เรื่องใหญ่แล้ว

1192 Words
เสียงเอะอะโวยวายของชายที่สวมสูทราคาแพง และดูท่าว่า จะไม่ยอมง่ายๆ ทำให้ พนักงานรักษาความปลอดภัย ต้องเข้ามาุมสถานการณ์ก่อนที่จะแตกตื่นกันไปมากกว่านี้ "คุณเอกณัฐ อยู่ไหม " เสียงดุดัน เรียกหาท่านประธาน ผู้ที่มีอำนาจสูงสุด "คุณเอกณัฐ ไม่เข้าบริษัทค่ะ " พนักงานประชาสัมพันธ์ด้านล่าง ไม่ทราบจริงๆ หรอกว่า คุณเอกอยู่หรอไม่อยู่ เพราะส่วนมากจะขับรถขึ้นไปจอดที่ด้านบนตรงส่สนของลานจอดรถส่วนตัวแล้ว กดลิฟต์ขึ้นไปทำงานที่ชั้นบนของฝ่ายบริหาร "ผมจะคุยกับใครก็ได้ ที่เป็นเจ้านายของไอ้นักรบ " เพราะโทรหาไม่ติด ยิ่งทำให้หงุดหงิดใจ การมาที่นี่ อาจจะเกิดเรื่องราวได้ แต่คนเป็นพี่ชาย ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว "จากการตรวจสอบ คุณนักรบยังไม่ได้เป็นพนักงานของที่นี่นะคะ " แม้จะมีประวัติการมาสมัครงาน และการเดินเข้าออกในตึก จากบัตรพนักงานที่เก็บข้อมูลเอาไว้ แต่ว่า คุณนักรบ ก็ขึ้นตรงกับท่านประธานที่ปรึกษา ก็คือคุณเกียรติ "มันทำงานที่นี่ " เสียงดุดันบอกออกมาแล้วมองพนักงานด้วยแววตาโกรธจัด "ทราบค่ะ ว่าทำงานที่นี่ แต่ว่า " เลขาคนสนิทของท่านประธาน ลงมาจากข้างบนหลังจากทราบเรื่องราววุ่นวาย หญิงวัยกลางคน มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย "มีอะไรคะ คุณ " "ผมชื่อ อาทร จากเอเอฟคอนส์ " ชื่อบริษัทและบัตรประชาชน ถูกนำมายื่นให้ดูอีกครั้ง "ผมต้องการเจอนักรบ ตอนนี้ " ชายวัยกลางคนสองคน ที่นั่งกันอยู่ในห้องทำงาน บนตึกสูง มองหน้ากัน เมื่อเห็น คนที่เพิ่งก่อเรื่องวุ่นวาย ถูกพาตัวมาที่นี่ นักธุรกิจใหญ่ ที่ตอนนี้ เป็นพ่อตาของเอกณัฐ นั่งคุยอยู่กับ ทนายความคนดัง ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันในวงสังคม แต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว "สวัสดีครับ ท่าน ผมขอโทษที่มารบกวน " ชายหนุ่มออกตัวก่อน แล้ว นั่งลงตรงข้ามกับ คุณเกียรติ ที่เป็นเจ้าของสถานที่ "รู้ว่า มารบกวน แต่ก็มา " เสียงสุภาพ แต่เป็นคำตำหนิ ทำเอาคนฟัง สะดุดกึก ทันที "มีอะไร บอกมาเลย " "ผมต้องการพบนักรบครับ นักรบ เจริญภัทร์กรณ์ " ชื่อและนามสกุลที่เอ่ยถึง ทำเอา คนที่นั่งอยู่ มองหน้ากัน "ไม่อยู่ ยังไม่เข้ามา ออกไปพักกลางวัน แล้วก็ไม่กลับมาเลย " เวลาตอนนี้ เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว แต่ยังไร้วี่แววของนักรบ "มีอะไรด่วนขนาดนั้นเหรอ " "เรื่องส่วนตัวครับ " คำตอบที่บอกออกไป ทำเอาคนฟัง อมยิ้ม "ถ้าเรื่องส่วนตัว ก็เก็บเอาไว้เวลาส่วนตัว ทำไมถึงมารบกวนเวลางาน คุณ อาทร จากเอเอฟคอนส์ " คุณเกียรติถามกลับไป ด้วยน้ำเสียงสุภาพ ยิ้มน้อยๆ อีกต่างหาก แล้ว มองคนที่เดินเข้ามา เพื่อเสิร์ฟ กาแฟ และของว่าง พอดี "สมพร นักรบ ยังติดต่อไม่ได้ใช่ไหม " "ค่ะ โทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้ว " เลขาที่ทำงานมานานนับสิบปี ออกจากห้องไป ชายในห้องสามคน มองหน้ากัน ดูท่าที "ได้ยินแล้วนะ ว่าที่นี่ ไม่มีนักรบ แต่ถ้าคุณจะบอกเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ผมก็จะรับฟัง เพื่อประกอบการพิจารณา " มาที่นี่ มันไม่มีอะไรต้องจะเสียอีกแล้ว และคงจะเป็นการดี ที่ได้บอกเรื่องราวนี้ออกไป "น้องสาวผม มีความสัมพันธ์กับไอ้นักรบ แล้วมันก็ทิ้งไป คุณเกียรติ มีลูกสาว ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนในครอบครัวนะครับ ที่ต้องมารับรู้ว่า ผู้ชายที่ มีอะไรกับน้องสาวตัวเอง ได้แล้วทิ้ง " ชายวัยกลางคนสองคนมองหน้ากัน กัดกรามแน่น ด้วยความโกรธ ไม่ได้โกรธ เพราะนักรบ ไปมีความสัมพันธ์กับน้องสาวของ คนพูด แต่โกรธ ที่ดึงเอาลูกสาวของตัวเอง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยต่างหาก "สำหรับผมนะ ผมไม่โกรธ ไม่โกรธเลย ที่ลูกสาวผมจะมีความสัมพันธ์ กับใคร แล้วเลิกรา แยกทางกัน ผมไม่โกรธ เพราะสำหรับผม ผมเลี้ยงลูกสาวมาอย่างดี ให้สิทธิ์ ในการเลือก ในการใช้ชีวิต ต้องให้เครดิตภรรยา ที่เขาสอนลูกสาวผม อย่างดี ว่า ชายหญิง สิทธิ ของเรา สองคน เท่าเทียมกัน ความรัก เป็นเรื่องของคนสองคน ที่คนนอก ไม่เข้าใจหรอก แม้จะมองดู ว่า เหมาะสมกัน แต่ถ้าไม่รัก ก็เท่านั้นแหละ คนที่คบหากัน แล้วเลิกรากันไป มีเป็นแสน เป็นล้าน ของคู่รัก ที่ไปกันไม่รอด คุณอย่าเอาลูกสาวผม ไปเหมารวมกับ น้องสาวคุณ คนเป็นพ่ออย่างผม จะไม่มีวัน ไปตามผู้ชาย ให้ลูกสาวของตัวเองเด็ดขาด ถ้าเลิกกัน ก็ปล่อยมันไป ถ้าเขาไม่รัก จะเอาเงิน เอารถ เอาตำแหน่ง มาแลก มันก็ไม่มีวัน ที่จะอยู่ด้วยกันได้ จำเอาไว้คุณอาทร " ปมในใจถูกสะกิดขึ้นมา อีกครั้ง พ่อแม่ที่รักลูกไม่ถูกทาง มีอยู่จริงๆ และไม่ว่าเรื่องนี้ จะจริงหรือไม่จริง นักรบก็ไม่ควรถูกลากไป หาผู้หญิงที่ตัวเอง จบความสัมพันธ์ไปแล้ว เช่นกัน ทุกคนควรได้โอกาส ที่จะเริ่มต้นใหม่ ได้เริ่มงานใหม่ และใช้ชีวิตของตัวเอง ในแบบที่ตัวเองต้องการ ตลอดการสนทนา เกือบครึ่งชั่วโมง ชายที่นั่งนิ่งฟัง ทุกอย่าง สังเกตอาการของคนที่มาโวยวายอย่างเงียบๆ อาทรโกรธ นักรบ และต้องการ ที่จะสะสาง และหาคนผิดในเรื่องนี้ คนที่ต้องได้รับการลงโทษ คือนักรบ อาทรปักใจไปแล้วแบบนั้น โดยที่ไม่คิดจะฟังว่า เรื่องนี้ จริงหรือไม่จริงอย่างไร การมาที่นี่ ต้องการให้อับอาย และสร้างข่าวไม่ดี ให้กับนักรบ สิ่งที่อาทร ทำ คือการใช้อารมณ์ แต่ก็เข้าใจได้ เรื่องของคนในครอบครัว ก็ต้องเป็นเรื่องของความรู้สึก มากกว่า เหตุผลทั้งนั้น "คุณมาที่นี่ ก็เห็นแล้วว่า นักรบไม่อยู่ และคุณก็คงเชื่อ ว่าผม ไม่โกหกคุณใช่ไหม " "ครับท่าน ขอบคุณครับ " คนที่เอะอายโวยวาย ก่อนหน้านี้ ถูกตำหนิ อย่างตรงไปตรงมา จากผู้มากประสบการณ์รุ่นครวคราวเดียว กับพ่อของตัวเอง อาจจะอายุมากกว่า หรือน้อยกว่า ไม่กี่ปี แต่คำพูดคำจา คือน่านับถือ เหลือเกิน "ถ้านักรบมาทำงาน ผมจะให้เขาติดต่อหาคุณ ไม่ว่าเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้ว ต้องได้ปรับความเข้าใจกัน " คนที่มาโวยวายกลับออกไปในสภาพคอตก หมดมาดประธานบริหาร เอเฟคอนส์ เพราะถูกรุ่นใหญ่สอนมวยไปให้แบบมีชั้นเชิง ชายสองคน ในห้องมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจออกมา "งานนี้ สงสัย ไม่ต้องถึงมือผมแล้วมั้งครับ คุณเกียรติ " ทนายความใหญ่แซวออกมา แววตายังมีความกังวลใจ ถ้าลูกสาวรู้เรื่องนี้ หนึ่งของพ่อ จะเป็นยังไง พ่ออยากจะกอดลูกเอาไว้ ไม่ให้ใครหน้าไหน มาทำร้ายหัวใจลูกสาวพ่อได้ เหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD