“อ๊าก!! พะ พอแล้ว อึก” เสียงหวานที่เริ่มแหบแห้งเล็กน้อยร้องครางลั่น พยายามอ้อนวอนให้คนเอาแต่ใจที่กินไม่รู้จักอิ่มหยุดบทรัก
“ซี๊ดด! อีกนิดเดียว” ทว่ากองทัพกลับยังคงเอาแต่ตักตวงความกระสันจากร่างเล็กไม่หยุด
ตอนนี้กลายเป็นว่าหญิงสาวนอนราบอยู่บนเบาะโดยมีร่างสูงบึกบึนทาบทับ สอดส่งเอ็นร้อนเข้า ๆ ออก ๆ อย่างดุดัน
เอวสอบกระแทกกระทันตอกตรึงตัวตนเข้าใส่เข้าย้ำ ๆ นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว หากแต่บทรักกลับยังไม่สิ้นสุดลงเสียที จนหญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะไม่ไหวเต็มทนแล้ว
“อ๊ะ ๆ มะ มัดไม่ไหวแล้ว อื้อ” เธอร้องบอกเขา ร่างบอบบางโยกคลอนตามแรงกระแทกจนพูดติด ๆ ขัด ๆ
กองทัพโน้มใบหน้าหล่อลงไปป้อนจูบหญิงสาวอย่างดุดัน สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานละมุนจากริมฝีปากอิ่มที่ยามนี้เจ่อบวมจากการถูกเขาจูบมากเกินไป
สองมือหยาบจับเอวคอดไว้แน่น ขยับโยกกายเข้าออกรัวเร็วจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันอย่างหยาบโลน ดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของคนใต้ร่างที่หัวสมองขาวโพลนไม่อาจรับรู้สิ่งอื่นใดได้อีกในตอนนี้
ท้องฟ้าด้านนอกที่ในยามนี้มืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟหน้ารถที่ติดอยู่ทำให้ไม่ดูวังเวงเกินไปนัก หรือต่อให้วังเวงคนบนรถก็คงไม่มีใครมีเวลามาสนใจอยู่ดี
เอวสอบกระหน่ำสะโพกตอกกระแทกเข้าออกรุนแรงและรัวเร็ว เมื่อความรู้สึกกระสันมาจุกรวมกันอยู่ที่ปลายทาง ไม่ต่างจากหญิงสาวที่เริ่มตอดรัดตัวตนเขารุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๊ะ ๆ จะเสร็จ อะ...อร๊ายย!!” และไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งร่างของเธอก็กระตุกหงึก เกร็งกายเสร็จสมอย่างรุนแรง ปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาจนเลอะหน้าขาแกร่ง
“อ่า! ฉันก็จะเสร็จแล้ว อึก ฮึ่มม!!” ตามด้วยร่างสูงที่กระแทกกระทั้นหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้ง ก็ฉีดพ่นน้ำรักเข้าไปในกายเธอจนล้นออกมา ผสมรวมกับของรอบก่อนหน้าจนดูลามก
เสียงหอบหายใจดังระงมพร้อมกับร่างสูงที่ทิ้งกายลงนอนซบทรวงอกอิ่มของคนใต้ร่าง พักหายใจได้ไม่นาน คนที่ยังมีแรงเหลือเฟือก็ลุกขึ้นมาสูบพลังงานคนตัวเล็กอีกครั้ง
กว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นลงก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว บรรยากาศในรถอบอวลด้วยกลิ่นคาวคลุ้งจากน้ำรักทั้งของเขาและเธอ
มัดหมี่ที่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งพิงเบาะรถด้วยความเหนื่อย สองขายังคงสั่นเทาอยู่เล็กน้อยเพราะกว่าที่ชายหนุ่มจะพอใจ ก็ทำเอาเธอเกือบสลบคาอกเขาไปแล้ว หนำซ้ำเบาะรถราคาแพงยังเปียกเปื้อน จนชายหนุ่มต้องใช้ทิชชู่เช็ดออกไปบางส่วน
“จะไม่ไปค้างกับฉันจริง ๆ เหรอ” เขาถามขึ้นเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ใบหน้าหล่อหันไปมองคนข้างกายพลางส่งสายตาพราวไปให้
“ไม่ไปค่ะ คุณไม่ต้องมาหว่านล้อมมัดเลย” เสียงหวานบ่นอุบ จนคนเอาแต่จำต้องยอมแพ้
กองทัพหัวเราะในลำคอแล้วยื่นใบหน้าไปกดจูบปากอิ่มหนัก ๆ อีกครั้งด้วยความมันเขี้ยวเด็กขี้บ่น ก่อนจะออกรถตรงกลับไปส่งเธอที่บ้าน
ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็มาถึงหน้าบ้านของหญิงสาว เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วทำให้การจราจรค่อนข้างคล่องตัว
