ตอนที่ 3.2 เกลียดอะไรได้อย่างนั้น

1235 Words
มนต์พิชชากำหมัดแน่น สุดท้ายก็ต้องยอมเล่นเกมคู่กับกวินจนได้ “เอาล่ะ! เตรียมพร้อมนะคะ” รุ่นพี่คนเดิมเริ่มประกาศต่อ กวินเดินตามมนต์พิชชาไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดี ซึ่งดูตรงข้ามกับพีชที่เดินนำไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุด ๆ "พี่พีช~ อย่าเดินเร็วนักสิครับ ผมกลัวเดินหลงทางนะ" "เดินให้มันดี ๆ แล้วก็หุบปาก" "โหยใจร้ายจัง~ แต่ก็น่ารักดีนะครับ หัวใจผมนี่เต้นตึกตักเป็นจังหวะสามช่าเลยนะพี่" เธอชะงักหยุดยืนกับที่ก่อนจะหันขวับไปหมายจะด่ากวิน แต่ดันเห็นใบหน้าหล่อเกินไปของเขาเข้าเต็มตา เวรแล้วไอ้หน้าตี๋นี่มันก็หน้าตาดีเกินไปจริง ๆ "ทำไมจ้องผมนานขนาดนั้นครับ หรือว่า~" ตุ้บ! พีชเอาแฟ้มในมือฟาดไหล่กวินเต็มแรงก่อนจะหันไปเดินตามรุ่นพี่ปี4ต่อ "อย่ากวนตีน เดินตามมาดี ๆ!" กวินหัวเราะเบา ๆ แต่ก็ยอมเดินตามเธอไปอย่างง่ายดาย "เอาล่ะ! ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว รุ่นพี่จะพาน้อง ๆ แต่ละคู่ไปประจำจุดต่าง ๆ และมีเวลาแค่คู่ละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากหมดเวลานาฬิกาที่ข้อมือน้อง ๆ จะส่งสัญญาณให้พวกรุ่นพี่ไปรับทันที เพราะฉะนั้นทำเวลากันด้วยนะคะ" พีชและกวินถูกรุ่นพี่พาขึ้นรถรางของมหาลัยมาประจำยังจุดที่กำหนด เมื่อเธอหันกลับไปมองที่อาคารก็เห็นว่ามีรถอีกหลายสิบคันที่กำลังพาคนอื่นไปยังจุดต่าง ๆ หลังจากที่มาส่งถึงที่รุ่นพี่คนสวยก็หันมายิ้มให้กับทั้งสองคน "ใช้ได้แค่ไฟฉายจากนาฬิกาที่ข้อมือเท่านั้นนะพีช" "พี่เหนิง แล้วนาฬิกาแบตมันจะถึง2 ชั่วโมงเหรอคะ" "อันนี้เป็นรุ่นทดลองจากพี่ปี4เลยน๊า ถ้ากลัวไม่พอก็ลองบริหารเวลาดูนะ มีสองเรือนนิ พี่ไปละ" หลังจากพูดจบ รุ่นพี่คนสวยก็ขับรถรางกลับไปยังอาคารทันที ทั้งสองหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้กัน “ไหน ๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีแต่ต้องชนะ และต้องชนะเท่านั้นเข้าใจไหม” “รับทราบครับ~” กวินกวาดสายตามองรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่าสถานที่ด้านหน้านั้นเป็นหอประชุม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้จัดพิธีสำคัญของมหาลัย มันทั้งกว้างขวางและโอ่อ่า แต่ตอนนี้กลับเงียบสงัดจนขนลุก ทั้งสองคนก้าวเข้าไปในความมืด มีเพียงเสียงจากฝีเท้าของทั้งคู่ที่ดังจนก้อง “เสียงใครเดินข้างหลัง" กวินกระซิบทำให้พีชหันขวับไปมองแต่พบว่าที่ตรงนั้นไม่มีใคร "ไม่มีอะไรหรอก ห้องมันกว้างมันโล่ง ก็น่าจะเสียงเท้าเรานี่แหละ.. เดินหาตราปั๊มเถอะ" แต่ทันใดนั้นเอง ไฟในหอประชุมกะพริบ ๆ อยู่สามสี่ครั้ง ก่อนจะดับและสว่างวาบมาประมาณสามวินาที แสงไฟที่สว่างนั้นเผยให้เห็นเงาดำสูงยืนอยู่บนเวทีก่อนที่มันจะหายวับไป "เฮ้ย! เห็นมั้ย!" กวินตะโกนออกมาจนเสียงของเขาก้องสะท้อนจนน่ากลัว แต่พีชกลับนิ่งเพราะเธอรู้ดีว่าสถานที่นี้ก็เป็นแค่ฉากที่รู้พี่สร้างขึ้น "รุ่นพี่แกล้งน่ะ รีบหาให้เจอแล้วจะได้ออกไปกัน" ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเริ่มต้นหาอีกรอบ กวินดูลุกลี้ลุกลนมากทำให้พีชรู้แล้วว่าเด็กคนนี้ยังจิตใจไม่แน่วแน่พอ ทั้งสองเดินหาอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นว่าใต้โต๊ะพิธีมีอะไรบางอย่างวางอยู่ เมื่อเข้าไปดูก็พบว่ามันอยู่ตรงนั้นจริง ๆ "เจอแล้ว" มนต์พิชชาหยิบตรามาปั๊มลงในกระดาษที่ได้มา แล้วเมื่ออ่านที่กระดาษก็พบว่าตราปั๊มนั้นเป็นเบาะแสของที่ถัดไป หมายความว่าถ้าหาตราปั๊มต่อไปไม่เจอ ก็จะไปต่อสถานที่ต่อไปไม่ได้สินะ "สถานที่ถัดไปคือห้องสมุดชั้นสาม.. งั้นเหรอ" "แล้วมันอยู่ส่วนไหนของมหาลัยเนี่ยพี่" "อยู่อาคารถัดไป ว่าแต่นายแปลก ๆ ตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ หรือว่า.. นายกลัวผี!" พีชจงใจกระแทกเสียงคำว่าผีดัง ๆ แล้วกระโดดไปทำหน้าหลอกผีคนตรงหน้า “เฮ้ย! พี่เล่นอะไรเนี่ย” ถ้าเป็นปกติไอ้เด็กคนนี้คงต่อล้อต่อเถียง แต่เวลานี้หน้าของเขากลับดูซีดเผือด พร้อมทั้งกระโดดเข้ามาใกล้ใช้มือหนาจับที่แขนของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาในเวลานี้ทำให้เธอรู้สึกผิดนิดหน่อย “ไม่แกล้งละ ๆ งั้นเราจะไปอาคารถัดไปนายพร้อมแล้วใช่ไหม” “อื้ม.. รีบพาผมออกจากตรงนี้เถอะพี่” ถึงแม้ไอ้เด็กนี่จะตอบว่าพร้อม แต่ท่าทางลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวานั้นกลับทำให้มนต์พิชชารู้สึกขำกับท่าทางนั้น มือของเขายังคงเกาะไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย สองเท้าก็ก้าวเดินตามมาเรื่อย ๆ เธอปล่อยให้เด็กคนนี้เกาะแขนไว้อย่างนั้น แม้ว่าในใจจะเริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อยแต่ก็พอให้อภัยได้เพราะใคร ๆ ต่างรู้ว่าที่มหาลัยแห่งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณบ้างประปราย จะเสียก็เพียงแต่.. มนต์พิชชานับถือคริสต์น่ะนะ ทั้งสองเดินมาไม่กี่นาทีก็ถึงห้องสมุดตามที่ในตราปั๊มปักพิกัดไว้ให้ “สถานที่แห่งนี้ว่ากันว่าตอนตีสามจะมีเสียงเปิดหนังสือเองอยู่บ่อย ๆ เด็กที่ทำกิจกรรมกลับบ้านดึก ๆ มักมักจะได้ยินอยู่เสมอ นายระวังหน่อยก็แล้วกัน” “แล้วพี่จะมาบิ๊วอะไรตอนนี้เนี่ย!” กวินทำหน้าขยาด แต่รุ่นพี่อย่างเธอกลับรู้สึกชอบใจ ทั้งสองเดินผ่านชั้นหนังสือไปเรื่อย ๆ ในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจากนาฬิกาข้อมือของเขาทั้งสองทำให้ที่นี่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย เสียงลมที่พัดผ่านเข้ามาจากมุมใดสักมุมทำให้หน้ากระดาษเปิดเองเป็นระยะ หรือนี่จะเป็นที่มาของการเล่าขานกันปากต่อปาก “ทำไมที่นี่ไม่ปิดหน้าต่าง” พีชเดินไปใกล้หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่แล้วดึงมันปิดเสียงดังลั่น ขณะที่กวินกำลังค้นหาตราปั๊มอยู่นั้น ก็มีหนังสือเล่มหนึ่งหล่นมากระแทกศีรษะเข้าอย่างจัง “โอ๊ย! พี่พีชทำอะไรเนี่ยผมเจ็บนะ” “ฉันอยู่ตรงนี้จะไปทำอะไรนายได้ยังไง ถ้าทำได้ฉันคงมือยาวเป็นแม่นาคแล้ว” กวินหันไปมองมนต์พิชชาที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าเขาตกใจมากแต่ก็ยิ้มแหย ๆ แล้วรีบเก็บหนังสือเล่มนั้นไปไว้บนชั้น และดูเหมือนว่าจะโชคดีเมื่อเห็นว่าด้านบนชั้นที่เขาวางหนังสือนั้นมีตราปั๊มวางอยู่บนบันทึกเก่า ๆ เล่มหนึ่ง “เจอตราปั๊มแล้วพี่!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD