บทที่ 3
มึงต้องเป็นเมียกู
ร่างของลลิตตะเกียดตะกายลงจากเตียง หากแต่ไม่อาจก้าวลงไปได้เมื่อทัตเทพเริ่มร่ายคาถา ก่อนจะกระโจนเข้าใส่ขึ้นคร่อมร่างของลลิตทันที!
“ปล่อยกู!!” ร่างของลลิตถูกกดจนแทบจะจมลงสู่เตียง ฝ่ามือหยาบและหนาบีบรอบลำคอระหงแนบแน่น “แค่กๆ”
เสียงพึมพำของคาถาอาคมยังคงถูกสวดอย่างต่อเนื่อง สร้างความปวดร้าวให้กับดวงวิญญาณร้าย กระทั่งมันยอมแพ้และถอยออกไปเอง ลลิตจึงกลับมามีสติรู้แจ้งอีกครั้ง
“เฮือก!!” คล้ายกับคนจมน้ำ และถูกฉุดขึ้นสู่ผิวน้ำในช่วงลมหายใจสุดท้ายก่อนตาย
ดวงตาคู่หวานเกิดม่านน้ำตาบดบังภาพตรงหน้าจนพร่าเลือน
“ชะ ช่วยด้วยค่ะ ฮึก!” ริมฝีปากอวบซีดเซียวเอ่ยบอกกับทัตเทตอย่างน่าเวทนา แม้เมื่อครู่เธอจะคิดจบชีวิตตัวเอง ด้วยตวามหวังว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดจะได้จบสิ้นลง
แต่ความจริงแล้ว... ใครมันจะไปอยากตายกันล่ะ ยิ่งลลิตมีครอบครัวที่ดี มีฐานะ มีเพื่อนที่ดี แน่นอนว่าย่อมีอนาคตที่ดีรอเธออยู่เป็นแน่
“กูช่วยมึงได้ แต่มึงแน่ใจนะว่าอยากให้กูช่วย?” ทัตเทพเอ่ยถามด้วยแววตาหยั่งเชิง ลลิตพยักหน้ารัวๆ แทนคำตอบ ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มกว้างคล้ายกับแสยะยิ้มราวกับเจอของเล่นคุณไสยที่ถูกใจ
ฝ่ามือทั้งสากและหนาดึงออกจากรอบลำคอระหง ดวงตาจะจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่หวาน ก่อนจะเอ่ยว่า…
“ของที่มีงโดนมันซับซ้อนอยู่หลายชั้น อย่างแรกคือมึงโดนทำเสน่ห์ แต่ดูเหมือนมึงจะมีของดีทำให้ของมันเข้าตัวมึงได้ไม่สมบูรณ์ มันก็เลยเล่นงานคนรอบข้างของมึงแทน เอาล่ะ ไหนมึงบอกกูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึงบ้าง”
“บริษัทของคุณพ่อล้มละลาย คุณแม่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วระหว่างทางที่คุณพ่อไปส่งคุณแม่ที่โรงพยาบาลก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตอนนี้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ยังไม่ได้สติเลยค่ะ” ลลิตพูดทั้งน้ำตา
“ของที่มึงโดนทำให้คนรอบข้างของมึงชิบหายวายวอด เว้นแต่ตัวมึง เพราะมันรักใคร่ในตัวมึง ทีนี้กูก็มั่นใจแล้วว่ามันต้องการเอาตัวมึงไปปู้ยี่ปู้ยำตัณหาราคะของมัน”
“แล้วฉันต้องทำยังไงคะ พ่อหมอช่วยฉันได้มั้ยคะ”
“ฮ่าๆ” ทัตเทพหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง ราวกับคำถามของลลิตเป็นคำถามที่น่าขบขันเสียเต็มประดาก่อนจะเอ่ยต่อมา... “นี่มึงมาหากูโดยที่ไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร หืม?”
“ฉันเคยได้ยินมาว่าพ่อหมอเป็นพ่อหมอที่เก่งกาจมาก”
“ใช่ กูเป็นเพราะหมอที่เก่งกาจทัดเทียมเทพ” ทัตเทพเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งสิ่งที่ผู้คนกล่าวขานถึงเขา และถ้อยคำยกยอตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
ทัตเทพมีความสามารถทัดเทียมเทพจริงๆ ในตอนนี้ยังไม่มีไสยศาสตร์ใดที่ทัตเทพไม่รู้ และไม่สามารถแก้ได้มาก่อน เพียงแต่เลือกที่จะแก้ให้เป็นบางคนเท่านั้น เนื่องจากการทำคุณไสยหรือแก้คุณสายนั้นมีสิ่งที่ต้องแลก แม้ทัตเทพมีความสามารถทัดเทพ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเป็นเพียงแค่มนุษย์เดินดินเท่านั้น
“และกูก็ช่วยมึงได้”
“ช่วยฉันด้วยนะคะ เรื่องค่าตอบแทน ขอเป็นอะไรฉันก็จะหามาให้ได้ค่ะ”
“เรื่องค่าตอบแทนกูไม่เอา ที่กูช่วยมึงก็เพราะดวงวิญญาณที่หมอผีทำของใส่มึงมันบุกรุกเข้ามาในบ้านของกู ซึ่งกูไม่ชอบ! กูจะช่วยมึงเพื่อให้ของในตัวมึง ย้อนกลับไปหาคนทำของ! เอาให้มันชิบหาย!”
การทำคุณไสยนั้นหากทำได้สำเร็จก็ดีไป แต่หากทำไม่สำเร็จแล้วของย้อนเข้าหาตัว มันจะรุนแรงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
“แต่…” ดวงตาเดียวคมคู่นั้นจ้องมองลลิตนิ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปจนหญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่น “วิธีที่กูจะช่วยมึง ตัวมึงก็ต้องยอมรับให้ได้”
“ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน ถ้าพ่อหมอสามารถช่วยได้… ฉันยินยอมค่ะ”
“ดี! มึงใจกล้าดี ส่วนวิธีที่ว่านั่นก็คือมึงต้องเป็นเมียกู!”
“คะ?” ลลิตอุทานด้วยความแปลกใจ กับการแก้คุณไสยซึ่งเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ตัวกูมีพลังทัดเทพ ทุกสิ่งในตัวกูล้วนศักดิ์สิทธิ์ มึงต้องดื่มน้ำของกู และให้กูเข้าไปในตัวมึงโดยที่มึงห้ามขัดขืน ไม่อย่างนั้นพิธีจะล่มแล้วก็กลายเป็นว่ามึงเสียตัวให้กูฟรีๆ”
“มะ ไม่มีวิธีอื่นเหรอคะ ฉันไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีวิธีแบบนี้ด้วย?”
“เพราะกูไม่ใช่คนอื่น ทำไมกูต้องแก้คนใส่ให้เหมือนคนอื่นด้วย ในเมื่อวิธีนี้มันได้ผลมากกว่า”
“ได้ผลมากกว่าเหรอคะ?”
“เออ! ต้องได้ผลมากกว่าอยู่แล้ว วิธีนี้จะแก้คุณไสยในตัวมึง ไม่ให้ดวงวิญญาณร้ายดวงใดสิงมึงได้อีก เมื่อมึงกลายเป็นเมียกู มีกลิ่นอายของกูบนตัวมึง ดวงวิญญาณดวงใดก็ไม่กล้าเข้าใกล้หรือทำร้ายมึง ส่วนเรื่องของอย่างอื่นเดี๋ยวกูจะแก้ให้ทีหลัง เพราะของหลักๆ ก็คือคุณไสยทำเสน่ห์”
ลลิตได้ฟังแล้วก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ว่าการที่เธอต้องเสียตัวนั้นมันช่วยแก้คุณไสยได้อย่างไร หากแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวลังเล ลลิตไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว
...คิดว่าโดนหลอกก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว...
“ฉันยอมรับค่ะ”
“ดี! ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงห้ามร้องทักหรือขัดขืน ถ้ามึงกลัวก็ให้หลับตาเอาไว้” ชายหนุ่มเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะ”