาก (เก็บของไว้นะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะไปรับ) ทันทีที่พูดจบเฟญ่าก็วางสายไปทันที โดยที่ไม่รอให้เพื่อนรักได้ตอบหรือปฏิเสธอะไร อิงรักนั่งมองเงินจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ ถ้าขืนเธอยังเลือกงานอยู่แบบนี้มีหวังไม่มีเงินซื้อข้าวกินแน่นอน สุดท้ายแล้วอิงรักก็ลุกขึ้นไปเก็บของใช้ที่จำเป็นใส่ในกระเป๋า ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ในเมื่อมีคนหางานมาให้ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเธอก็ต้องทำอยู่ดี ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าไม่ชอบก็ค่อยหางานใหม่ทำก็ได้ .. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD