รถคันหรูแล่นฉิวปานเหาะ อารมณ์เดือดดาลของผู้ขับถูกระบายด้วยการเหยียบคันเร่งเต็มพิกัด ริมฝีปากหยักลึกสบถคำหยาบนับครั้งไม่ถ้วน ปุรินวนรถตามเบาะแสนานนับสามชั่วโมง โทร. ไปญดารินก็ไม่รับสาย ชายหนุ่มเหมือนคนบ้าเพราะยิ่งควานหาความหวังยิ่งริบหรี่ ใบหน้าคร้ามเข้มเขม็งขึงด้วยริ้วความโกรธ มือกำพวงมาลัยจากนั้นก็ทุบซ้ำๆ ราวหมดความอดทน
แม่งเอ๊ย บัดซบฉิบหาย!
เขาไม่น่าปล่อยญดารินไว้กับโอฬารเลย ไม่รู้อีกฝ่ายใช้เล่ห์กลอย่างไรหญิงสาวถึงยอมไปด้วย บางทีเธออาจพึงพอใจเพราะเหยื่อตัวใหญ่สามารถทำให้สบายไปทั้งชีวิต คนอารมณ์ร้อนเหวี่ยงกุญแจรถไปมาขณะเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัว เอาเถอะถ้าญดารินเลือกทางนั้นก็ช่างแม่ง เขาไม่อยากขวางความสุขใคร แถมหญิงสาวเองก็ไม่ได้มีค่าให้น่าเสียดาย
มือแกร่งปิดประตูเสียงดัง กระชากเสื้อสูทออกโยนทิ้งบนโซฟา เจ้าของร่างสูงจ้ำอ้าวไปหยิบเบียร์ในตู้ก่อนเดินกลับมาทิ้งตัวบนเบาะหนังราคาแพง ปุรินโกรธจนควันออกหู ไฟโทสะที่สุมอยู่ถูกระบายกับแอลกอฮอล์
ชายหนุ่มทึ้งผมจนเสียทรง นัยน์ตาแดงก่ำหลับลงไม่กี่วินาที ใบหน้าหวานก็พลันปรากฏ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะขณะพยายามสลัดภาพคนในความทรงจำ แต่อย่างไรรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอยังดังกึกก้องไม่ต่างกับแผ่นเสียงซึ่งเล่นซ้ำปราศจากที่สิ้นสุด แรงขย้ำกระป๋องเบียร์ในมือจึงอัดแน่นด้วยความผิดหวัง
เพราะญดารินอวดดีและน่าหมั่นไส้มั้งพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เธอเป็นเมียเขาแท้ๆ แต่ดันแล่นไปกับคนอื่นหน้าตาเฉย ถึงไม่เห็นแก่หน้าผัวก็ช่วยกลัวบาปบ้างเถอะ ปุรินโยนความผิดให้เธอโดยไม่นึกว่าตนนั้นแหละคือต้นเหตุ ทุกอย่างกลับตาลปัตรล้วนเกิดขึ้นเพราะเขาทั้งนั้น ทว่าคนจิตใจมืดบอดกลับเคียดแค้นอยากเอาชนะไม่สนถูกผิด
ดวงตาคมลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแง้มประตู เหลือบสังเกตพบว่าเข็มนาฬิกาเกือบเที่ยงแต่หญิงสาวพึ่งกลับมา แววตาขุ่นขวางจึงตวัดมองต้นเสียงแต่อีกฝ่ายดูไม่ทุกข์ร้อน ญดารินมองข้ามคนรอราวธาตุอากาศ ชายหนุ่มผู้เดือดดาดจึงตรงดิ่งเข้าไปดักทางไม่ให้เธอหนี เพราะยังไงวันนี้ก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง
“สนุกไหม ไปเอากับมันมาหรือยัง” เสียงแหบห้าวเอ่ยก่อนเลิกคิ้วกวน
