ตอนที่ 5
ใช่เพื่อนแน่นะริน
เธอหนีชั้นไปไหนไม่พ้นหรอก ...ริน
“ฮัดเช้ย!”
“ไม่สบายเหรอริน เห็นจามมาหลายครั้งละ”
รุ้ง เพื่อนที่ทำงานเอ่ยถาม เมื่อเห็น รินลดา ทั้งจามและนั่งเหม่อลอยมาได้สักพัก
“นิดหน่อยอะ สงสัยอากาศเปลี่ยน ช่วงนี้”
บอกเพื่อนไปยังงั้นแต่ก็ยังเหมือนจิตใจยังล่องลอย ไม่อยู่กับงานตรงหน้า แม้จะพยายามดึงสติให้กลับมาแต่ก็เหมือนใจเจ้ากรรมจะทรยศ
เราคิดถึงรินมากนะ รินเป็นแฟนคนแรกคนเรา
คำกระซิบแผ่วเบายังดังก้องอยู่ในโสตประสาท
สัมผัสวาบหวามจากปลายลิ้นผ่าวร้อนยังติดตรึงอยู่ในทุกอณูเนื้อ แต่คำบอกแสนหวานที่ดังแว่วจากโทรศัพท์ของสาวที่ชื่อ สายฝน ก็ยังแว่วอยู่ในหู
ทั้งเร่าร้อนและสับสน ไม่ต่างจากที่ผ่านมาเลย
เหมือนกองไฟที่ชวนให้แมงเม่าเข้าไประเริง และก็พร้อมจะเผาใหม้ให้จิตใจมอดไหม้เป็นจุณ
...หนีให้ห่าง น่าจะดีที่สุด
“ตอนเย็นเจอกันหน่อยมั้ยครับ”
ไลน์จาก พี่กริชดังขึ้น เขาเป็นรุ่นพี่ในแผนกวิศวกรรม ที่มีมิตรไมตรีที่ดี และรินลดา ก็กำลังเปิดใจยอมรับในความสัมพันธ์นี้อยู่ หลังจากเช็คข้อมูลแล้ว พี่เขาโสดยังไม่มีครอบครัว และดูเป็นคนสุภาพมีความเอาใจใส่สม่ำเสมอดี
บางที พี่กริข อาจจะทำให้เธอลืมรักแรกที่ฝังใจก็ได้
“ได้ค่ะ ร้านยูมีนะคะ”
รินลดา ตอบไลน์ไป และคว่ำหน้าจอมือถือไว้ เพื่อหันมาสนใจกับงานตรงหน้า
ทำงานดีกว่า หยุดคิดเรื่องของเสือผู้หญิงอย่าง กัณย์ ได้แล้ว ป่านนี้เขาคงจะอี๋ออกับสาวสายฝน ตั้งแต่แยกกับเธอตังแต่คืนนั้นแล้ว
.
.
“พอดี ช่วงบ่ายจะมีพันธมิตรเจ้าใหม่เข้ามาคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องบิลบอร์ด ยังไงอาจให้รินช่วยดูลูกค้านี้หน่อยนะ”
คุณจ๋า เจ้าของบริษัทแจ้ง รินลดา ในช่วงสาย หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ เธอทำงานเป็นฝ่ายการตลาดให้กับบริษัท โอเคแอดเวอร์ไทซิ่ง ที่เป็นเอเยนซี่ทำงานให้สินค้าหลายแบรนด์ในประเทศ ทั้งรูปแบบออนไลน์และบิลบอร์ด
“ได้ค่ะ ลูกค้าชื่อบริษัทอะไรคะพี่จ๋า รินจะได้ศึกษาหาข้อมูลไว้ก่อน เวลาพรีเซ้นต์”
“นครปุ๋ยไทยอะ เห็นว่าเป็นบริษัทเปิดใหม่ที่ทำเกี่ยวกับปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่ต้องการตีตลาดในภาคกลางและอีสานทั้งหมด เค้าต้องการให้เราทำการตลาดและสร้างแบรนด์ให้”
คำบอกของประธานบริษัท ทำให้รินลดาพยักหน้าเข้าใจ ความจริงเธอเคย ร่วมทำงานกับบริษัทเปิดใหม่มาหลายที่ ส่วนใหญ่เธอจะชอบมากกว่าบริษัทดังๆ ที่มีฐานลูกค้าและสร้างแบรนด์มานานเสียอีก
ความสดใหม่ มันคือความท้าทาย
แม้นายจะบอกข้อมูลลูกค้ามาละเอียดเพียงใด แต่ รินลดา ก็จำต้องมาเช็คข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทลูกค้าอีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าไปพรีเซ้นต์งานต่อในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เพราะการรู้เขารู้เรา คือหัวใจสำคัญของการทำการตลาด
บริษัท นครปุ๋ยไทย จำกัด ทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท เพิ่งจดทะเบียนเมื่อต้นปีนี้ มีกรรมการผู้จัดการสองคน ชื่อคนแรกคุ้นๆ แต่ชื่อคนที่สองนี่ ไม่ใช่แค่คุ้น
นายกัณย์ เศวตศิริ กรรมการผู้จัดการ
บ้าบออะไรกันเนี่ย!
เคยรู้มาเหมือนกันว่า ที่บ้านของเพื่อนหนุ่มสมัยคนนี้ ทำธุรกิจหลายอย่าง และพอเรียนจบมาก็มารับช่วงกิจการของที่บ้านหลายอย่าง รวมถึงมีหลายธุรกิจที่ทางครอบครัวเศวตสิริ เปิดให้กับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้
“ลูกค้ามาแล้วนะริน อยู่ในห้องรับรองกับพี่จ๋า”
เลขาของนายเดินมาแจ้งให้เธอเตรียมตัว รินลดา ถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าควรจะเดินหนีไปทางไหนดี แต่สุดท้ายเธอก็จำต้องคว้าไอแพคและขยับเสื้อสูทให้เข้าที่ เพื่อเดินเข้าไปยังห้องรับรองลูกค้า
“เชิญจ้า ริน”
พี่จ๋าเอ่ยเมื่อเธอเคาะประตูเพียงครั้งเดียว หญิงสาวมองร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดสูทสีเงินที่นั่งยิ้มละไม อยู่บนเก้าอี้นวมชุดรับรองด้วยสายตาราบเรียบ
“นี่คุณริน พนักงานฝ่ายการตลาดของเราค่ะ คุณกัณย์”
เจ้านายของเธอแนะนำกับคนตรงหน้าด้วยโทนเสียงเป็นทางการ ปากหยักได้รูปของ กัณย์ ยกยิ้มขึ้นเพียงเล็กน้อย และโค้งคำนับให้คนตรงหน้าด้วยแววตาวาววับ
เพื่อนคนสวยของเขาอยู่ในชุดบอดี้สูทสีงาช้าง สวยสง่าและน่ามอง แม้เธอจะมองเขาด้วยสายตาที่เรียบเฉย
“บังเอิญจังเลยครับคุณจ๋า นี่คุณรินเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมของผมเอง”
หน้าหล่อเหลาของลูกค้าเจ้าเล่ห์ หันไปบอกเจ้านายใหญ่ของเธอ เหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเสียเหลือเกิน
“ว้าว! จริงเหรอคะคุณกัณย์ เซอร์ไพร์สมากเลย”
คุณจ๋า อุทานอย่างประหลาดใจ มองหน้าของรินลดา สลับกับ ลูกค้าหนุ่มหล่อไปมาก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี
“ใช่ค่ะ รินเป็นเพื่อนกับคุณกัณย์ตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ”
รินลดา จำต้องตามน้ำตามเกมส์ของคนตรงหน้า ในเมื่อเขาเข้ามาดิวงานที่นี่อย่างเป็นทางการ เธอเคยก็ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพกลับไปเช่นกัน
อย่างไงเรื่องงานก็สำคัญที่สุด
“ครับ เป็นเพื่อน”
กัณย์ เอ่ยย้ำคำนี้อีกครั้งมองหน้าสวยผุดผาดที่แต่งเติมอย่างปราณีตตรงหน้าไม่วางตา แม้ดวงตาคู่สวยนั้นจะไม่ยอมสบตาเขาเลยแม้แต่น้อย
ใจร้ายชะมัด! ปล่อยให้เราค้างคามาหลายวัน