ขณะที่หญิงสาวกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว จู่ ๆ มือหนาก็ยื่นบางสิ่งมาตรงหน้าเธอ มันคือแบล็คการ์ดซึ่งเป็นบัตรเครดิตพิเศษ สามารใช้ได้ไม่จำกัดวงเงิน และคนที่จะครอบครองมันได้ย่อมต้องเป็นถึง คนมีชื่อเสียงในวงสังคม และมหาเศรษฐี
“นี่คืออะไรคะ” หญิงสาวหันไปมองเขาด้วยความไม่เข้าใจพร้อมเอ่ยถาม
“ไม่รู้จักแบล็คการ์ดหรือไง?” ชายหนุ่มถามกลับ
“รู้จักค่ะ แต่ที่ถามคือคุณเอามาให้มัดทำไมคะ” เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมอย่างไม่เข้าใจ พลันวูบหนึ่งในใจกลับเริ่มรู้สึกหน่วงหนึบ
“ฉันอยากให้” เขาว่าพลางยัดบัตรเครดิตใบนั้นใส่มือเธอแล้วกล่าวต่อ “รีบลงไปได้แล้ว”
มัดหมี่ยอมทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่ายและไม่คิดถามอะไรเขามากไปกว่านั้น เมื่อลงยืนอยู่หน้ารั้วบ้านแล้ว รถยุโรปคันหรูก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอก้มใบหน้ามองบัตรในมือ ก่อนหยาดน้ำสีใสจะหยดลงบนมือเล็กหนึ่งหยด นี่คงเป็นค่าตัวของเธอ เป็นสิ่งย้ำเตือนถึงสถานะ ว่าที่ของเธอมันก็เป็นได้แค่เด็กเลี้ยง เป็นเมียบำเรอแต่ไม่ใช่ตัวจริงของเขา
ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งพาลไหลออกมาไม่ขาดสาย มัดหมี่ทิ้งกายลงนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้าน พยายามจัดการอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง จะให้โทษใครก็คงไม่ได้ เป็นเธอที่ถลำลึกเอาใจลงไปเล่นเอง
นั่งร้องไห้มากว่าห้านาที มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากหน้าลวก สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพาตัวเองเข้าบ้าน ทว่าทั้งตัวก็ต้องชาวาบ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ และก็หันมาสบตากับเธอเข้าพอดี
“ไปไหนมา ดึกดื่นป่านนี้แล้ว” เสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นถามลูกสาว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ปะ...ไปซื้อของมาทำงานจ้ะ” เธอโกหกออกไปคำโต หากเลือกได้เธอก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ไม่อยากโกหกพ่อ ไม่อยากเป็นคนในความลับของใคร
“แล้วไหนของที่ไปซื้อล่ะ ทำไมไม่เห็นถืออะไรมาเลย” ดำรงขมวดคิ้วถามลูกสาว ตัวเขานั้นแม้ว่าจะหวงลูกสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจมากมายขนาดไหน ทว่าไม่เคยคิดจำกัดอิสระลูกเลยสักครั้ง เพราะรู้ว่ามัดหมี่เป็นเด็กดี แต่ที่ถามก็เพราะเป็นห่วงและสงสัยก็เท่านั้น
“ของที่หนูจะไปซื้อมันหมดพอดี ก็เลยไม่ได้อะไรกลับมาเลยจ้ะ” เสียงหวานพยายามตอบผู้เป็นพ่อให้ดูปกติที่สุด เธอไม่ชอบเลยเวลาที่ต้องโกหกพ่อ แต่จะให้บอกความจริงก็คงไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเข้านอนเถอะ อย่านอนดึกมากนัก” แม้จะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาก็เลือกปล่อยผ่านไป แค่ได้เห็นว่าลูกยังปลอดภัยดีหัวอกคนเป็นพ่อก็หายห่วงไปได้เปราะหนึ่งแล้ว
“จ้ะพ่อ ฝันดีนะจ๊ะพ่อ” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้ถามอะไรต่อแถมยังออกปากไล่ให้เธอไปนอน หญิงสาวจึงรีบพาตัวเองเข้าห้องนอนทันที
เมื่อเข้ามาเจ้าจอห์นนี่ที่กำลังนอนเลียขนอยู่ที่พื้น เธอจึงอุ้มมันขึ้นไปวางบนเตียงด้วย ร่างเล็กทิ้งกายลงนอนกอดแมวตัวสีส้มพลางซบหน้าเข้ากับพุงของมัน ก่อนที่หยาดน้ำสีใสจะไหลรินออกมาอีกครั้ง
เธอนอนร้องไห้เงียบ ๆ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นออกมา ทว่าไม่นานก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้ายังคงเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาอยู่อย่างนั้น