แต่วาจาร้ายๆ ไม่อาจเฉือดหัวใจคนฟังได้อีก เพราะหญิงสาวเจ็บจนด้านชา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายแหลกสลายแทบไร้ความรู้สึก ญดารินกัดริมฝีปากพลางเบือนหน้าหนี แพขนตางอนยาวกะพริบถี่ห้ามไม่ให้น้ำตาไหล
เธอไม่อยากร้องไห้ ไม่เอาอีกแล้ว…
“กอหญ้า!” ความเงียบส่งผลให้สติเขาขาดผึง สิ่งที่ปุรินเกลียดที่สุดคือคำถามซึ่งปราศจากคำตอบ จากความเพ้อเจ้อแปรเปลี่ยนเป็นคิดมาก ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ญดารินควรอธิบาย ไม่ใช่นิ่งเหมือนหุ่นยนต์
“สรุป” ชายหนุ่มบีบแขนขาวไม่อ้อมแรง แต่ละวินาทีของการรอคอยช่างทรมานจับใจ
“พูดสิกอหญ้า ทำไมเธอไม่พูดกับฉัน”
“แล้วหญ้าควรพูดอะไรคะ คำตอบแบบไหนที่คุณอยากได้ยิน” แววตาเธอสาดความปวดร้าวไม่หยุดยั้ง ปุรินหลุบตามองต่ำ พึ่งรู้บัดนี้ญดารินมีอิทธิพลต่อตนเองเช่นกัน
“คุณปุนลืมหรือเปล่าว่าเป็นคนส่งหญ้าให้ผู้ชายคนนั้นเองกับมือ ตอนคุณปุนทำแบบนั้นคิดบ้างไหมว่าหญ้าเป็นเมีย”
“แต่ฉันไม่ได้บอกให้เธอไปต่อกับมัน” เสียงเข้มย้อนถามจะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะตัวเธอเองก็มีทางเลือก ปุรินไม่ได้มัดมือมัดเท้าแล้วบังคับให้ญดารินไปกับฝ่ายนั้นซะหน่อย แผนการบ้าๆ แบบนั้นไม่เคยอยู่ในหัวสมอง ไม่มีวัน
“เธอชอบมันมากกว่า อย่ามาโทษฉัน”
“ใช่ค่ะคุณไม่บอก แต่การกระทำของคุณต่างกันตรงไหน” ญดารินสะบัดห่างการเกาะกุม เธออยากทุบตีและระบายความโกรธเคืองให้ปุรินได้ลิ้มรส ทว่าพอกลับมาทบทวนการทำเช่นนั้นเปล่าประโยชน์ คนใจร้ายยังคงใจร้ายอยู่วันยังค่ำต่อให้โวยวายหรือร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายเลือดเขาไม่มีทางแยแส รั้นจะมีแต่หัวใจเธอนี่แหละเจ็บปวดกว่าเดิม
“ตอนคุณปล่อยหญ้าไว้กับผู้ชายคนนั้นคุณรู้ไหมคะเขาพูดอะไรกับหญ้า…” หญิงสาวสะอื้นในใจ ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มยิ่งผลักญดารินหลุดจากวงโคจรมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ไม่เข้มแข็งพอจะเลิกรักเขาสำเร็จ ความสัมพันธ์ครั้งนี้จึงไม่ต่างกับมหันตภัยร้ายแรง คำว่ารักที่น้ำหนักไม่เท่ากันสุดท้ายก็นำพาความเจ็บปวดสู่หัวใจดวงน้อยอย่างไม่สิ้นสุด
“เขาพูดอะไรกับเธอ” ปุรินกำหมัดแน่นมองผ่านไหล่บางที่ลู่ลงราวหมดแรง น่าแปลกที่ความอ่อนแอและหยาดน้ำตาซึ่งขังคลอหน่วยสามารถดับโทสะเมื่อครู่หายไปกว่าครึ่ง
ชายหนุ่มไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าเธอเสียใจแต่พยายามฝืนเพราะไม่อยากเสียน้ำตา สองเท้าทำทีจะก้าวไปปลอบแล้วสลัดเรื่องบัดซบเมื่อค่ำออกจากหัวสมอง แต่ร่างบางกลับถอยหนีก่อนยิ้มเศร้า
“กอหญ้า”ชายหนุ่มพรูลมหายใจครั้นเริ่มกลับมาหงุดหงิด ง้อขนาดนี้หญิงสาวยังตั้งป้อมโกรธเคืองอยู่ได้ ตัวเขาเองโมโหแทบบ้ายังยอมระงับอารมณ์
“อย่าเรื่องมากได้ไหม”
“หญ้าไม่ได้เรื่องมาก แต่หญ้าแค่เล่าให้ฟัง ว่าคุณเอเขาพูดยังไงบ้าง เขาถามหญ้าว่าสามีที่ทิ้งภรรยาตัวเองไว้กับผู้ชายคนอื่นคุ้มค่าสำหรับความเสียใจของหญ้าเหรอคะ คุณรู้ไหมตอนนั้นหญ้ารู้สึกยังไง หญ้าคิดว่าตัวเองโง่มากที่ไปหลงรักผู้ชายใจร้ายอย่างคุณ”
พอได้ฟังเช่นนั้นปุรินถึงกับชะงัก ร่างสูงแข็งทื่อราวถูกสาป ด้วยไม่เคยรู้ตัวว่าญดารินคิดกับตนในแง่นั้นมาก่อน หัวใจแกร่งพลันสั่นสะท้านเพราะคำสารภาพของเธอ
“ยอมรับตัวหญ้าเองเคยคิดแบบเด็กๆ ว่าการที่ได้อยู่ใกล้คุณได้เป็นเมียคุณแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว และบางทีคุณอาจเปิดใจรักหญ้าได้ในสักวัน แต่ไม่เลยคุณไม่เคยให้โอกาสหญ้าเลย ไม่ว่าหญ้าจะพยายามแค่ไหนคุณก็ไม่เคยเห็นหญ้าอยู่ในสายตา มีแต่หญ้าที่นับวันยิ่งรักคุณมากขึ้น…จนตอนนี้หญ้าเหนื่อยจะรักคุณแล้ว” หญิงสาวระบายความอัดอั้นจากซอกลึกในหัวใจให้ชายที่เป็นเจ้าของมันได้รับรู้
แต่ฝั่งตรงข้ามกลับนิ่งสนิท คนหัวใจสลายจึงไม่อาจอยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำปฏิเสธจากปากเขา เธอควรเดินหน้าต่อและยอมรับความจริง จุดจบสุดท้ายของการแต่งงานซึ่งไร้ความรักเป็นตัวกลางคาดหวังไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้นตื่นเถอะกอหญ้าเลิกอ่อนแอสักที…
ท้องฟ้าหม่นหมองไม่ต่างกับอารมณ์ผู้จ้องมอง หลังมีปากเสียงกันเมื่อคืนวันนี้ทั้งสองกลับเขาใหญ่ทันที ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเสียงระบายลมหายใจเข้าออก ปราศจากบทสนทนาปรับความเข้าใจ หากปุรินไม่เอ่ยปากก่อนไม่มีความจำเป็นที่ญดารินต้องพูดกับเขาเช่นกัน เส้นความอดทนของเธอถึงขีดจำกัดตั้งแต่เมื่อวาน ต่อจากนี้หญิงสาวจะเริ่มตัดใจคงเหลือไว้แต่หน้าที่เมียจำเป็น
“พี่สาวคนสวย คิดถึงจัง” เสียงสดใสพูดจบร่างเล็กก็กระโดดลงมาจากโซฟา ภูหมอกวิ่งไปหาญดารินไม่สนใจผู้เป็นพ่อซึ่งยืนหน้าดำคร่ำเครียดข้างเธอ
“น้อยๆ หน่อยเจ้าหมอก” ปุรินพ่นลมหายใจหงุดหงิด
“ก็หมอกคิดถึงพี่หญ้านี่ เย็นนี้เราไปปั่นจักรยานเล่นท้ายไร่กันดีไหมครับ”
“น้องหมอกอยากไปเหรอคะ” ญดารินย่อกายลงไปสบตาเด็กน้อย ท่าทีน่ารักเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุยของทั้งคู่พลอยสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างรวมถึงปุริน
“ครับ พ่อไปเปล่า”
“พ่อ…”
“เราไปกับพี่หญ้าสองคนนั้นแหละเจ้าหมอก พ่อเราพึ่งกลับมาธุระเยอะแยะไว้ชวนวันอื่นเนอะ”
ญดารินโล่งใจราวยกภูเขาออกจากอกพอได้ยิน เธอทนอึดอัดตลอดเส้นทางถ้าตอนเย็นเขาไปด้วยเห็นทีคงบ้าตาย
การตัดใจจากคนที่รักไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นหญิงสาวต้องห่างปุรินมากที่สุด ส่วนพรรณนารายเองก็คงมองความปรารถนาเธอออกนางจึงขัดขวางภูหมอกได้ทันเวลา
“หญ้าไปสอนการบ้านน้องหมอกหน่อยสิ ตั้งแต่ปิดเสาร์อาทิตย์เจ้าแสบเอาแต่เล่นไม่หยุด”
“ได้ค่ะ ไปกันครับน้องหมอกเดี๋ยววันนี้พี่หญ้าเป็นทีเช่อให้เองนะ” หญิงสาวเผยรอยยิ้มบางๆ แววตาโศกเศร้าสบตาผู้มีพระคุณแล้วหันหลังจูงภูหมอกเดินออกไป คล้อยหลังอีกฝ่ายพ่อเลี้ยงหนุ่มขมวดคิ้วตั้งคำถาม เขาไม่เข้าใจความคิดพรรณนารายไม่รู้ท่านนึกประหลาดอะไรถึงห้าม ทั้งที่วันก่อนจับคู่บังคับให้มีลูกกับสาวเจ้าอยู่เลย
“หมายความว่ายังไงครับคุณย่า ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจอย่างละเอียดที”
“ก็ไม่ยังไง ย่าเห็นแกไม่ชอบกอหญ้า ถ้าไปด้วยกันจะพานรกหูรกตาทำแกหงุดหงิดเปล่าๆ” เห็นพรรณนารายเมินเฉย ก้มหน้าสนใจพระเอกหน้าหยกในจอไอแพดปุรินยิ่งฉุนเฉียว เขากำหมัดขณะความอดทนต่ำลงแทบเหลือศูนย์ คนอารมณ์ร้อนเบี่ยงสายตาไปทางหน้าต่าง ชั่วขณะก็หันกลับมาพูดกับท่านอีกรอบ
“คุณย่าครับ…” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพลางบอกตนเองซ้ำๆ ว่า
นี่คนที่รัก อดทนไว้ไอ้ปุน!
“อะไร แกมีอะไรก็ไปทำสิย่าจะดูซีรีส์”
“แต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย คุณย่ามีอะไรทำไมไม่บอก…”
“ทำไมฉันต้องบอกทีแกทำอะไรยังไม่เห็นปรึกษาฉันสักคำ”
“หมายความว่ายังไง ผมทำอะไร”
“หึใสซื่อนักพ่อคุณ คิดว่าย่าไม่รู้เหรอแกวางแผนจะพากอหญ้าไปฉีดยาคุม” ถ้าไม่ติดว่าเสียดายเจ้าเหล็กสี่เหลี่ยมละก็หลานชายหัวแตกแน่พรรณนารายสาบาน สิ่งที่ปุรินทำลับหลังน่าโมโหกว่าจะพูดกันดีๆ ถึงไม่รักไม่ชอบก็ไม่ควรทำร้ายจิตใจกัน
ญดารินไม่เคยคาดหวังให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว เธออยากมีผู้ชายที่รักในชีวิตจริง แต่เพราะความโง่และทิฐิสูงลิ่วของปุรินทำให้ทุกอย่างพินาศ เศษหัวใจแตกสลายไม่รู้ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหายดี
“ฉันเข้าใจแล้วแกเปิดใจรักกอหญ้าไม่ได้ แต่ช่วยรออีกหน่อยได้ไหมรับรองไม่นานหรอก ฉันจะพากอหญ้าไปเซ็นใบหย่าให้แกเองกับมือ”