“คุณรินเป็นการตลาดที่เก่งมากเลยค่ะ ทำหลายแบรนด์ติดตลาดไปเยอะพอสมควร วันนี้จ๋าเลยอยากให้มาฟังบรีพจากคุณกัณย์ร่วมกันจะได้ตรงคอนเซ็ปต์ทิ่คิดไว้ในใจ”
“ดีมากเลยครับผม”
ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย เปิดไอแพคขึ้นมาและอธิบายถึงข้อมูลคร่าวที่เขาต้องการ โดยมีทีมกราฟฟิคตามเข้ามาฟังด้วยอีกสองสามคน
รินลดา พยายามฟังลูกค้าหนุ่มหล่ออย่างตั้งใจ เพื่อเก็บรายละเอียดการบรีฟให้มากที่สุด แม้บางจังหวะจะสบตากับสายตาคมเข้มนั้น แต่เธอก็มองตอบด้วยความเรียบเฉย
การบรีฟงานใช้เวลาประมาณเกือบสี่ชั่วโมง รินลดา และทีมกราฟฟิคจึงออกมานั่งทำงานด้านนอก ปล่อยให้ลูกค้าหนุ่มกับประธานใหญ่ของบริษัท คุยกันต่ออีกสักพัก และเธอก็ไม่สนใจว่าคนในห้องนั้นจะเป็นอย่างไรต่อ พยายามเอาใจกลับมายังงานที่อยู่บนโต๊ะ
“รินจะเอารถไปเอง หรือไปรถพี่ดี”
พี่กริช เดินมาหาเธอทันทีที่เลิกงาน และช่วยหยิบจับของบนโต๊ะ เหมือนต้องการเอาใจใส่คนตรงหน้าอย่างเต็มที่
“อืม ร้านนั้นอยู่คนละทางกับคอนโดรินเลย ..เดี๋ยวรินเอารถไปเองดีกว่าค่ะเจอกันที่ร้าน พี่กริชจะได้ไม่ต้องวนไปวนมาส่งรินอีกรอบให้เสียเวลา”
“เอางั้นก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยถือไปส่งที่รถ”
กริชตอบอย่างว่าง่าย เดินถือแฟ้มงานสองสามอันตามหญิงสาวไปที่รถ โดยไม่สังเกตว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งมองจับจ้องทั้งสองตั้งแต่อยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว
“อ้าวรินจะกลับแล้วเหรอ ..เรารอตั้งนานแนะ”
เสียงนุ่มหูที่คุ้นเคยด้านหลัง ทำให้ รินลดา ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง หน้าหล่อเหลาที่ยืนมองเธอกับกริช อยู่ไม่ไกลนักด้วยแววตาขุ่นเคือง
“อ้าว กัณย์คุยกับพี่จ๋าเสร็จแล้วเหรอ”
หญิงสาวทักอย่างแปลกใจ และเผลอเรียกเพื่อนหนุ่มด้วยน้ำเสียงสนิทสนมแบบลืมตัว
“ใครเหรอริน”
กริชอดที่จะสงสัยไม่ได้ จึงโน้มหน้าถามหญิงสาว เมื่อเขาเก็บแฟ้มงานเข้าไปในรถแล้ว
“คุณกัณย์ลูกค้าใหม่ของเรานะ” รินลดาหันมาตอบกริชพร้อมยิ้มละไม่ “...และกัณย์เป็นเพื่อนกับรินมาก่อน รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนนะ”
“อ้อ” เหมือนกริชจะพยักหน้าเล็กน้อย
“เพื่อนเหรอ ..ใช่เพื่อนแน่เหรอริน”
กัณย์เอ่ยเสียงเข้ม เดินสาวเท้ามาใกล้ร่างของรินลดา